xs
xsm
sm
md
lg

ม็อบ 3 นิ้ว ก้าวไม่ไกล กระแสย้อนคืน “ธนาธร” !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา




หากบอกว่าเป็นการรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ไม่ได้แข็งตึงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาจกล่าวแบบนั้นก็ได้ เพราะจากท่าทีและความเคลื่อนไหวล่าสุดก็สามารถออกจาก “เกมตั้งรับ” จนพลิกกลับมาเป็นฝ่ายรุกกลับได้มากขึ้น อย่างน้อยก็ในสถานการณ์ “ชั่วคราว” ตอนนี้

การส่งสัญญาณ “ผ่อนเกม” มาตั้งแต่เรื่องการยอมเปิดไฟเขียวให้มีการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อร่วมกันหาทางออกให้กับบ้านเมือง และจากนั้นก็ประกาศ “ถอยคนละก้าว” และนำไปสู่การประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยให้มีผลตั้งแต่เที่ยงวันที่ 22 ตุลาคม เป็นต้นไป ทำให้บรรยากาศคลายความเขม็งเกลียวลงไปพอสมควร

แน่นอนว่า ท่าทีและความเคลื่อนไหวดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมส่งผลในทางบวกกับเขาไม่มากก็น้อย อย่างน้อยก็ลดเงื่อนไขของฝ่ายผู้ชุมนุมไปได้มาก โดยฝ่ายที่ “ชักใย” อยู่ข้างหลัง ก็ต้อง “หยุดตั้งหลัก” อยู่กับที่ชั่วคราว

ขณะเดียวกัน หากบอกว่านี่คือ การ “แก้เกม” ทางการเมืองเพื่อตลบหลังฝ่ายตรงข้ามก็อาจมองแบบนั้นได้เหมือนกัน

เพราะนี่คือการ “ถอยออกมาจากจุดอับ” เป็นการฉวยจังหวะพลิ้วรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิดทีเดียว อาศัยจังหวะที่ฝ่ายม็อบเปิดช่อง “พลาด” จากความเหิมเกริม จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ในแบบเลยเถิด ย่ำยีหัวใจคนไทย ประกอบกับการชุมนุมที่แม้ว่าจะมีความพยายาม “ออกแบบ” ให้เห็นว่า “ไม่มีแกนนำ” แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะมีระดับ “สั่งการ” ปรากฏตัวให้เห็นในวงม็อบตลอดเวลา รวมไปถึงการใช้สื่อโซเชียลปลุกระดม ชักนำสั่งให้ชุมนุมที่นั่นที่นี่

แม้ว่านี่คือการออกแบบชุมนุมแบบมิติใหม่ แต่นั่นแหละมันก็มี “จุดอ่อน” เพราะหากบอกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นเด็กวัยรุ่น ย่อมมีอารมณ์ร้อนแรง ไหลไปตามการสร้างกระแสชักนำ แต่ขณะเดียวกัน ม็อบแบบนี้มันควบคุมยาก เพราะแม้จะมีแกนนำ แต่ก็ถือว่าไม่ชัดเจน มันถึงได้เห็นพฤติกรรม และถ้อยคำที่หยาบคาย ก้าวร้าว แสดงออกมา โดยเฉพาะการจาบจ้วงต่อสถาบันฯโดยตรง

การเคลื่อนไหวแบบนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาจากสังคม โดยเฉพาะจากคนไทยที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะเห็นได้จากเริ่มมีการรวมพลังของ “คนใส่เสื้อเหลือง” ออกมาเคลื่อนไหวทั่วประเทศ และเชื่อว่า ยังต้องออกมาแสดงพลังมากกว่านี้แน่

แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวออกมาแบบนี้ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะกัน แต่หากในมุมการเมืองแล้วมันก็เหมือนกับการ“เตือน”ให้ฝ่ายม็อบที่ถูกมองว่ามี “เจตนาล้มเจ้า”ได้หยุดคิดบ้างเหมือนกันว่าจะเดินต่อแบบไหน จะ“เดินให้สุด”หรือจะ"เลี่ยงไปทางอื่น"

สิ่งที่สังคมมองออก ก็คือ การชุมนุมครั้งนี้มีพรรคการเมือง และกลุ่มการเมือง และ “ทุน” การเมืองหนุนหลัง โดยชี้ไปที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคในเครือข่ายของเขา แม้ว่าที่ผ่านมา พวกเขาจะปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ก็อย่างว่า ในโลกโซเชียลฯ มันก็มีหลายมุม และมองจากการเคลื่อนไหว ทั้งคำพูดอย่างน้อยมันก็เป็นการสนับสนุนม็อบ รวมไปถึงการสนับสนุนให้มีการ “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” ซึ่งหลายคนมองว่า มีเป้าหมายที่ “เลยเถิด” มากไปกว่านั้น

ประกอบกับนาทีนี้ ภาพของการชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องในเรื่องดังกล่าว ทำให้กลายเป็นว่า เป็น “ม็อบที่มีเจตนา” และถูกชักใยในเรื่อง “ล้มเจ้า” ขณะเดียวกัน ก็ยิ่งเห็นภาพของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ลอยอยู่อย่างชัดเจน มันก็เสี่ยงให้แยกออกเป็นสองฝ่าย

ดังนั้น หากพิจารณากันในทางการเมือง และอารมณ์ของสังคมส่วนใหญ่ที่ยังต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และกลายมาเป็นแรงหนุนให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปโดยปริยาย ขณะเดียวกัน เขาก็ได้แสดงท่าทีประนีประนอมยอม “ถอย” ทำให้ภาพที่ออกมาเป็นบวกมากกว่าลบ อย่างน้อยเงื่อนไขในเรื่องเผด็จการ รวมไปถึงการใช้อำนาจก็ไม่รุนแรงมากเกินกว่าที่จะยอมรับได้ เมื่อเทียบกับในยุครัฐบาลก่อนที่จัดการกับผู้ชุมนุม

ขณะเดียวกัน ในทางการเมืองเฉพาะหน้า หากผ่านสถานการณ์การชุมนุมในครั้งนี้ไปได้ โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ แต่ภาพที่ติดตัวของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับพวก ถูกมองให้เห็นว่าเป็น “ขบวนการล้มเจ้า” ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม และจะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเส้นทางเดินแบบนี้ของเขาจะ “ก้าวไกล” แค่ไหน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น