xs
xsm
sm
md
lg

ภท.ลุยภาคกลาง kick off ยางพารา ปรับปรุงความปลอดภัยถนน เจาะพื้นที่เกษตร-สหกรณ์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อนุทิน-ศักดิ์สยาม” นำคณะ ภท. ลุยภาคกลางต่อ!! คมนาคม-เกษตรฯ kick off ยางพารา ปรับปรุงความปลอดภัยทางถนน เมืองอุทัยธานี เจาะพื้นที่ เกษตรกรชาวสวนยางและกลุ่มสหกรณ์ที่เข้มแข็ง

วันนี้ (30 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดโครงการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน (Kick Of) พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท, รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมงาน

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมกันผลักดันโครงการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยทางถนน โดยนำยางพารามาเป็นส่วนผสมในการทำเครื่องกั้นถนนครอบวัสดุยางพารา หรือ rubber fender berier และหลักนำทางยางธรรมชาติ โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณตั้งต้นโครงการ เพื่อใช้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2563 วงเงินกว่า 2,700 ล้านบาท หลังจากนั้น ได้เดินหน้า kick off สร้างการรับรู้กับชาวสวนยาง เริ่มจากจังหวัดจันทบุรี ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดโครงการ และกระทรวงคมนาคม ยังได้ลงพื้นที่เริ่ม kick off โครงการในหลายจังหวัด สตูล นครพนม บึงกาฬ เลย และล่าสุด ที่จังหวัดอุทัยธานี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุด้วยว่า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งกรมทางหลวง (ทล.) และ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้กำหนดแผนการดำเนินโครงการดังกล่าว ในปีงบประมาณ 2563-2565 โดย มีปริมาณการใช้ยางพารา จำนวน 1,007,951 ตัน และจะนำ 2 ผลิตภัณฑ์ ดังกล่าว มาใช้ติดตั้งบนถนนของ ทล. และ ทช. ระยะทางรวม 12,282 กิโลเมตร คิดเป็นผลประโยชน์ที่เกษตรกรชาวสวนยางจะได้รับ จำนวน 30,108 ล้านบาท และจะมีการสำรวจตรวจสอบเพื่อเปลี่ยนแผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต และหลักนำทางยางธรรมชาติ ทดแทนที่เสื่อมสภาพ หรือมีความเสียหายเกิดขึ้น ซึ่งต้องใช้ยางพาราในทุกๆ ปี ปีละไม่น้อยกว่า 336,000 ตัน

สำหรับปริมาณการใช้ยางพาราในโครงการดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ก่อนหน้านี้ ในปี 2562 มีปริมาณการใช้น้ำอย่างพาราสดในโครงการของรัฐมากกว่า 129,000 ตัน แต่เมื่อมีโครงการนำร่องการนำยางพารามาผลิตใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยบนท้องถนนใน 3 เดือนนี้ พบว่า มีปริมาณการใช้ยางพารากว่า 50,000 ตัน ซึ่งถือว่า เป็นปริมาณการใช้ที่เท่ากับปริมาณในปี 2561

โดย กระทรวงคมนาคม และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มั่นใจว่า โครงการยางพาราเพื่อความปลอดภัยทางถนนนี้ เมื่อมีเป้าหมายในการใช้ยางพาราแต่ละปีชัดเจน จะช่วยสร้างเสถียรภาพด้านราคาให้แก่ยางพาราเพิ่มขึ้น โดยหลังจากการเริ่มต้นโครงการเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา 1 เดือน ล่าสุด ราคาน้ำยางพารา อยู่กิโลกรัมละ 63 บาท ขณะที่ราคายางก้อนถ้วย มีเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานีนิยมผลิตเพื่อทำการขายนั้น ก่อนที่จะมีโครงการราคาเคยตกต่ำถึงกิโลกรัมละ 8 บาท ก่อนที่จะมีการเริ่มต้นโครงการ แต่ ณ วันนี้ ราคายางก้อนถ้วยอยู่ที่กิโลกรัมละ 22 บาท โดยกระทรวงคมนาคม และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป้าหมายที่จะผลักดันให้ราคายางก้อนถ้วยนี้ กิโลกรัมละ 28 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจังหวัดอุทัยธานี เป็นจังหวัดในภาคกลางของไทย ที่มีการปลูกยางพาราจำนวนมาก โดยข้อมูลล่าสุดของการยางแห่งประเทศไทย พบว่า มีเกษตรกรชาวสวนยางจำนวน 1,994 ราย พื้นที่ปลูกยางรวมทั้งสิ้น 35,878 ไร่ โดยผลผลิตยางพาราแบ่งเป็นยางแผ่นดิบ 598 ตัน คิดเป็นร้อยละ 77.25 และ ยางก้อนถ้วย 155 ตัน คิดเป็นร้อยละ 20.02 (ข้อมูลณวันที่ 23 กันยายน 2563)

นอกจากนี้ จังหวัดอุทัยธานี ยังเป็นจังหวัดที่มีสหกรณ์ชาวสวนยางที่เข้มแข็ง โดยกระทรวงคมนาคม และ กระทรวงเกษตรฯ มั่นใจว่า การดำเนินโครงการใช้ยางพาราเพื่อความปลอดภัยทางถนน ซึ่งจะใช้สหกรณ์สวนยาง เป็นกลไกในการรับซื้อยางจากชาวสวน จะมีส่วนในการสนับสนุนให้มีการกำหนดราคารับซื้อที่สร้างรายได้แก่ชาวสวนยางในระดับที่น่าพอใจ ทำให้ราคายางพาราในประเทศ มีเสถียรภาพได้ในระยะยาว










กำลังโหลดความคิดเห็น