xs
xsm
sm
md
lg

“ม็อบสามนิ้ว” ชนกำแพง ส่ออาการถอยเลิกปฏิรูปสถาบันฯ!?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา


แม้จะไม่ชัดเจนแบบเต็มร้อย แต่เมื่อพิจารณาจากความเป็นไปได้ และจากสถานการณ์จริงในเวลานี้ ต้องบอกว่า “ม็อบสามนิ้ว” กำลังอยู่ในภาวะ “ถดถอย” ในทุกด้าน ทั้งในเรื่อง “แนวร่วม” ที่ลดน้อยถอยลงทุกวัน ส่วนสาเหตุสำคัญหากให้พิจารณาก็น่าจะมาจากแนวทางการเคลื่อนไหวของพวกเขาเองที่ทำให้เกิดภาพดังกล่าวในเวลานี้

แน่นอนว่า หากย้อนกลับไปพิจารณาจากการเคลื่อนไหว เอาเฉพาะแค่คำพูดและท่าทางที่แสดงออกมา ถูกวิจารณ์จากสังคมภายนอก (ส่วนใหญ่) ที่เห็นว่ามีแต่ความก้าวร้าว หยาบคาย แม้จะมีการโต้แย้งว่าอาจเป็นการใช้ภาษาในแบบของกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่ แต่ในทางสาธารณะเชื่อว่าสังคมไทยยังรับกับการแสดงท่าทางหยาบคายแบบนั้นได้ยาก
ในขณะที่ข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อ ที่สาระคือ ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออก การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ ให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แน่นอนว่า ในข้อที่สามนี่แหละที่ถือว่า “เกินธง” หรือเกินพอดี จนทำให้สังคมส่วนใหญ่รับไม่ได้ ทำให้ต้องออกมาเคลื่อนไหวปกป้องแสดงพลังออกมาให้เห็นมากขึ้นทุกวัน
ซึ่งการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่ออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุที่นอกเหนือจากข้อเรียกร้องของกลุ่ม “ม็อบสามนิ้ว” ที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯแล้ว ในระหว่างการชุมนุมของพวกเขายังมีการแสดงท่าที การแสดงออก มีการปราศรัยด่าทอหยาบคาย รวมไปถึงการให้ร้าย โจมตีไปถึงพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ชั้นสูงในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้กลับมา อย่างน้อยก็มีการแสดงพลังให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
นอกเหนือจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าฝ่ายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจ แต่กลายเป็นว่ามีพฤติกรรมหลายอย่างที่สวนทางกับข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นการเปิดกว้างให้มีการชุมนุมได้ มีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง การสลายการชุมนุมที่แม้ว่าจะถูกโจมตีจากฝ่ายผู้ชุมนุม และแนวร่วมว่ามีการใช้ความรุนแรง แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเพียงแค่การฉีดน้ำแรงดันสูง ซึ่งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บรุนแรง เทียบไม่ได้กับรัฐบาลที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ที่มีการสลายการชุมนุมทำให้มีคนตายบาดเจ็บจำนวนมาก และยังมีการเปิดสภาสมัยวิสามัญเพื่อรับฟังความเห็นตามข้อเรียกร้อง และนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์
แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว ก็เป็นการ “แก้เกม” ทางการเมือง แต่ถึงอย่างก็ถือว่าเป็นการ “ลดเงื่อนไข” และลดอุณหภูมิความขัดแย้งลงไปได้มากเหมอนกัน

ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เปิดไฟเขียวให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้อย่างเต็มที่ ทำให้เวลานี้กำลังเข้าสู่โหมดการแก้ไขอย่างเต็มตัว ซึ่งจะว่าไปแล้วในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี่แหละถือว่าเป็น “เงื่อนไขสำคัญที่สุด” โดยเฉพาะของพรรคการเมือง และนักการเมือง หากบอกว่า “ม็อบสามนิ้ว” มี “เจ้าของ” ก็ต้องชี้ไปที่พรรคการเมือง และกลุ่มการเมืองบางกลุ่มที่คอการเมืองมองออกกันอยู่แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง หรือใครเป็นท่อน้ำเลี้ยง คอยชักใยบงการ
แม้ว่าในการเคลื่อนไหวจะมีรายละเอียดของพวก “ล้มเจ้า” ปะปน และล้ำเส้นตามที่พวก “ลี้ภัย” ในต่างประเทศทำตัวเป็น “ศาสดา” คอยชี้นำเด็กๆ ก็ตาม แต่เมื่อเส้นทางเริ่มเลี้ยวเข้าสู่โหมดการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บรรดาพรรคการเมือง และนักการเมืองต้องการแล้ว รวมไปถึงการหาเสียงเลือกตั้งในสนามท้องถิ่น อย่างองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มันก็ย่อมส่งผลต่อ “แรงส่ง” ของม็อบในแบบที่พอสังเกตได้ว่ากำลัง “ถดถอยและขาลง” ในแบบที่ปิดไม่มิด
อย่างไรก็ดี แม้ว่านาทีนี้บรรดาแกนนำบางคนยังยืนยันถึงข้อเรียกร้องที่ต้องเน้นย้ำในเรื่อง “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” อยู่ต่อไปก็ตาม แต่ในสถานการณ์จริง มันเริ่มมีการเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมเมื่อวันก่อน ที่มีแกนนำคนหนึ่ง เช่น “จ่านิว” นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ที่ขึ้นเวทีชุมนุมเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ประกาศลดข้อเรียกร้องโดยตัดเรื่องปฏิรูปสถาบันฯ ออกไป แม้ว่าต่อมาจะมีเพจที่ใช้โซเชียลฯ ขับเคลื่อนการชุมนุมออกมาปฏิเสธ และยังยืนยันข้อเรียกร้องเดิมต่อไปก็ตาม
หรือต่อมาก็มีการเคลื่อนไหวแปลกๆ มีการชูพระบรมฉายาลักษณ์ในที่ชุมนุมศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และล่าสุด ก็มีการแสดงท่าทีของอดีตผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ ที่ชื่อ “ปิยรัฐ จงเทพ” ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าการ์ดม็อบสามนิ้ว ก็แสดงความเห็นในแบบลดท่าทีลงมาในเรื่องดังกล่าว โดยให้เรื่องของประชาชนที่แสดงฉันทนุมัติ ผ่านการเลือก ส.ส.ร. ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชน
แน่นอนว่า นี่อาจจะไม่ใช่เป็นท่าทีที่เป็นทางการของพวก “ม็อบสามนิ้ว” แต่เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงของสถานการณ์แล้วถือว่าทุกอย่างมันถดถอย สังเกตได้จากจำนวนมวลชนที่เข้าร่วมก็ไม่ได้คึกคักเหมือนเดิม ประกอบกับข่าวคราวที่แกนนำหลัก “เริ่มหาทางชิ่ง” การเคลื่อนไหวระยะหลังเริ่มไร้ทิศทาง ที่เห็นล่าสุดกับการชุมนุมเคลื่อนไหว “ปกป้องเว็บโป๊ลามก” ถือว่าลบมากกว่าบวก ขณะที่ข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ เหมือนกับการ “ชนกำแพง” ไปข้างหน้าไม่ได้ มันถึงทำให้ถูกมองว่าต้องหาทางลง แต่จะลงแบบไหนไม่ให้เสียฟอร์มเท่านั้นเอง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น