xs
xsm
sm
md
lg

ไม่มีอะไรในกอไผ่? ประธานผู้ลี้ภัยให้เลิก “มโน” เรื่อง “ทักษิณ” ปูด “คุณแจ๋ว” ตัวแทน “คุณหญิงอ้อ” คุม พท.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ จากแฟ้ม
ไม่รู้ “ประธานผู้ลี้ภัย” ตื้นไปหรือไม่ กับเหลี่ยมคูการเมือง “ทักษิณ” ที่ว่า ผลเลือกตั้ง “กก.บห.เพื่อไทย” ทำลายมโนของทุกฝ่าย ขณะ “วงใน” ปูด “คุณแจ๋ว” คือ ตัวแทน “คุณหญิงอ้อ” นั่งบัญชาการ “โปลิตบูโร” เหนือ คณะกรรมการบริหารพรรค

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (2 ต.ค. 63) นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน ลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

“คิดไวๆ ผลการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ของพรรคเพื่อไทย ทำลายมโนของทุกฝ่าย และคงหยุด talk of the town เกี่ยวกับ ดร.ทักษิณ ลงไป"

สำหรับการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ วานนี้ มีทั้งสิ้น 24 คน ประกอบด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรคอีกสมัย มีรองหัวหน้าพรรค 10 คน ประกอบด้วย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายเกรียง กัลป์ตินันท์, นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร, นายพิชัย นริททะพันธุ์, นายสุทิน คลังแสง, นายไชยา พรหมา, พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ และ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นเลขาธิการพรรค และมีรองเลขาธิการพรรค 5 คน ประกอบด้วย นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม, นายจิรวัฒน์ ศิริพาณิชย์, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล, นายคุณากร ปรีชาชนะชัย และ นายนพ ชีวานันท์ น.ส.ธีรรัตน์ สำเรีจวณิชย์ เป็นเหรัญญิกพรรค นายจักรพงษ์ แสงมณี เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ เป็นโฆษกพรรค และมีกรรมการบริหารพรรค 4 คน ประกอบด้วย นายชวลิต วิชยสุทธิ์, นายสรวงศ์ เทียนทอง, นายองอาจ วงษ์ประยูร และ นายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ (จากไทยโพสต์ออนไลน์)

ที่น่าสนใจไปกว่านั้น มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย แจ้งว่า สำหรับคณะกรรมการที่จะมากำหนดทิศทางพรรค เหนือคณะกรรมการบริหารพรรคนั้น จะอยู่ในรูปแบบ “คณะผู้บริหารพรรค” ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับพรรคที่สามารถแต่งตั้งได้ 5-11 คน

โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าว จะทำหน้าที่คอยกำกับ กำหนดทิศทางพรรค แล้วส่งต่อไปให้ คณะกรรมการบริหารพรรค แจกจ่ายงานไปยังส่วนต่างๆ อีกทีหนึ่ง ซึ่งเป็นการทำงานแบบคู่ขนาน ต่างจากการทำงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค คอยกำหนดทิศทางของพรรคเป็นหลัก เพียงคณะกรรมการชุดเดียว และเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า โครงสร้างใหม่ของพรรคเพื่อไทย จะไม่มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคอีกต่อไป

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า คณะผู้บริหารพรรค จะเป็นคณะกรรมการที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารพรรค โดยตำแหน่งแล้ว หัวหน้าพรรคจะไปเป็นกรรมการชุดนี้ เลขาธิการพรรคจะรับตำแหน่งเลขานุการในคณะกรรมการ ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีการแต่งตั้งหรือไม่ ถ้าจะมี ยังไม่ได้คิดว่า จะมีใครอยู่ในกรรมการชุดนี้บ้าง ที่สำคัญ กรรมการชุดนี้ จะต้องเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้น และไม่ใช่ โปลิตบูโร ตามที่มีการวิเคราะห์กัน

ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โครงสร้างใหม่ของพรรคเพื่อไทยนั้น จะให้ทางคณะกรรมการบริหารพรรคขับเคลื่อนเป็นหลัก จะมีการมอบหมายงานให้รองหัวหน้าพรรคแต่ละคน เข้าไปดูแลงานด้านต่างๆ เช่น งานด้านนโยบาย งานด้านบริหารพื้นที่ เป็นต้น ส่วนรองเลขาธิการพรรค ก็จะได้รับมอบหมายจาก เลขาธิการพรรคเช่นกันว่า จะให้ไปช่วยงานด้านใดบ้าง ยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใดเข้ามาช่วยทำหน้าที่

นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกระแสข่าวที่มองว่า คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เข้ามาเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนพรรคนั้น เท่าที่ถามคนในพรรคเพื่อไทยที่เป็นสมาชิกพรรคและผู้บริหารต่างก็งงกับข่าวดังกล่าว คุณหญิงพจมาน ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ต้น กรรมการบริหารก็ไม่ได้เป็น ที่มีข่าวต่างๆ ออกมา คงเป็นการคาดการณ์กันไปเอง เพราะงานขับเคลื่อนพรรคจะมาจากคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นหลัก

เมื่อถามว่า คุณหญิงพจมาน เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุสรณ์ ตอบว่า เป็นสมาชิกพรรคหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็น

ภาพ นายทักษิณ ชินวัตร จากแฟ้ม
มีรายงานอีกว่า ภายหลังจากมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และปรับโครงสร้างใหม่ ซึ่งคณะทำงานส่วนใหญ่ล้วนเป็นสายที่ใกล้ชิดนายทักษิณ คุณหญิงพจมาน แทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะคุณหญิงพจมาน ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญ และจะเข้าร่วมประชุมกับ คณะกรรมการโปลิตบูโร อย่างน้อยเดือนละครั้ง นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้เพื่อนสนิท คุณแจ๋ว (นางจุฑารัตน์ เมนะเศวต) เป็นตัวแทนในการมาดำเนินการเรื่องต่างๆ แทน โดยบุคคลดังกล่าว เป็นที่รับรู้กันในแวดวงบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย ส.ส. และสมาชิกพรรค ว่า เป็นคนที่คุณหญิงส่งมา ต่างให้ความยำเกรงและให้ความเคารพอย่างสูง...

แน่นอน, ประเด็นที่น่าจับตามอง สำหรับพรรคเพื่อไทย ก็คือ “คณะผู้บริหารพรรค” นี่เอง

เพราะอย่าลืมว่า การปรับโครงสร้างใหม่พรรคเพื่อไทยครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะเรียกศรัทธากลับคืน ให้เหมือนกับสมัยที่อดีตพรรคไทยรักไทย เฟื่องฟู และเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาตลอดหลายสมัย แม้ว่า จะถูกยุบพรรค และเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน

ดังนั้น จังหวะก้าวของการเปลี่ยนแปลง อาจเริ่มจากการปรับปรุงคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อเป็น “คนทำงาน” ที่จะต้องรับนโยบายมาจาก “คณะผู้บริหารพรรค” ซึ่งคนที่คุมคณะผู้บริหารพรรค ไม่ว่าจะเป็น “นอมินี (ตัวแทน) หรือ ตัวจริงอยู่นอกพรรค” ก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะบางทีอยู่ต่างประเทศยังคุมพรรคได้

ภาพ นายภูมิธรรม เวชยชัย คนใกล้ชิด “ทักษิณ” จากแฟ้ม
ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า กลุ่มบุคคลที่เคยมีบทบาทอย่างสูงในพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่ยุคก่อตั้ง และมีความใกล้ชิด “ทักษิณ” และครอบครัวชินวัตร ซึ่งเป็นที่ไว้วางใจอย่างสูง อย่าง นายภูมิธรรม เวชยชัย นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่มีกระแสข่าวว่า จะกลับมาทำงานในพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง จะถูกจัดวางอยู่ใน “คณะผู้บริหารพรรค” นี้หรือไม่

เพราะเท่าที่ดู “คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่” ส่วนใหญ่แล้ว เห็นได้ชัดว่า เป็นคนที่จะกำกับดูแลการทำงาน มากกว่า ที่จะเป็นผู้กำหนดนโยบายได้เอง และถ้ามีเพียงเท่านี้ ก็เห็นด้วยกับ “ประธานผู้ลี้ภัย” ว่า ไม่มีอะไรในก่อไผ่ ไม่ต้อง “มโน” อะไรเกี่ยวกับ “ทักษิณ”

แต่ถ้าไม่เพียงเท่านี้ ยังมีตัวแทน “คุณหญิงอ้อ” มีอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ที่จะมานั่งใน “คณะผู้บริหารพรรค” มีการปรับแนวทางการต่อสู้ทางการเมือง ที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือน “จุดยืน” โอนไปเอนมา ตามกระแสการต่อสู้ของคณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นฝ่ายค้านด้วยกัน โดยเฉพาะ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ที่ถูกบีบให้แก้หมวด 1 และ 2 (เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์) ด้วย จะทำให้มั่นคงขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ รวมทั้งการยึดครองพื้นที่เลือกตั้ง ซึ่งพักหลังถูกพรรคพลังประชารัฐ ยึดครองไปหลายพื้นที่ จากนโยบายประชานิยมของ “ลุงตู่” และการยกเลิกหมู่บ้านเสื้อแดง ฯลฯ

สุดท้าย “ทักษิณ” เพิ่งเปิดเผยผ่าน นายสงวน คุ้มรุ่งโรจน์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sa-nguan Khumrungroj ถึงคำให้สัมภาษณ์ว่า

“เรื่องนายกฯพระราชทาน อย่ามาพูดกับผม ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกาของประชาธิปไตย และต้องเป็นไปตามเสียงของประชาชน ท้องฟ้าสว่าง ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ผมจะกลับมา และจะลงเลือกตั้ง หากประชาชนส่วนมากเลือกผม ผมก็พร้อมยินดีที่จะรับใช้ประชาชน เพราะหัวใจของผมอยู่กับประชาชนคนไทยเสมอ”

นี่คือ ข้อยืนยันว่า “ทักษิณ” พร้อมหวนกลับทางการเมือง ส่วนจะเป็นรูปแบบไหน “เงื่อนไข” อะไร นับว่าน่าจับตามอง และท้าทายความสนใจอย่างมาก เหนืออื่นใด ต้องเดิมพันสูงแน่นอน ไม่เชื่อคอยดู!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น