นิตยสารฟอร์บส์ สื่อดังระดับโลกของสหรัฐฯ เผยแพร่บนความที่เขียนโดยคอลัมนิสต์คนดัง จับตา โดนัลด์ ทรัมป์ อาจเลียนแบบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ที่สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายแก่รัฐบาลคู่อริ ตลอดระยะเวลาการทำหน้าที่ ในความหวังก้าวกลับมาเข้าสู่เส้นทางแห่งอำนาจอีกครั้ง
ในบทความเรื่อง Is Trump Taking A Page From Thailand’s Playbook? ทาง William Pesek คอลัมนิสต์คนดัง ระบุว่า ด้วยที่โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงปฏิเสธยอมรับผลการเลือกตั้ง โลกจึงพยายามค้นหาเปรียบเทียบสถานการณ์กับประเทศต่างๆ ที่มีความคล้ายคลึงกันเพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนขึ้นว่าชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลกกำลังมุ่งหน้าไปทิศทางใด
ชื่อของวลาดิมีร์ ปูติน ผุดขึ้นมา เช่นเดียวกับ อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส รวมถึงผู้นำคนอื่นๆ ที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่บทความระบุว่าบทพิสูจน์ที่ดีสุดของภูมิภาคเอเชีย อาจเป็นนายทักษิณ ชินวัตร ของประเทศไทย ชายที่ยังคงเป็นเงาปกคลุมเศรษฐกิจและประเทศไทยมานานกว่า 14 ปี นับตั้งแต่พ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
บทความระบุว่า ในปี 2006 นายทักษิณถูกขับไล่โดยรัฐประหาร ผลของมันก่อความยุ่งเหยิงในกรุงเทพฯ เป็นระยะเวลาหนึ่ง สถานการณ์ที่เวลานี้ในวอชิงตันต้องหาทางหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ก็เหมือนกับทักษิณ ที่แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีความตั้งใจถอยห่างจากฉากหน้าการเมืองระดับประเทศ บางทีอาจถึงขั้นลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัยในปี 2024 และด้วยพฤติกรรมชอบกวนน้ำให้ขุ่นของเขา ประกอบกับมีผู้ติดตามบนสื่อสังคมออนไลน์มากกว่า 100 ล้านคน อาจทำให้ชีวิตในทำเนียบขาวของโจ ไบเดน ต้องพานพบกับความยากลำบาก
Pesek ระบุว่า ในแบบเรียนของทักษิณ หลังจากหลบหนีจากกรุงเทพฯ ในปี 2016 ไปยังลอนดอนและประเทศอื่นๆ นายทักษิณได้ปรากฏตัวผ่านระบบโทรศัพท์ทางไกล (โฟนอิน) มายังเวทีชุมนุมทางการเมืองหลายต่อหลายครั้ง เขาปลุกปั่นความโกรธเกรี้ยวของผู้สนับสนุนด้วยคำกล่าวอ้างว่าข้อกลาวหาฉ้อโกงและคอร์รัปชันที่มีต่อตัวเขานั้นมีแรงจูงใจทางการเมือง นอกจากนี้แล้ว นายทักษิณยังคร่ำครวญด้วยว่าทุกรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากเขาล้วนล้มเหลว และต้องถูกกล่าวโทษต่อกรณีที่ประเทศยังคงมีรายได้เฉลี่ยต่อบุคคลในระดับต่ำ
ความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของนายทักษิณได้ผลเป็นอย่างดี บทความระบุว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาผู้นำไทยหลายคนที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาไม่อาจหลุดพ้นจากเงาของนายทักษิณ และวงจรแห่งความยุ่งเหยิงเกิดขึ้นอีกครั้งในรัฐประหารปี 2014 เมื่อกองทัพที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามายึดอำนาจ
ยุคสมัยระหว่างนายทักษิณกับ พล.อ.ประยุทธ์ เกิดการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐบาลในไทยไม่ต่ำกว่า 8 ชุด
คอลัมนิสต์รายนี้ระบุต่อว่า ในขณะที่เศรษฐกิจของไทยซึ่งเคยเป็นเศรษฐกิจสดใสที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียอยู่ในภาวะโซซัดโซเซ เผชิญปัญหาทั้งในด้านการส่งออก, ส่งสริมนวัตกรรม, ยกระดับการแข่งขันและการผลิต รวมถึงลงทุนด้านการศึกษาและสาธารณสุข แต่พวกผู้นำทั้งหลายที่ผ่านมา ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับความพยายามรักษาอำนาจ ท่ามกลางความปั่นป่วนทางการเมือง ในขณะที่นายทักษิณและพันธมิตรก็ใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงจากภายนอก
เวลานี้ไทยมีความอ่อนไหวมากขึ้นต่อความน่ากลัวของ “กับดักรายได้ปานกลาง” คือจุดที่ประเทศพัฒนาเศรษฐกิจจากรายได้น้อยมาสู่ระดับที่มีรายได้มากขึ้น แต่ว่ายังไม่สามารถยกระดับเศรษฐกิจเข้าสู่ประเทศที่มีรายได้สูงได้ โดยรายได้ต่อประชากรของไทยในปี 2020 หยุุดนิ่งอยู่ในระดับต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์ (300,000 บาท) ต่อปี ต่ำกว่าปี 2001 เมื่อครั้งที่ทักษิณก้าวสู่อำนาจครั้งแรก ทั้งนี้ ไทยพึ่งพิงการส่งออกและการท่องเที่ยว คิดเป็นสัดส่วน 70% ของจีพีดี ซึ่งตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งสองกำลังหยุดชะงักท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19
Pesek ระบุว่า ทำเนียบขาวของไบเดนก็เช่นกัน เขากำลังสืบทอดปัญหาต่างๆ นาที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเป็นการด่วน โดยสิ่งแรกที่ต้องทำคือควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งสหรัฐฯ เป็นชาติที่สถานการณ์การแพรระบาดเลวร้ายที่สุดในโลก ยอดผูู้ติดเชื้อทะลุ 11 ล้านคน ในขณะที่ทรัมป์ นิ่งเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น
อย่างที่ 2 คือ คณะทำงานของไบเดน ต้องเแปรเปลี่ยนสิ่งที่รัฐบาลชุดก่อนทำตามอำเภอใจทำไว้กับเศรษฐกิจอเมริกา ทั้งก่อความอ่อนแอแก่สถาบันต่างๆ ทางเศรษฐกิจ ใช้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ราวกับตู้เอทีเอ็ม พร้อมกับลดกฎระเบียบต่างๆ ที่จำเป็น และสุดท้ายต่อซ่อมแซมเศรษฐกิจที่ทรัมป์ทิ้งไว้ในสภาพโซเซ ท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 ทั่วโลก
คอลัมนิสต์รายนี้บอกว่า ไบเดนอาจต้องเผชิญกับศึกรอบด้าน โดยนอกจากต้องคอยตอบโต้เสียงโจมตีจากรอบนอกของทรัมป์แล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องต่อสู้กับสมาชิกรีพับลิกันที่ต้องการสร้างบาดแผลแก่รัฐบาลด้วยการหาทางก่อทางตันทางกฎหมายบางอย่าง นอกจากนี้แล้วยังมีข่าวลือว่า ครอบครัวของทรัมป์อาจเปิดสำนักข่าวของตนเอง แบบเดียวกับนายทักษิณ อ้างถึงกรณีที่รัฐบาลไทยล็อกเป้าเล่นงานซ้ำๆ วอยซ์ ทีวี สำนักข่าวที่มีครอบครัวของนายทักษิณเป็นเจ้าของบางส่วน ด้วยมาตรการลงโทษต่างๆ นานา โดยเมื่อเดือนที่แล้วสำนักข่าวแห่งนี้จอดำช่วงสั้นๆ ต่อกรณีที่รายงานข่าวการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในกรุงเทพฯ
(ที่มา : ฟอร์บส์)