เมืองไทย 360 องศา
ประกาศชัดเจนไปแล้วทั้งสองคน ทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล สองแกนนำกลุ่มก้าวไกล ว่า วันที่ 19 กันยายนนี้ ที่มีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม “ปลดแอก” พวกเขาจะไปร่วมชุมนุม แต่จะไม่ร่วมปราศรัย อ้างว่า เป็นการชุมนุมของพวกน้องๆ หรือ “เด็กๆ เยาวชน” ที่มีข้อเรียกร้อง ขณะเดียวกัน พร้อมจะร่วมต่อต้าน หากมีการรัฐประหารเกิดขึ้น ซึ่งหากฟังดูเผินๆ ก็ดู “หล่อ” ไม่เบา รวมไปถึงยังได้แนวร่วมจากบรรดาเยาวชนคนรุ่นใหม่พร้อมๆ กันไปด้วย
แต่หากพิจารณากันในความหมายแล้ว ก็เป็นอันชัดเจนว่า ทั้ง นายธนาธร และ นายปิยบุตร จะเข้าร่วมการชุมนุมเหมือนกับคนทั่วไป แต่ไม่มีทางที่จะได้เห็นทั้งคู่ “ออกนำหน้า” หรือเป็น “แกนนำ” ในการชุมนุม เหมือนกับที่หลายคนอยากจะเห็นแบบนั้น
สำหรับเหตุผลที่ว่าทำไมถึงต้องคาดคั้นให้ทั้งคู่ต้อง “ออกนำหน้า” ม็อบเด็กๆ พวกนี้ เนื่องจากหลายคนเชื่อว่า ทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล มีความเกี่ยวข้อง ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม กับการชุมนุมของกลุ่ม “ปลดแอก” ที่ว่านี้อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมา มีทั้งการแสดงออก มีการปรากฏตัวของพวกเขา รวมไปถึงมี ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ที่เชื่อมโยงถึงกันอีกด้วย ทั้งในที่ชุมนุม หน้าเรือนจำ ที่ควบคุมตัวแกนนำบางคน รวมไปถึงหน้าโรงพักเมื่อแกนนำถูกควบคุมมาสอบสวนตามหมายเรียก หมายจับ
หากพิจารณากันเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มปลดแอก ยังมีการเปรียบเทียบกันชัดเจนอีกว่า ทำไมถูกมองว่าเป็นการเชื่อมโยงไปที่พรรคก้าวไกล และ นายธนาธร รวมทั้ง นายปิยบุตร โดยเฉพาะนายธนาธร ที่ถูกมองว่าอาจจะเกี่ยวข้องด้าน “ท่อน้ำเลี้ยง” อีกด้วย เนื่องจากมีสถานะเป็น “นายทุนใหญ่” หรือ “ทุนใหญ่” ในประเทศนี้ จากกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ มีทรัพย์สินนับหมื่นล้านบาท ถูกมองว่า เขาเป็น “เจ้าของ” ม็อบกลุ่มนี้ และได้ประโยชน์จากการชุมนุมของบรรดาเยาวชนพวกนี้มากกว่า พรรคเพื่อไทย ที่หากสังเกตให้ได้ จะเห็นว่า “ถอยห่างออกมา” โดยจะเน้นในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาเสียมากกว่า
แม้ว่าหากพิจารณาให้ลึกลงไปแล้ว ทั้งสองพรรคต่างก็มีเป้าหมายและได้ประโยชน์ทางการเมืองคนละอย่าง ดังที่รับรู้กันดีว่า การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ทางพรรคเพื่อไทยมุ่งหวังให้กลับไปใช้วิธีการเลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญปี 40 ขณะเดียวกัน ก็เคยมีการวิวาทะกันข้ามพรรคในช่วงการยื่นแก้ไข รธน. ที่พรรคก้าวไกล ถอนรายชื่อออกมาทั้งหมด และถูกกล่าวหาว่า “ไม่มีเจตนาแก้ไขจริงจัง” แต่มี “เจตนาป่วน” เสียมากกว่า โดยเฉพาะที่กำลังถูกจับตามองว่ามีความเกี่ยวข้องกับแกนนำนักศึกษาบางคนที่กำลังเคลื่อนไหวในเรื่องสถาบันเบื้องสูงที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่
เมื่อวกกลับมาที่ท่าทีของ ทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่ยืนยันว่า จะไปร่วมชุมนุม ในความหมายก็คือ แค่ไปร่วมฟังการปราศรัยอยู่หลังเวที หรือเข้าร่วมการชุมนุมเหมือนกับคนอื่นๆ ความหมายก็คือ “ไม่ยอมออกหน้า” ไม่เป็นแกนนำ เหมือนกับที่หลายคนเรียกร้องให้แสดงความ “กล้าเปิดหน้า” ออกมาตรงๆ “อย่าแอบอยู่ข้างหลังเด็กๆ อยู่หลังเวที” หรืออีกความหมายหนึ่งที่กล่าวหารุนแรงกว่านั้น ก็คือ “อย่าใช้เด็กเป็นเครื่องมือหาประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง” อะไรประมาณนั้น
ขณะเดียวกัน อีกมุมหนึ่งทำให้น่าจับตาเหมือนกันว่า เมื่อพวกเขาประกาศในทำนองว่า “ไม่เกี่ยวข้อง” กับพวก “ม็อบปลดแอก”มันก็เหมือนกับว่า “ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ไม่เกี่ยว” อะไรประมาณนั้น หลังจากหลายคนเริ่มมีความกังวลว่า จะเกิดความรุนแรงในระหว่างการชุมนุมวันนั้นหรือไม่
อีกทั้ง หากจับตาการเคลื่อนไหวของแกนนำบางคนที่ถูกมองว่าเป็นแกนนำในการชุมนุมวันที่ 19 กันยายน ที่ปรากฏชื่อออกมา เช่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” และอีกบางคนก็ล้วนแล้วแต่มีเจตนาต้องการ “พูดพาดพิงสถาบัน” จนมีการประกาศล่วงหน้าว่า จะพูดแบบ “บิ๊กเบิ้ม” อะไรประมาณนั้น แม้จะมีหลายคนสะกิดเตือนให้รักษาแนวร่วม แต่ล่าสุด ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนท่าที โดยเฉพาะยังยืนยันในเรื่อง 10 ข้อเรียกร้อง เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อครั้งการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งนอกจากไม่หยุดแล้ว ยังประกาศว่าจะ “พูดให้หนักกว่าเดิม”
ดังนั้น ก็ต้องจับตาว่า การชุมนุมวันที่ 19 กันยายน จะออกมาในรูปไหน จะพัฒนาการไปไกลแค่ไหน แต่เมื่อพิจารณาจากตัวละครหลัก อย่างเช่น นายธนาธร และ นายปิยบุตร ยังไม่ยอมเปิดเผยตัวตามเสียงเรียกร้อง ยังใช้ลีลา “แอบหลังเวทีสู้เผด็จการ” หรือ “แอบหลังเด็กๆ” ต่อไป !!