ข่าวปนคน คนปนข่าว
**มิสยูนิเวิร์ส “ปุ๋ย” ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก “อยู่ไม่เป็น” เตือนสติถึงเพื่อนร่วมชาติ ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องเคารพกันและกัน
กระแสการเมืองร้อนๆ “ปุ๋ย” ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก อดีตนางสาวไทยและมิสยูนิเวิร์ส คนที่ 2 ของไทย ถือเป็นคนดังอีกรายที่ออกมา “Call out” แสดงจุดยืนของตัวเองออกสื่อโซเชียลฯ ถึงสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้อย่างน่าสนใจ
“ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์” โพสต์เฟซบุ๊ก Porntip Nakhirunkanok (Bui Simon) ระบุว่า “หัวใจของดิฉันเจ็บปวดกับประเทศไทยที่รักของฉัน และความกลัว ความเสียใจ ที่ส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมชาติของฉัน
เมื่อครั้งที่ดิฉันได้เป็นตัวแทนประเทศไทยในฐานะมิสยูนิเวิร์ส ความภาคภูมิใจและความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดิฉันคือได้รู้ว่า ดิฉันเกิดมาในวัฒนธรรมที่มีคุณค่า อันมีเกียรติถูกปลูกฝังไว้ในตัวพวกเราโดย ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระองค์ทรงทุ่มเททั้งชีวิต ทรงงานเพื่อพสกนิกรชาวไทย พระองค์ทรงเป็นพระบิดาแห่งอุดมคติไทยของเรา และทรงส่งต่อเกียรติอันยิ่งใหญ่, ความเคารพ, การทูต และความภาคภูมิใจต่อประเทศของเรา แม้แต่ภาษาของเรายังมีคำเรียกขานกันว่า “พี่ชาย น้องชาย”, “พี่สาว น้องสาว”, “ป้า”, “ลุง” เป็นต้น เป็นตัวแทนของครอบครัวไทย และจิตสำนึกของชาวพุทธที่เราเกิดมา
ดิฉันเห็นว่า ประเทศของเรากำลังเผชิญกับภาวะที่ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ที่สำคัญเป็นการดีที่จะตั้งคำถามถึงความอยุติธรรม แต่เราต้องจำไว้ว่า การเคารพซึ่งกันและกันอย่างไม่มีเงื่อนไข และ “ประเทศของเรา” คือ สิ่งที่ผูกมัดพวกเราในฐานะพลเมืองไทย และยังทำให้เราได้รับความชื่นชมจากทั่วโลก
ช่วงเวลาเช่นนี้ทำให้ดิฉันมองย้อนถึงรากเหง้าที่ปลูกฝังในตัวดิฉัน ในฐานะพลเมืองไทยเมื่อดิฉันยังเด็ก และสิ่งที่กลายเป็นประเพณีที่ทรงพลังที่สุดที่ดิฉันได้ส่งต่อไปยังลูกๆ สัญลักษณ์ที่ทำให้เรามีความเป็นไทยอยู่ในตัวเรา นั่นคือ “การไหว้” สมองและหัวใจของเราเป็นตัวแทนของสองมือของเรา ในมือข้างหนึ่งเรามีพลังของสมอง ซึ่งคือความจริงของเรา และอีกข้างหนึ่งคือพลังของหัวใจ ซึ่งก็คือความสามารถในการรัก และเคารพซึ่งกันและกัน เมื่อสองมือของเราประกบเข้าด้วยกันในการไหว้ เราได้สร้างวิธีการสื่อสารที่ทรงพลังและน่านับถือมากที่สุด ดิฉันบอกลูกๆ ว่า พวกเขาสามารถพูดอะไรก็ได้ แต่ต้องละทิ้งอารมณ์ และให้ความจริงรวมเข้ากับความเคารพ”
มิสยูนิเวิร์ส ยังโพสต์ด้วยว่า “เมื่อเราชูกำปั้นในอากาศ มันสามารถก่อให้เกิดการต่อสู้ได้ แต่เมื่อเราแบมือและวางฝ่ามือประกบกัน เราก็มาจากสถานที่แห่งความจริง และความเคารพ นี่คือวิธีที่นำไปสู่การสนทนากันด้วยความเคารพ และนี่คือวิธีที่เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ในขณะที่ยังเคารพคุณค่าที่อยู่ตัวพวกเรา
ดิฉันภาวนาให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองและรับฟัง และประเทศชาติที่รักของเราจะยังคงเป็นแบบอย่างของความสง่างาม และมีเกียรติ #เกียรติ #เคารพ #รักประเทศไทย”
ฟังว่ามีคนเข้ามาแสดงความเห็นด้วย และชื่นชมกับ “ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์” จำนวนมาก ขณะที่กลุ่มที่เห็นต่างที่ส่วนใหญ่เป็น “ติ่งม็อบ” ก็จัดคณะทัวร์เข้ามาตามฟอร์ม แต่ก็อย่างที่ “ปุ๋ย” ให้แง่คิดออกมานั่นแหละ ..ชาวคณะทัวร์งานนี้จะทำอะไรก็ฉุกคิดกันสักนิด เคารพซึ่งกันและกันหน่อย
**“ทยา ทีปสุวรรณ” กปปส. ตัวแม่มาแล้ว !! ขอนัด #พลังเงียบ แสดงพลังใส่เสื้อเหลือง งานนี้ “ครูตั๊น” คงไม่ต้องเคลียร์ใคร
ความเคลื่อนไหวของมวลชนแต่ละฝ่ายเวลานี้เรียกได้ว่า ต่างขยับออกมาเปิดหน้ากันเต็มที่ทีเดียว โดยเฉพาะบรรดาคนคุ้นหน้าระดับแกนนำ ไม่เว้นแม้แต่ “ทยา ทีปสุวรรณ” หลังบ้านของ “ครูตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อดีตแกนนำตัวแม่ของม็อบนกหวีด “กปปส.” หรือ ลุงกำนัน โดย “ทยา” ได้โพสต์รูปภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Taya Teepsuwanว่า “ไปร่วมแสดงจุดยืนปกป้องสถาบันฯ กันค่ะ พบกันลานพระรูป ร.๖ สวนลุมพินี วันอังคารนี้ 27 ต.ค. เวลา 5 โมงเย็น #พลังเงียบ # อนุชนรักชาติศาสน์กษัตริย์”
ส่วนภาพก็มีข้อความระบุในทำนองเดียวกันว่า “27 ตุลาคม ร่วมใจคนไทยใส่เสื้อสีเหลือง ถือพระบรมรูปในหลวง ร.๙ และ ร.๑๐ เวลา 17.00 นาฬิกา ณ ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ ๖ สวนลุมพินี แสดงจุดยืนเพื่อปกป้องสถาบันชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์”
งานนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจที่ถูกจับตามอง เพราะรู้ๆ กันว่า “ทยา” นอกจากเป็นอดีตแกนนำ กปปส. มีมวลชนเป็นฐานอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว นี่ก็อาจจะมองว่าเป็น “ม็อบ” ของฝั่งรัฐบาลก็ว่าได้ เพราะ ฝ่ายสามี “ณัฏฐพล” รมว.ศึกษาฯ เป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐ เพียงแต่ขยับตัวได้ไม่ถนัดนัก แถมวันก่อนต้องออกโรงมาเคลียร์วุ่นวาย หลังเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อเหลืองเข้าไปรุมทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมของคณะราษฎร ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา แล้วมีคนโยง “ทศพล มนูญญรัตน์” แกนนำ ว่าเป็นอดีต กปปส. สนิทสนมกับ “ครูตั้น” และพรรคพลังประชารัฐ
วันนั้น “ณัฏฐพล” ถึงกับหัวร้อน ปฏิเสธไม่ได้สนิทกับแกนนำคนทำร้ายเด็ก นศ. ถือเป็นการดิสเครดิต เอาข้อมูลมาบิดเบือน สร้างความแตกแยก เกลียดชังให้ร้าวลึกในสังคม ก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร
มาวันนี้ “ทยา” ศรีภรรยา อดีตแกนนำ กปปส. ออกโรงนำมวลชนเองอย่างนี้แล้ว งานนี้ “ครูตั้น-ณัฏฐพล” คงไม่ต้องเคลียร์ใคร .
**วิ่งเต้นเก้าอี้ “อธิบดีกรมชลประทาน” ฉาวไม่หยุด ตัวเลขพุ่งไป 550 ล้าน ! แฉบริษัทรับเหมางานท่อขาใหญ่สปอนเซอร์ จัดหนัก “เสีย ก.” คนสนิทนักการเมืองใหญ่ดันสุดฤทธิ์
ว่าด้วยการสรรหา “อธิบดีกรมชลประทาน” คนใหม่ หลังจากที่มีข่าววงในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมาว่ามีความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการคัดเลือก เพราะมีใบสั่งจาก “เสี่ย ก.” คนสนิทนักการเมืองใหญ่ให้ “ล็อก” ตัวบุคคลตามที่ต้องการโดยมีเงินสะพัดเป็นค่าวิ่งเต้นแลกเก้าอี้ อยู่ที่ 400 ล้านบาทนั้น..ก็ต้องบอกว่า ฉาวโฉ่ไปทั่วพารา
เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ฟังว่าเจ้ากระทรวง “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.เกษตรฯ เต้นผางๆ สั่งการให้ “ธนา ชีรวินิจ” เลขานุการรัฐมนตรี ออกมาโต้ข่าว ทางหนึ่งว่า ไม่มีเรื่องทุจริตใดๆ และไม่มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น... อีกทางหนึ่งก็บอกว่าเรื่องนี้ รมว.ให้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากพบว่าใครทำผิดจะไม่มีการละเว้น ... แต่ “เลขาฯ ธนา” ก็ยอมรับว่า มีแรงกดดันจากภายนอกกระทรวง ที่จะผลักดันในการแต่งตั้งอธิบดีกรมชลประทานจริง !!
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า “แรงกดดันภายนอก” ที่เลขาฯ ธนา ว่า หมายถึงใคร ? ใครกันที่เข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งตำแหน่งใหญ่ในกระทรวง ?
เรื่องนี้ฝุ่นตลบอบอวล ยิ่งพบว่ายังมีความพยายามวิ่งเต้นกันจนนาทีสุดท้ายแบบนี้ “เฉลิมชัย” รมว.เกษตรฯ ยิ่งต้องเร่งหาคำตอบให้กับสังคม เพื่อให้การแต่งตั้งครั้งนี้โปร่งใสอย่างแท้จริง
เช็กความเคลื่อนไหวล่าสุด แว่วว่า ตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทาน ที่ว่างลงเมื่อ “ดร.ทองเปลว กองจันทร์” อธิบดีกรมชลประทานคนก่อน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงเกษตรฯ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ตอนนี้ได้กลายเป็น “เก้าอี้ทองคำ” ราคาพุ่งจาก 400 ล้าน ไปเป็น 550 ล้านบาทแล้ว!!!
สาเหตุที่กล้าทุ่มกันดุเดือดขนาดนี้ ทั้งๆ ที่มีข่าวฉาวโฉ่สะพัดออกมาก็ยังไม่ยอมหยุด เนื่องเพราะ “กรมชลประทาน” เป็นกรมใหญ่ กรมสำคัญ ในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ จึงมีคนหมายตาจับจ้องอยากได้มาครอบครอง
ว่ากันว่า งานนี้ “เสี่ย ก.” ซึ่งเป็นคนสนิทนักการเมืองใหญ่ดันสุดฤทธิ์ จัดการวิ่งเต้นให้ฝ่ายที่ต้องการเก้าอี้ “อธิบดี” เต็มที่ โดยได้ “ผู้รับเหมา” ที่รับงานท่อรายใหญ่ผูกขาดงานกรมชลประทาน มามากกว่า 10 ปี แต่ละปีทำกำไรมากกว่าพันล้านบาท และมีเครือข่ายบริษัทย่อยรับงานกรมชลประทานกว่า 10 บริษัท ให้การสนับสนุนด้านการเงิน โดยหวังว่าจะได้เอื้อผลประโยชน์ตอบแทน ได้งานผูกขาดกันต่อไป
การลงทุน 550 ล้าน สำหรับบริษัทรับเหมารายใหญ่รายนี้ถือว่า “จิ๊บๆ” โดยข่าววงในแจ้งว่า “เสี่ย ก.” รับเหนาะๆ เข้ากระเป๋าไปแล้ว 50 ล้าน ชิลล์ ชิลล์
สำหรับกระบวนการคัดเลือกอธิบดีกรมชลประทาน ได้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาฯ ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันว่า หลักเกณฑ์การคัดเลือกแคนดิเดตไม่ได้พิจารณาจากลำดับความอาวุโส หรือความสามารถที่จะทำงาน เพื่อหวังตัดโอกาสของคนที่อาวุโสอันดับหนึ่ง ซึ่งว่ากันว่า เป็นตัวเต็งในเรื่องคุณวุฒิและความรู้ความสามารถออกไป เห็นว่า คณะกรรมการที่มีปลัดกระทรวง เป็นประธานการคัดเลือกอธิบดีคนใหม่ จะนำรายชื่อเสนอต่อ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เพื่อเสนอ ครม. พิจารณา ในวันที่ 27 ต.ค.นี้ ก็ต้องตืดตามกันให้ดี ผลการแต่งตั้งอธิบดีกรมชลประทานคนใหม่ จะออกมาอย่างไร
หากเป็นตามเสียงลือเสียงเล่าอ้าง โดยที่กระทรวงไม่สามารถทำความจริงให้กระจ่าง เรื่องนี้ควรหรือไม่ควร ที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี จะสั่งการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนมีการแต่งตั้งอธิบดีกรมชลฯ ขึ้นมา เพื่อความชัดเจน ถูกต้องและโปร่งใส อีกครั้ง... ดีกว่าปล่อยให้เป็นประเด็นคาใจของสังคม