ข่าวปนคน คนปนข่าว
**สับไอลอว์ ร่างทรงต่างขาติ ม็อบเร่งเร้าเอารุนแรง แกนนำตัวเบิ้มๆ “เพนกวิน-รุ้ง” เล่นใหญ่ “โจชัว หว่อง” ก็มา ขณะที่ “ธนาธร” ไม่เบาโพสต์ว่า This is not a compromise
ว่าด้วยสถานการณ์การเมืองร้อนๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อวาน (17 พ.ย.) ซึ่งงานนี้ ถูกจับตามองทั้งในและนอกสภาไปพร้อมๆ กัน
ในสภา ส.ส.ซีกรัฐบาล และ ส.ว. ต่างโจมตีร่างรัฐธรรมนูญ “ฉบับไอลอว์” ที่ม็อบคณะราษฎร เรียกร้องกดดันให้รับร่าง ว่า มีเนื้อหาที่คลุมเครือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ แถมมี “ต่างชาติ” ให้การหนุนหลัง เพราะ “ไอลอว์” รับเงินจากต่างชาติ ทั้ง มูลนิธิ Open Society ของ “จอร์จ โซรอส” และ NED ของสหรัฐฯ
ด้านฝ่ายไอลอว์ได้ส่งผู้แทน 3 คนมา นำทีมโดย “จอน อึ๊งภากรณ์” ชี้แจงอ้างว่าเป็นร่างฉบับประชาชน
งานนี้ นอกสภาก็เดือดปุดๆ ก่อนจะเริ่มชุมชุม แกนนำตัวเบิ้มๆ ทั่ง “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ และ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เล่นใหญ่เต็มที่ พยายามบิวด์อย่างหนัก โดยการใช้คำพูดรุนแรง และใช้โซเชียลฯ ติดแฮชแท็ก ...# กูสั่งให้มึงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งก็มองกันว่า เจตนาท้าทายสถาบันฯ ชัดเจน
ต่อมานอกสภาก็ตามมาด้วยความวุ่นวายตามคาด เมื่อมีลักษณะของ “ม็อบชนม็อบ” ที่เกรงกัน โดยมีการปะทะกันของม็อบคนใส่เสื้อเหลือง และ ม็อบ3 นิ้ว และเป็นอีกครั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง และแก๊สน้ำตา เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร ที่พยายามฝ่าแนวกั้นรักษาระยะห่างเข้าประชิดสภา
พลันที่มีการใช้รถฉีดน้ำและแก๊สน้ำตา แนวร่วมต่างชาติ งานนี้ก็มาตามนัด “โจชัว หว่อง” แกนนำผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ได้โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ ระบุถึงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งใช้น้ำแรงดันสูงและแก๊สน้ำตาฉีดใส่ผู้ชุมนุมว่า เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และเป็นการใช้อำนาจอย่างไม่เลือกหน้าของรัฐบาลที่มีกองทัพหนุนหลัง
ขณะ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ที่ถือหางข้างม็อบ 3 นิ้ว โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า This is not a compromise. # ม็อบ17พฤศจิกา ซึ่งโพสต์นี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก!!
อย่างไรก็ตาม ม็อบก็ยุติลงด้วยคำเชิญชวนของแกนนำม็อบ 3 นิ้ว ให้มากันใหม่ วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ราชประสงค์ ใจกลางเมือง โดยระบุว่า จะไม่มีการประนีประนอมใดๆ ทั้งสิ้น สภาจะมีการโหวตอะไรก็โหวตไป
เท่ากับว่า ม็อบยังเดินหน้าต่อไป โดย “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำคณะราษฎร ที่ขึ้นเวทีปิดท้ายยุติชุมนุม บอกว่า ม็อบจะไม่มีแพ้ ไม่มีเบา เบิ้มมาทุกวัน
สถานการณ์มาถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่า ม็อบ และ คนที่อยู่เบื้องหลัง รวมไปถึงต่างชาติที่หนุนอยู่ เป็นขบวนการเดียวกัน คล้ายๆ พยายามสร้างเงื่อนไข เร่งเร้าให้รุนแรง เพื่อปิดเกม .. แต่อีกฝ่ายจะเล่นด้วยการตกหลุมหรือไม่ ก็คงต้องคิดตามกันให้ดี อย่ากะพริบตา...ปี่กลองช่วงนี้ระทึกยิ่งนัก.!
**“แม้วโมเดล” แม่แบบ “ทรัมป์” ป่วนการเมืองอเมริกา หวังหวนคืนสู่อำนาจ
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผ่านมา 2 สัปดาห์เต็มๆ แม้ผลการนับคะแนนออกมาชัดเจนแล้วว่า “โจ ไบเดน” ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต เอาชนะ “โดนัลด์ ทรัมป์” เจ้าของตำแหน่งเดิมจากพรรครีพับลิกัน ด้วยจำนวนผู้เลือกตั้ง 306 ต่อ 232 เสียง เท่ากับคะแนนที่ “ทรัมป์” เคยเอาชนะ “ฮิลลารี คลินตัน” เมื่อ 4 ปีก่อน ที่ทรัมป์คุยโวว่าเป็นชัยชนะแบบฟ้าถล่มดินทลาย
แต่มาคราวนี้ “ทรัมป์” กลับไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยอ้างว่ามีการโกงกันอย่างมโหฬารในหลายรัฐ และเขากำลังจะฟ้องศาลเป็นคดีใหญ่ในไม่กี่วันข้างหน้านี้ เพื่อพลิกผลการเลือกตั้งให้เขากลับมาเป็นฝ่ายชนะให้ได้
นิสัยไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แบบนี้ คุ้นๆ ว่าจะเหมือนใครหนอ ...“William Pesek” คอลัมนิสต์ของ “ฟอร์บส์” นิตยสารสื่อดังระดับโลกของสหรัฐฯ ก็เลยไปเสาะหาว่ามีผู้นำประเทศไหนที่จะเปรียบเทียบกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้บ้าง ก็มีชื่อ “วลาดิมีร์ ปูติน” ผู้นำรัสเซีย, “อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก” ประธานาธิบดีเบลารุส ผุดขึ้นมา
แต่สำหรับผู้นำในภูมิภาคเอเชียที่จะเปรียบเทียบกับทรัมป์ได้ชัดเจนที่สุด ก็ต้องเป็น “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ยังคงเป็นเงาปกคลุมเศรษฐกิจและประเทศไทยมานานกว่า 14 ปี นับตั้งแต่พ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
บทความของ “William Pesek” ที่ตีพิมพ์ใน “ฟอร์บส์” ในชื่อ Is Trump Taking A Page From Thailand’s Playbook? ระบุว่า ในปี 2549 “ทักษิณ” ถูกเตะออกจากอำนาจด้วยการรัฐประหาร ผลของมันก่อความยุ่งเหยิงในกรุงเทพฯ เป็นระยะเวลาหนึ่ง ไม่ต่างจากสถานการณ์ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ขณะนี้ แต่ “ทรัมป์” ก็เหมือน “ทักษิณ” ที่แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า เขาไม่มีความตั้งใจถอยห่างจากการเมืองระดับประเทศ บางทีอาจถึงขั้นลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัย ในปี 2024 (พ.ศ. 2567)
ด้วยพฤติกรรมชอบกวนน้ำให้ขุ่นของเขา ประกอบกับมีผู้ติดตามบนสื่อสังคมออนไลน์มากกว่า 100 ล้านคน อาจทำให้ชีวิตในทำเนียบขาวของ “โจ ไบเดน” ต้องพานพบกับความยากลำบาก ไม่ต่างจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในไทย หลังจาก “ทักษิณ” หลบหนีออกจากประเทศ ก็ไปโผล่ที่ลอนดอน และอีกหลายประเทศ “ทักษิณ” ก็ได้ปรากฏตัวผ่านระบบโทรศัพท์ทางไกล (โฟนอิน) มายังเวทีชุมนุมทางการเมืองของ “คนเสื้อแดง” หลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งทักษิณก็ปลุกปั่นความโกรธเกรี้ยวของผู้สนับสนุนด้วยคำกล่าวอ้างว่า ข้อหาทุจริตคอร์รัปชันที่เขาโดนนั้น “มีแรงจูงใจทางการเมือง” แถมยังเยาะเย้ยว่ารัฐบาลชุดต่อๆ มาล้วนล้มเหลวในเรื่องเศรษฐกิจ ทำให้คนไทยมีรายได้ต่อหัวในระดับต่ำ
บทความของ “ฟอร์บส์” ยังบอกอีกว่า ความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของ “ทักษิณ” ได้ผลเป็นอย่างดี ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผู้นำไทยหลายคนที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา ไม่อาจหลุดพ้นจากเงาของทักษิณ ยิ่งเมื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยึดอำนาจเมื่อปี 2557 วงจรแห่งความยุ่งเหยิงก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
คอลัมนิสต์รายนี้ระบุต่อว่า ในขณะที่เศรษฐกิจของไทยซึ่งเคยเป็นเศรษฐกิจสดใสที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย อยู่ในภาวะโซซัดโซเซ เผชิญปัญหาต่างๆ นานา แต่ผู้นำประเทศหลายคนที่ผ่านมาต้องใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับความพยายามรักษาอำนาจ ท่ามกลางความปั่นป่วนทางการเมือง ในขณะที่ “ทักษิณและพรรคพวก” ก็ใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์ บ่อนเซาะอย่างหนักหน่วงจากนอกประเทศ
ขณะที่ทำเนียบขาวในยุคของ “ไบเดน” ก็จะประสบปัญหาแบบเดียวกัน เขาจะต้องเข้ามา “เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว” ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ปล่อยทิ้งเลอะเทอะเอาไว้เป็นการด่วน งานแรกที่ต้องทำก็คือ ควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่สหรัฐฯ ยืนหนึ่งทั้งยอดผู้ติดเชื้อ 11 ล้านคน และคนตายกว่า 250,000 คน ในขณะที่ “ทรัมป์” นิ่งเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น
งานอันดับต่อมาของ “ไบเดน” ก็คือ ต้องเร่งแก้ไขสิ่งที่รัฐบาลชุดก่อนทำกับเศรษฐกิจอเมริกาแบบตามอำเภอใจ ทั้งการทำให้สถาบันต่างๆ ทางเศรษฐกิจอ่อนแอ ใช้งานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ราวกับเป็นตู้เอทีเอ็ม พร้อมกับลดกฎระเบียบต่างๆ ที่จำเป็น และสุดท้ายต้องซ่อมแซมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทรัมป์ทิ้งไว้ในสภาพโซเซ ท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 ทั่วโลก
คอลัมนิสต์รายนี้บอกว่า “ไบเดน” อาจต้องเผชิญกับศึกรอบด้าน โดยนอกจากต้องคอยตอบโต้เสียงโจมตีของ “ทรัมป์” จากรอบนอกแล้ว ก็ต้องต่อสู้กับสมาชิกรีพับลิกันที่ต้องการสร้างบาดแผลแก่รัฐบาลด้วยกลยุทธ์ทางกฎหมายบางอย่าง
นอกจากนี้แล้ว ยังมีข่าวลือว่า “ครอบครัวของทรัมป์” อาจเปิดสำนักข่าวของตนเอง แบบเดียวกับทักษิณ ที่มี “วอยซ์ ทีวี” สำนักข่าวที่มีลูกเมียของทักษิณเป็นเจ้าของ คอยเสนอข่าวปกป้องคนในตระกูลชินวัตร และบ่อนเซาะความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้าม
เรียกได้ว่า ไหนๆ ก็จะเลียนแบบกันแล้ว ก็เอาให้มันครบเซตไปเลย !!