xs
xsm
sm
md
lg

3 รมต.ภท.เปิดโครงการนำยางพารามาใช้ปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัย ทึ่งราคาทะลุเกิน 60 บ.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อนุทิน-ศักดิ์สยาม-มนัญญา” เปิดโครงการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน (Kick Off) ที่สตูล ชมการสาธิตขั้นตอนการผลิต แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต-หลักนำทางยางธรรมชาติ ด้วยฝีมือคนไทย ทึ่งราคายางพุ่งทะลุเกิน 60 บาท

วันนี้ (6 ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นายพิบูลย์ รัชกิจประการ นายวรศิษฐ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล พรรคภูมิใจไทย พร้อมข้าราชการระดับสูงกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการนำน้ำยางพารา มาใช้เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยทางถนน (Kick Off) ที่บริเวณทางหลวงหมายเลข 404 กิโลเมตรที่ 102+150 ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล

นายอนุทิน กล่าวในพิธีเปิด โดยได้แสดงความชื่นชมโครงการผลิต “แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต” และ “หลักนำทางยางธรรมชาติ” สามารถที่จะช่วยลดแรงปะทะที่เกิดจากการชน ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน ประกอบกับมีสัดส่วนการใช้น้ำยางพารา เป็นส่วนผสมจำนวนมาก ซึ่งเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพารา สร้างรายได้ โดยตรงให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพาราไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท

“โครงการนี้จะสร้างความมั่งคั่ง สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรโดยตรง ในสัดส่วนที่มากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้แก่พี่น้องเกษตรกร ด้วยการเรียนรู้ และต่อยอดองค์ความรู้ในการเพิ่มมูลค่าผลผลิต ซึ่งจะทำให้เกษตรกรชาวสวนยางพารา มีรายได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต เป็นการสร้างเสถียรภาพด้านราคายางพาราในประเทศให้มากขึ้นอีกด้วย” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า โครงการนี้คือนโยบาย “Thai First ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้ก่อน” เพราะผลิตคิดค้นโดยคนไทย นำสินค้าที่ผลิตมาใช้ในประเทศ ในช่วงแรกของโครงการ เงินรายได้เข้าถึงมือเกษตรกรชาวสวนยางโดยตรง ซึ่งจะมีสัดส่วนที่ถึงมือเกษตรกรสูงถึง 70 % หรือ 3 หมื่นล้านบาท

ด้าน นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ถือเป็นความสำเร็จของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการทำโครงการนำน้ำยางพารา มาใช้เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยทางถนน ส่งผลให้เกิดเสถียรภาพในด้านราคายางพาราอย่างยั่งยืน โครงการระยะแรก เฉพาะแผ่นยางพาราหุ้ม จะเสื่อมสภาพใน 3 ปี จะมีการผลิตทดแทนในปีที่4 และทดแทนในทุกๆ ปี

“ครบ 3 ปี จะต้องเปลี่ยนเฉพาะ rubber fender 1/3 เพราะ rubber fender มีอายุใช้งานกลางแจ้งได้ครั้งละ 3 ปี ซึ่งจะทำให้ต้องมีการสร้าง rubber fender ทดแทนทุกปี เริ่มจาก ปี 2566 เป็นต้นไป ซื่งจะต้องใช้น้ำยางดิบ ปีละประมาณ 3.5 แสนตัน ในการผลิต rubber fender สำหรับ concrete barriers เมื่อดำเนินการติดตั้งแล้ว สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยทางถนนได้ตลอดไป” รมว.คมนาคม กล่าว

ขณะที่ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า หลังจากที่มีการเซ็นบันทึกความร่วมมือระหว่าง กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงคมนาคม ในเรื่องการผลิต “แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต” และ “หลักนำทางยางธรรมชาติ” เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 แล้วนั้น ปรากฏว่า ราคายางพารามีการทุบสถิติเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขณะนี้ทราบว่าน้ำยางพารามีราคาเพิ่มสูงขึ้นถึง 60 กว่าบาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพารา ที่จะมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นส่วนช่วยสำคัญที่จะทำให้เกิดสถียรภาพของราคายางพาราในประเทศไทย

“ดิฉัน เชื่อมั่นว่า ราคายางพารา แม้จะมาจากหลายปัจจัย แต่ 2 โครงการ ที่ทำ คือ แผ่นยางครอบแบริเออร์ และเสาหลักนำทาง ที่ดูดซับปริมาณน้ำยางพารา จะช่วยทำให้ราคายางพาราเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีเหตุผล ตามกลไกตลาดที่สะท้อนออกมาตลอดไป เกษตรกรชาวสวนยางจะได้มีเงินมีทองเพิ่มมากขึ้น” รมช.เกษตร กล่าว

สำหรับการเปิดโครงการที่จังหวัดสตูลนั้น เพราะเครื่องผลิต “แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต” ได้จัดทำและประสบความสำเร็จโดยความร่วมมือของ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ประกอบเครื่องมือดังกล่าวสำเร็จที่จังหวัดสตูล เป็นที่แรกของประเทศไทย โดยขณะนี้มีโครงการอบรม ขยายความคิดในการทำเครื่องมือดังกล่าวไปในกลุ่มชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยาง วิสาหกิจ ในจังหวัดอื่นๆ อีกหลายแห่ง เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับประชาชน






กำลังโหลดความคิดเห็น