ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เพื่อไทยปรับเพื่อรอเปลี่ยนใหญ่ ..ยังไงก็พรรคหญิงอ้อ
จบไปแล้ว “ปาหี่การเมือง” แถว ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ .. การเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ของ “ค่ายเพื่อไทย” ที่บทสรุปหัวหน้าพรรคก็ยังเป็น “เฮียพงษ์” สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ที่เข้าวินด้วยเสียง 376 เสียง จากโหวตเตอร์ทั้งหมด 413 เสียง .. ขณะที่ตำแหน่งสำคัญอย่าง “พ่อบ้าน” เลขาธิการพรรค ก็ตกเป็นของ “เฮียเสริฐ โคราช” ประเสริฐ จันทรรวงทอง ที่มาตามโผ รวมถึงตำแหน่งอื่นๆ สิริรวม 24 คน จากข้อบังคับที่กำนหดให้มีได้ 29 คน ..
ที่น่าสนใจคงเป็นเสียงโหวตที่หายไป ในการ “โหวตลับ” แบบกาบัตรหย่อนตู้ ทั้งของ “หัวหน้าสมพงษ์” ที่ตัดพวกที่งดออกเสียง กับบัตรเสียแล้ว ยังขาดไปอีกกว่า 20 เสียง ที่ไม่ลงคะแนนให้ แต่ก็ยังถือว่าได้คะแนนลำดับต้นๆ เมื่อเทียบกับกรรมการบริหารพรรคตำแหน่งอื่นๆ
แต่รายของ “พ่อบ้านประเสริฐ” ดูจะอาการหนัก เมื่อได้เสียงโหวตเพียงแค่ 330 เสียงจาก 413 เสียงเท่านั้น ต่ำที่สุดในบรรดาทุกตำแหน่ง โดยมีบัตรเสียมากถึง 37 ใบ แต่ก็ยังขาดหายไปถึงกว่า 30 เสียงที่ไม่ลงคะแนนให้ ... งานนี้คงต้องไปไล่เบี้ยกันเองว่า ที่ไม่ลงคะแนนให้กันนั้นเพราะอะไร แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่ายังมี “คลื่นใต้น้ำ” ภายในพรรค ทั้งที่มีการส่งสัญญาณ “ในทางลับ” แล้วว่า “เจ้าของพรรคตัวจริง” อย่าง “นายหญิงใหญ่” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร จะลงมากำกับการบริหารงานด้วยตัวเอง .. สงสัยงานแรกของ “โปลิตบูโร” น่าจะเป็นการไล่เบี้ยตามหาคะแนนโหวตที่หายไปละมั้ง
แล้วที่ว่า “ปาหี่การเมือง” ก็เพราะการเลือกรรมการบริหารพรรคลอตใหม่ครั้งนี้ แม้จะมีหน้าใหม่-หน้าเก่า ผสมปนเปให้เห็นภาพความเปลี่ยนแปลง แต่เอาเข้าจริงก็แค่มหกรรมดีด “ทีมเจ๊หน่อย” ออกนอกวงโคจร ด้วยในทีมบริหารงานพรรคชุดใหม่ หลงเหลือเพียง “ตัวประกัน” อย่าง “ผู้การป๊อป” น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. และอดีตเลขาธิการพรรค เพียงรายเดียวเท่านั้น ที่เป็นหน่อเนื้อ “บ้านลาดปลาเค้า” ของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน และเป็นการเปิดทางให้ “รีเซต” พรรคกันใหม่เมื่อวานนี้ ..
อย่างไรก็ดี แม้จะออกตัวว่าไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ แต่ “เจ๊หน่อย” ก็ยังแสดงสปิริตมาร่วมการประชุมในฐานะ “โหวตเตอร์” ท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับกระหึ่มห้องประชุม ที่คงดังกระหึ่มไปถึงหู “เจ้าของพรรคตัวจริง” ที่เป็นคนดีดนิ้วให้ “ทีมเจ๊” สลายตัว .. หากคิดว่าเป็นแค่เสียงปรบมือ “ตามมารยาท” ก็คงไม่มีอะไร แต่ถ้า “คิดลึก” ไปประกอบดับเสียงโหวตที่หายไป ก็น่าสนุกพิลึก!!
เมื่อสำรวจตรวจสอบรายนามกรรมการบริหารพรรคทั้ง 24 ราย ก็พบว่า นอกเหนือจากบรรดาสายตรง “นายใหญ่-นายหญิง” แล้ว ยังมีลูกหาบสาย “เฮีย-เจ๊” ที่ซดเกาเหลากับ “สุดารัตน์” แทบทั้งสิ้น .. ในส่วนของ “เฮียพงษ์” นั้น คุ้นเคยกับตระกูลชินวัตรมาเนิ่นนาน ในฐานะ ส.ส.เชียงใหม่ และคนเก่าคนแก่ของพรรค .. ขณะที่ “เลขาฯ เสริฐ” ได้รับการผลักดันอย่างแรงจาก “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล แกนนำพรรคคนสำคัญ .. ต่อกันที่ รองหัวหน้าพรรค 10 คน แน่นอนว่า “น.อ.อนุดิษฐ์” ยังคงเหนียวแน่นอยู่กับ “เจ๊หน่อย” ไม่แปรเปลี่ยน ที่เหลือ “เสี่ยโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง - “โอปอล์” อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด มาทาง “เจ๊ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ..
ส่วน “ครูทิน” สุทิน คลังแสง - “จารย์ชู” ชูศักดิ์ ศิรินิล นั้น ถือว่าเป็นมือทำงาน สำหรับ “เฮียเกรียง” เกรียง กัลป์ตินันท์ คนโตเมืองดอกบัว กับ ไชยา พรหมา คนโตหนองบัวฯ พะยี่ห้อ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ .. ส่วน “เสี่ยโจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร - “เสี่ยแดง” พิชัย นริททะพันธุ์ ก็เติบโตมาใต้ร่วมเงา “เฮียเพ้ง-พงษ์ศักดิ์” ขณะที่ พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ คนนี้บัดดี้ “ยย.” ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา สายตรงแดนไกล
ถัดมาตำแหน่งอื่นๆ รองเลขาธิการพรรค 5 คน ประกอบด้วย “เสี่ยท๊อป” จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้แทนสันกำแพง เชียงใหม่ บ้านเกิดตระกูลชินวัตร - “หัวเขียงจูเนียร์” จิรวัฒน์ ศิริพาณิชย์ ก็ทายาท “หัวเขียง” ประยุทธ ศิริพานิชย์ สายตรงดูไบ เจ้าของผลงาน “นิรโทษฯ สุดซอย” - “เสี่ยอ๊อป” เผ่าภูมิ โรจนสกุล มือขวา “เสี่ยอ้วน-ภูมิธรรม” ส่วน “เสี่ยเจียง” คุณากร ปรีชาชนะชัย ส.ส.สุรินทร์ และ “เสี่ยนพ” นพ ชีวานันท์ ส.ส.อยุธยา ก็เป็นแก๊งไอติม กับ “คุณหนูปู ณ ลอนดอน” เช่นเดียวกับเหรัญญิกพรรค “สาวอิ่ม” ธีรรัตน์ สำเร็จวณิชย์ ส.ส.กทม. ก็มาทาง “นายกฯปู” ขณะที่ จักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนสมาชิกพรรค แว่วว่าเป็นมือทำงานของ “เสี่ยโต้ง-กิตติรัตน์”
“ดร.หญิง” อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคคนสวย เคยเป็นรองโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ มาก่อน รายนี้ศิษย์เก่า “วอยซ์ทีวี” ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ในก๊วน “นายกฯปู” ทางด้านกรรมการบริหารพรรค 4 ราย มาจากโควตาภาค ประกอบด้วย “นายอำเภอ” ชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม, องอาจ วงษ์ประยูร ส.ส.สระบุรี, “นายกบัง” พรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ และ “เสี่ยบอย” สรวงศ์ เทียนทอง อดีต ส.ส.สระแก้ว และอดีต รมช.สาธารณสุข ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “ป๋าเหนาะ” เสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย
เอาเป็นว่างานนี้ เพื่อไทยปรับเพื่อรอเปลี่ยนใหญ่ ยังไงก็พรรคหญิงอ้อ!
** “คดีบอส” ถึงมือดีเอสไอ ... สรุปผลศึกษาแนวทางปฏิรูปตำรวจ ส่งถึงมือนายกฯ แต่ไม่รู้หลังจากนี้ผลลัพธ์จะเป็นไปตามที่สังคมคาดหวังหรือไม่ ...ต้องถามใจ “ลุงตู่”
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดี “บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง และศึกษาแนวทางปฏิรูปกฎหมายในระบบกระบวนการยุติธรรม ที่มี “วิชา มหาคุณ” เป็นประธาน ก็ได้ “ปิดจ๊อบ” ที่ได้รับมอบหมาย ส่งผลสรุปไปถึงมือ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว
โดย “คดีบอส” ที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนั้น ได้สรุปว่า มีจุดบกพร่องตรงจุดไหน ใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่ง “อาจารย์วิชา” บอกว่า นายกฯ ก็ได้ส่งผลการตรวจสอบ กระจายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับช่วงดำเนินการแล้ว ...ทั้ง “ดีเอสไอ” รับไว้เป็นคดีพิเศษ... คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ก็รับเรื่องไปตรวจสอบทั้งข้อเท็จจริง และเรื่องการเงิน เพื่อนำไปสู่การไต่สวนต่อไป รวมทั้งได้ดำเนินการด้านการต่างประเทศไปแล้ว รอเพียงว่าจะได้ตัว “บอส” มาดำเนินคดีเมื่อไร ...
ฟังว่า “คดีบอส” ยังมีตัวละครอีกหลายคนที่มีส่วนพลิกคดี อยู่ในข่ายเป็นตัวการสำคัญอย่าง เช่น การเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ ที่สังคมคลางแคลงใจว่า ตัวละครลับที่ร่ำลือกันว่ามี อดีตผบ.ตร. “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อยู่ในห้องด้วย และเป็นนำพา “ดร.สายประสิทธิ์” มาให้ทีมตำรวจรู้จัก จะอยู่ในข่ายของคดีพิเศษที่ DSI กำลังดำเนินการอย่างที่ “อาจารย์วิชา” ว่าไว้หรือไม่ หรือจะอยู่ในส่วนหน่วยงานไหน ที่จะต้องรับไม้สอบต่อหรือไม่ ต้องจับตากันอย่าให้เรื่องเงียบหาย
ส่วนผลสรุปการศึกษาแนวทางปฏิรูปกฎหมายในระบบกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะการ “ปฏิรูปตำรวจ” เพิ่งส่งถึงมือนายกฯ เมื่อวานนี้ (1 ต.ค.) พร้อมท้วงติงว่า “ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ” ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับโครงสร้างของตำรวจ ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ไปเมื่อกลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมานั้น มีการแก้ไขจนหลักการไม่สอดคล้องกับ รธน.
เพราะร่างเดิมที่ คณะกรรมการชุด “อาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์” ทำมานั้น มุ่งขจัดการวิ่งเต้นโยกย้าย ซื้อขายตำแหน่ง จึงกำหนดให้การพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้ายต้องคำนึงถึง “อาวุโส และความรู้ความสามารถประกอบกัน” แต่ถูกแก้เป็น “อาวุโสตามลำดับชั้น” ...แปลความง่ายๆ ก็คือ เป็นการย้อนกลับไปให้อำนาจกับ “ผู้บังคับบัญชา” ในการพิจารณา “ความรู้ความสามารถ” หรือ “ความเหมาะสม” ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้มีการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่งกัน เหมือนเดิม ... ส่วน “ร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา” เป็นการปฏิรูปการสอบสวน ที่ต้องการให้เป็นอิสระ ให้มีผู้บัญชาการด้านสอบสวน แต่ก็ถูกแก้ให้ไปขึ้นอยู่กับ “รองผู้กำกับทุกสน.”
เมื่อ “อาจารย์วิชา” ได้หารือกับนายกฯ ก็ได้รับคำชี้แจงแบบต้อง “ตีความกันเอาเอง” ว่า เรื่องการสอบสวน ที่จะต้องเป็นแท่ง และอิสระ ก็ไม่น่าจะมีอะไรขัดข้อง แต่ระบบการแต่งตั้งของตำรวจเนื่องจากว่ามีขบวนการมานานแล้ว ที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักอาวุโส ที่เห็นๆ กันอยู่ ว่ามีการแต่งตั้งข้ามหัวกันไปเยอะแยะ ฉะนั้นอาจจะต้องมีการใช้บทเฉพาะกาลอะไรไว้ให้ เพื่อให้ปรับตอนเข้าระบบการเปลี่ยนผ่าน เพราะถ้าหากใช้ทันที ก็จะเกิดข้อร้องเรียนเยอะแยะ ก็ถือว่ารับไว้เป็นข้อสังเกตก็แล้วกัน
“เอาเป็นว่าท่านรับเรื่องไปแล้วกัน ท่านบอกว่าท่านขอรับไป และจะไปดูให้รอบคอบ ตามที่เราให้ข้อสังเกตไว้” อาจารย์วิชา ทิ้งท้ายไว้อย่างนี้
ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ทั้ง “คดีบอส” และ “การปฏิรูปตำรวจ” ผลจะออกมาอย่างที่สังคมคาดหวังกันหรือไม่ !!
(ล้อมกรอบ)
ขอแสดงความเสียใจกับ “มนู พุกประเสริฐ” อดีตนายก อบจ.สุโขทัย และ “อนงค์วรรณ เทพสุทิน” อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สูญเสีย “คุณแม่ลำจวน พุกประเสริฐ” มารดา มา ณ โอกาสนี้ ... กำหนดการสวดอภิธรรมศพ ถึงวันเสาร์ที่ 3 ต.ค. 63 และมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ เป็นกรณีพิเศษ วันอาทิตย์ที่ 4 ต.ค. 63 เวลา16.00 น. ณ เมรุวัดสวัสติการาม (วัดต้นหัด) อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย