เมืองไทย 360 องศา
หากสังคมเข้าใจตรงกันว่า “อีแอบ” สำหรับการชุมนุมของกลุ่มสารพัดชื่อที่ล่าสุดมาในนาม “กลุ่มคณะราษฎร 2563” ว่าเป็นใครกันบ้าง และรับรองว่าในจำนวนนั้นที่สังคมเริ่มรับรู้กันไปแล้วว่าย่อมมีชื่อของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นักธุรกิจ และทายาทกลุ่มทุนใหญ่ที่ผันตัวเองมาสู่สนามการเมืองเพื่อช่วงชิงอำนาจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัย และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ รวมอยู่ด้วยแน่นอน
ปัจจุบันทั้งคู่ได้ตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองในชื่อ กลุ่มก้าวหน้า หลังจากถูกยุบพรรคอนาคตใหม่ จากความผิดกรณีปล่อยเงินกู้ให้พรรค
อย่างไรก็ดี จากความเคลื่อนไหวการชุมนุมที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หากพิจารณากันแบบละเอียด ก็ต้องตั้งข้อสังเกตอีกว่าเกิดขึ้นหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคอนาคตใหม่และตัดสิทธิ์การเมืองนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล กับพวก ซึ่งเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่
ขณะเดียวกัน หากสังเกตกันต่อไปอีก ก็จะมองเห็นอีกว่าการเคลื่อนไหวและการชุมนุมที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ล้วนเป็นมวลชนที่สนับสนุนอดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่เวลานี้กลายมาเป็นพรรคก้าวไกล ที่ถูกระบุว่า เป็นเครือข่ายของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั่นแหละ รวมไปถึงมวลชนที่เข้าร่วมการชุมนุม เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ในชื่อ “คณะราษฎร 2563” ส่วนใหญ่ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นมวลชน “แดงส้ม” ที่คุ้นหน้าคุ้นตาในทางการเมืองกันอยู่แล้ว ขณะที่บรรดาเยาวชนที่เป็นนักศึกษามีจำนวนน้อยมาก
สำหรับคำว่า “อีแอบ” หลังเวที หากหมายถึง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ก็น่าจะมีความหมายในแบบที่ว่า ดีแต่ยั่วยุแอบอยู่ข้างหลังบรรดาเด็กเยาวชน โดยที่ตัวเองไม่กล้าออกมาเสี่ยง ไม่กล้าออกมาเดินนำหน้ามวลชน ทั้งที่ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม ล้วนเป็นผลประโยชน์ในทางการเมืองของพวกเขาทั้งสิ้น อย่างน้อยในทางการเมืองเฉพาะหน้า ที่กลุ่มก้าวหน้าของ นายธนาธรได้เปิดตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จำนวนกว่าสามสิบจังหวัด ซึ่งล่าสุดทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้กำหนดวันเลือกตั้งออกมาแล้วว่าเป็น วันที่ 20 ธันวาคมนี้ และหลายคนก็มองว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ ก็เป็นการสร้างกระแสให้มีผลต่อการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และต่อเนื่องไปถึงปีหน้าเกือบทั้งปี
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่รับรู้ดังกล่าวมาย่อมต้องมั่นใจได้ทันทีว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะต้องเกี่ยวข้อง หรืออยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงก่อนหน้านี้ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ที่ตั้งชื่อกันสารพัดชื่อ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มปลดแอกฯ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และมาถึง กลุ่มคณะราษฎร 2563 และในการชุมนุมทุกครั้ง จะเห็นการ “ออกตัวแรง” ทุกครั้ง รวมทั้งมี ส.ส.ของพรรคก้าวไกล และนายธนาธร รวมทั้ง นายปิยบุตร มักจะออกหน้าหรือไปปรากฏตัวอยู่ในที่ชุมนุม รวมทั้งที่สถานีตำรวจ หรือหน้าเรือนจำ ที่บรรดาแกนนำผู้ชุมนุมถูกจับกุมควบคุมตัวอยู่บ่อยครั้ง
เหมือนกับครั้งล่าสุด ที่พวกเขาไปปรากฏตัว ทั้งก่อนและหลังจากที่นายกรัฐมนตรี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เมื่อวันตอนเช้ามืด วันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทั้ง นายธนาธร และ ปิยบุตร ก็ยังมีการพูดจาให้สัมภาษณ์ในเชิงปลุกระดม ยั่วยุให้เกิดการชุมนุม และต่อต้านการใช้อำนาจรัฐ
ล่าสุด ยังมีการใช้สื่อออนไลน์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้หยุดก้าวล่วงประชาชน พร้อมทั้งกดดันให้ปล่อยตัวแกนนำผู้ชุมนุมโดยทันที และยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจึงถูกเรียกว่า “อีแอบ” พร้อมทั้งเรียกร้องแบบท้าทายให้ทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ออกมานำหน้าการชุมนุมอย่างเต็มตัว เพราะสังคมส่วนใหญ่ รับรู้กันแล้วว่า พวกเขาอยู่เบื้องหลัง และหวังผลทางการเมืองบางอย่างตามมา
ขณะเดียวกัน เมื่อรูปการถูกมองแบบนี้ เชื่อว่า คนพวกนี้อยู่เบื้องหลังเป็น “อีแอบ” อยู่หลังเวทีของของพวกเด็กเยาวชน ที่ล่าสุด เปลี่ยนชื่อเรียกใหม่เป็น “คณะราษฎร” คอยส่งเสียงยุยงอยู่ข้างหลัง ถือว่า “อำมหิต” มาก เหมือนกับการผลักเด็กไปเข้าคุก ยุยงให้มวลชนไปได้รับอันตรายบาดเจ็บอาจถึงขั้นล้มตาย หากเกิดความรุนแรง โดยที่ตัวเองไม่ต้องออกมาเสี่ยงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี นาทีนี้หากพิจารณาจากท่าทีแล้วจะเห็นว่า พวกเขาทั้งคู่ซึ่งมีทัศนคติที่เป็นลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาตลอด และคราวนี้ก็ยังสนับสนุนข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ ก็เหมือนกับการยืนกันคนละขั้วกับคนไทยที่รักสถาบันฯ และถือว่าเป็นการเปิดหน้าให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ส่วนผลกระทบจะเกิดขึ้นแบบไหน ก็ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป !!