เมืองไทย 360 องศา
เวลานี้เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวล่าสุดยังเชื่อว่า บรรดาแกนนำเด็กๆ เยาวชน นักศึกษา รวมไปถึงคนที่อายุเลยเกณฑ์เป็น “ราษฎร” เต็มขั้น คงยังอยู่ในอารมณ์คึกคัก ฮึกเหิม หัวใจพองโตกับเสียงกรี๊ดเสียงปรบมือ จากเสียงของผู้ร่วมชุมนุมนับหมื่นข้างล่างเวที เดินไปไหนก็เป็นจุดเด่น มีแต่คนทักทาย แต่ขณะเดียวกัน เชื่อเถอะว่าเมื่อกลับไปบ้านได้อยู่คนเดียวสักพัก ก็จะเกิดอารมณ์ “กลัว” หรือ “กังวล” เกิดขึ้นระคนกัน
เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ รับรองว่า “ไม่ใช่ได้มาโดยบังเอิญ” แน่นอน แต่มาด้วยความตั้งใจให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ เพียงแต่ว่าอาจเป็นเพราะสถานการณ์พาไป หรือว่าคาดไม่ถึงว่าผลจะออกมาแบบนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะความไร้เดียงสาแบบวัยรุ่น ที่ไฟแรง หลงไปกับคำยุยงของผู้ใหญ่ที่ใจดำอำมหิตบางคนที่หลอกใช้ให้ออกหน้าแทน
แน่นอนว่า พวกที่กำลังตกอยู่ในอารมณ์แบบนั้น และสถานการณ์ในอนาคตที่กำลังมาถึง หรือมาถึงแล้วก็คือ กลุ่มแกนนำของ “ม็อบปลดแอก” หรือ ประชาชนปลดแอก หรือว่า กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม สารพัดชื่อ อย่าง นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นายภาณุพงศ์ จาดนอก น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เป็นต้น ตามรายงานข่าวบอกว่า บรรดาแกนนำผู้ชุมนุมในกลุ่มเดียวกันนี้ ทั้งก่อนหน้าและเมื่อวันที่ 19-20 กันยายน ที่ผ่านมา มีประมาณ 18 คน ที่อยู่ในข่ายต้องถูกดำเนินคดีหลังจากนี้
แม้ว่าไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายที่บรรดาแกนนำผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม ทุกคน จะต้องเจอหลังจากเสร็จสิ้นการชุมนุม แต่ก็มีบางคนที่คิดว่า “มันคุ้มค่า” กับสิ่งที่ได้มาแบบที่เห็น เช่น คดีความที่ยาวเป็นหางว่าวกับบางคนที่แทบไม่มีใครรู้จัก หน้าที่การงานยังไม่เป็นหลักแหล่ง แต่เพียงชั่วข้ามคืน กลับมีคนรู้จักไปทั่วประเทศ ไปไหนมีคนห้อมล้อม ปรบมือให้ โดยเฉพาะการที่ “ดูเหมือน” ว่า ได้เป็นผู้นำม็อบคนนับหมื่น มันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า “หัวใจพองโต” พิลึก หรือใครที่ยังอยู่ในวัยรุ่น การได้อยู่ในอารมณ์ดังกล่าว มันก็คง “เท่ไม่หยอก” หรือ “ได้อวดสาวๆ” อีกต่างหาก
แต่ในสภาพความเป็นจริง ที่ไม่ใช่ความฝันที่คนพวกนี้ต้องเจอกับการถูกดำเนินคดีอาญามากมายที่พวกเขาสะสมเอาไว้ แม้ว่าในช่วงสัปดาห์นี้ไปจนถึงสัปดาห์หน้าอาจจะยังมาไม่ถึง ยังไม่มีหมายเรียกส่งไปถึงบ้าน แต่จะมีหมายเรียก หรือถึงเวลาที่เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน ไปพบพนักงานอัยการเพื่อสั่งฟ้อง เหมือนกับที่แกนนำบางคน เช่น นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ เป็นต้น ที่เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา ต้องไปพบกับพนักงานตามหมายเรียกเพื่อพิจารณาสำนวนในกรณีถูกฟ้องความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.จราจร จากกรณีจัดการชุมนุมที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งนั่นเพียงแค่ “น้ำจิ้ม” เพราะเป็นคดีที่มีโทษไม่สูงนัก แต่ในเมื่อมีการ “สะสมคดี” สะสมแต้มเป็นรายวันแบบนี้ อนาคตข้างหน้ามันย่อมไม่มีทางสนุกแน่นอน
เพราะจะต้องตะลอนขึ้นโรงพัก พบอัยการเพื่อลุ้นการสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้อง รวมไปถึงการเดินทางไปขึ้นโรงขึ้นศาล ทั้งก่อนฟ้องที่ต้องลุ้นว่าจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ และจากนั้นเมื่อคดีทยอยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในศาล ถึงตอนนั้นก็จะต้องมาลุ้นถึงนาทีสำคัญว่าจะ “คุก” หรือ “ไม่คุก” และที่สำคัญ ในช่วงเวลาตอนนั้นมันเป็นช่วงที่เวลาผ่านไปนานแล้ว คนลืมไปแล้ว ก็จะเหลือแต่เพียงพรรคพวกอารมณ์เดียวกันต้องเดินทางมานั่งลุ้นด้วยใจระทึก และแน่นอนว่า บรรยากาศในวันนั้นย่อมต่างจากบรรยากาศในการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ สนามหลวง ตอนไป “ปักหมุดราษฎร” อย่างเทียบกันไม่ได้
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าตำหนิอย่างแรง ก็คือ คงเป็นคนที่ “ชักใย” ยุยง หรือ “จ้างวาน” อะไรก็แล้วแต่ ที่อยู่ “หลังเวที” ของเด็กๆ เยาวชนพวกนี้ เพราะถือว่า “อำมหิตมาก” ไม่ว่าการที่สังคมกำลังชี้ไปที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าเป็น “นายทุนใหญ่” จะจริงหรือไม่ก็ตาม แต่หลายคนปักใจเชื่ออย่างนั้นแล้ว เพราะเมื่อพิจารณาจากการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา รวมไปถึงศักยภาพทางด้านเงินทองจากการที่เป็น “ทุนใหญ่” จากธุรกิจยานยนต์ ทำให้มองว่านี่คือ “ม็อบธนาธร” อะไรประมาณนั้น
เพราะไม่มีใครเชื่อน้ำยาของ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง” นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” อะไรนั่นจะสามารถเป็น “แม่เหล็ก” โน้มน้าว หรือมีพลังชักจูงให้คนมาร่วมได้นับหมื่นคนแบบนั้น อีกทั้งการชุมนุมที่มีทั้งเวที แสงสีเสียง ที่ต้องใช้เงิน หรือแม้แต่มวลชนที่ระดมมาจากต่างจังหวัด เหล่านี้ต้องมี “ท่อน้ำเลี้ยง” มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ส่วนจะเป็นแบบ “เหมาจ่าย” แบบมาเร็วกลับเร็วเท่าไหร่นั้น ก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
รวมไปถึงอีกบางคน เช่น ที่มีการพูดถึง นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธุ์ ที่หลบหนีคดีในต่างประเทศ ที่คอยปลุกระดมทางโซเชียลฯ คนพวกนี้ถือว่าอำมหิตมาก เพราะถือว่าตัวเอง “เอาตัวรอด” เลี่ยงความผิด
ดังนั้น หากพิจารณาจากคดีอาญาที่จะต้องตามมาเป็น “หางว่าว” สำหรับแกนนำที่กำลังเสี่ยงคุกเข้าไปทุกที แม้ว่าวันนี้อาจจะยังดูฮึกเหิม คึกคัก หัวใจพองโต กับความเด่นดัง มีชื่อเสียง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผ่านไป จากเดือนกลายเป็นปีๆ แต่คดียังไม่จบไม่สิ้นสักที ถึงตอนนั้นแหละ รับรองว่า ไม่มีทางสนุกแน่นอน แต่เมื่ออาสาเดินในเส้นทางแบบนี้แล้ว ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้เท่านั้นเอง