วิปฝ่ายค้าน อภิปรายตอบ 6 คำถาม แก้รัฐธรรมนูญเพื่อปากท้อง ประชามติกระจายงบประมาณอย่างทั่วถึง ระบุเตรียม 1 ร่าง 4 ญัตติให้ ส.ว. เลือกตามความต้องการแล้ว ขอเลือกเพื่อยุติความขัดแย้ง เชื่อรบ.เอาด้วยส.ว.ไม่ขัด
วันนี้ (24ก.ย.) เวลา 12.15 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ประชาชนวิตกเท่าที่ฟังการอภิปรายของ ส.ว. เขาหมดหวัง คิดว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตกแน่ทั้ง 6 ฉบับ ดังนั้น เวลาที่เหลืออยู่ อยากให้ไขข้อข้องใจทำทุกวิถีทางให้ ส.ว. เข้าใจเจตนารมณ์ และสรุปคำถามทั้งหมดของเมื่อวานดังนี้ คำถามแรก แก้ไขทำไม มีเหตุผลอะไร? ตอบว่า การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อแก้ปัญหาประชาชน แก้เศรษฐกิจให้พี่น้องอยู่ดีกินดี เพราะการเมืองตอนนี้ไม่เป็นเครื่องมือให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้
คำถามที่สอง ไม่ใช่ความต้องการของประชาชนหรือเปล่า ส.ส. ทำเองเพื่อประโยชน์ของตัวเอง? ขอตอบว่า เป็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ สะท้อนมาจากประชาชนที่เลือกพวกตนขึ้นมา สัญญาณและจิตสำนึกของพวกตนไม่มีอะไรที่จะทำนอกเหนือประชาชน ถ้าแก้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง กลับไปประชาชนจะสั่งสอนเอง อะไรที่ฝืนประชาชนไม่มีใครทำ ยืนยันจากการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา หลายพรรคชูประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ ขณะที่นายกรัฐมนตรีที่ไม่ยากแก้รัฐธรรมนูญ ยังบรรจุการแก้รัฐธรรมนูญไว้ในนโยบายเร่งด่วนข้อ 12 ขณะเดียวกันยังมีคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญจากทุกฝ่าย และทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาลและนักวิชการที่แยกย้ายกันทำงานในอนุกรรมาธิการก็เห็นตรงกันว่าประชาชนต้องการแก้ และถ้าไม่ชัดก็ไปฟังผู้ชุมนุม และถ้ายังไม่ชัดว่าเป็นของประชาชนหรือไม่ก็ให้ไปดูร่างของประชาชนยที่รวมมาเป็นแสนชื่อ และสอดคล้องกับร่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน และถ้าขนาดนี้ยังไม่เชื่อว่าเป็นความต้องการของประชาชนก็ให้ออกไปดูม็อบหน้าสภา
คำถามที่สาม การแก้รัฐธรรมนูญเกี่ยวอะไรกับปากท้องประชาชน เหมือนรัฐธรรมนูญไม่มีคุณค่า? ตอบว่า วันนี้ที่ประชาชนลำบากจะเป็นจะตายไม่มีกิน 70% ของเงินในประเทศมันถูกขับเคลื่อนและมาจากต่างประเทศ อีก 30% เป็นการลงทุนจากต่างประเทศภายในประเทศ เราจำเป็นต้องหวังพึ่งเงินจากต่างประเทศ ต่างชาติจะลงทุนมาเที่ยวหรือคบค้ากับประเทศที่มีระบบการปกครองเป็นสากล มีการะบบการเลือกที่เข้มแข็ง มีระบบกฎหมายเป็นมาตรฐาน มีระบบบริหารที่ดี เขาก็จะดูจากรัฐธรรมนูญเป็นอย่างแรก แล้วถ้าประเทศโปร่งใสตรวจสอบได้ ถ่วงดุลได้ เขาก็จะมาลงทุน แต่พอยึดอำนาจปี 2557 จะเห็นว่า 70% จากต่างประเทศหายไป ยุโรปไม่คบค้าด้วย การยึดอำนาจคือปฐมเหตุ และหลังจากนั้นก็ดูว่าการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ต่างชาติตกใจ เห็นเลยว่าอีกไม่นานความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นอีก แล้วใครจะหอบเงินเข้ามา แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทันทีที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีการขัยบเลือกตั้งกี่รอบ? เลือกตั้งแล้วก็นานกว่าจะประกาศ การนับคะแนนบัญชีรายชื่อก็มีปัญหา บัตรเขย่ง องค์กรระดับโลกที่ติดตามการเลือกตั้งก็ประกาศว่าการเลือกตั้งไม่เป็นสากล และเลือกตั้งแล้ว พรรคการเมืองก็ได้คะแนนเสียงเบี้ยหัวแตกกว่าจะแถลงนโยบายก็ช้า งบประมาณปี 2563 ล่าช้ากว่ากำหนดครึ่งปี นักลุงทุนก็มองว่าเกิดปัญหา ทุกคนหนีไม่มาลงทุน ความหวังเดียวที่จะช่วยเรื่องปากท้องชาวบ้าน แต่กลับล่าช้า เพราะรัฐธรรมนูญทำให้ล่าช้า การเมืองไม่มีเสถียรภาพ ทีมเศรษฐกิจหอบหิ้วกันหนี มันเป็นความอ่อนแอจากรัฐธรรมนูญ แล้วรัฐบาลจะตั้งความหวังใหญ่เอางบประมาณไปทำ EEC แต่จนวันนี้ 6 ปี EEC ร้าง ไม่มีคนมาลงทุน ยิ่งจนยิ่งลงทุน ยิ่งขาดทุนยิ่งหนัก เม็ดเงินลงทุนวันนี้ไม่มี ดังนั้นวันนี้ต้องทำให้คนในโลกกลับมาเชื่อมั่นโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นสากล บางคนบอกแก้ให้เป็นไทย ก็ได้ แต่ต้องให้การเมืองเดินได้มั่นคงและแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ดังนั้นวันนี้เป็นแก้รัฐธรรมนูญเพื่อแก้เศรษฐกิจให้การลงทุนกลับมา เม็ดเงินกลับมา งบประมาณแผ่นดินเป็นประโยชน์กับประชาชน
คำถามที่สี่ เปลืองงบประมาณ? ตอบว่า วันนี้รัฐบาลกู้เงินมาเยอะแต่ไม่มีวิธีใช้เงิน แจกแบบไม่มีผลผลิต หาวิธีอัดฉีดเงินที่มีประสิทธิภาพไม่เจอ เช่น โครงการเอา อสม. ไปเที่ยว แต่วิธีที่ดีที่สุดคือ จัดเลือกตั้ง จัดประชามติ เห็นการกระจายงบประมาณทุกรูขุมขน กระจายทุกหมู่บ้าน คนทำโปสเตอร์ก็ได้ รถสองแถวก็ได้ ข้าราชการก็ได้ เงินจะกระจายอย่างมีระบบทั่วถึง ทำสามรอบก็กระตุ้นสามรอบ ตอนนี้รัฐบาลอยากรอให้หยุดยาวเงินจะได้กระจาย แต่ถ้าทำประชามติไม่ต้องรอวันหยุดแล้วเงินจะหมุนในระบบ เกิดความคุ้มค่า เนื่องจากได้กติกาที่ดีและเงินก็ได้
คำถามที่ห้า จะไปล้มประชามติ 16 ล้านเสียงทำไม? ตอบคือ วันนั้นไม่มีที่ไหนเลือกตั้งภายใต้กฎอัยการศึก ขัดหลักเลือกตั้ง แล้วใครจะยอมรับ แต่วันนี้ใช่ว่าเราจะปฏิเสธ 16 ล้านเสียง แต่เมื่อแก้แล้วการทำประชามติสามารถย้ำอีกทีได้ ถ้าคนยืนยันว่าไม่รับก็กลับไปใช้ฉบับเดิม ไม่ใช่ข้ามหัว แต่เป็นการกลับไปเช็คซ้ำ ไปคารวะเขาอีกรอบ ถ้าเขาเอาแบบเดิมก็จบ
คำถามที่หก ฝ่ายค้านเสนอ 2 แบบทำไม คือทั้งร่างเป็นการตีเช็คเปล่าหรือไม่ และทำไมต้องยื่นรายมาตราอีก? ตอบ ประเทศไทยแก้รัฐธรรมนูญเยอะที่สุดในโลก เพราะไม่ยอมรับกันเพราะฝ่ายโน้นฝ่ายนี้เถียงกัน แต่ถ้าจะให้ยอมรับที่สุดก็ให้ประชาชนมาเขียน และที่ฉบับนี้คนไม่ยอมรับก็เพราะ คสช. เขียนเอง แต่ร่างของฝ่ายค้านให้ประชาชนเลือกตั้งเข้ามาเป็น สสร. 200 คนเขียนให้หมด และการยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 เพื่อป้องกันการที่คนวิจารณ์ว่าจะแก้ทั้งฉบับเพื่อล้มล้าง ฝ่ายค้านยกเว้นไว้ให้แล้ว แต่ถ้าใครอยากแก้ก็ไปชั้นแปรญัตติ และส่วนที่กลัวว่าถ้าแก้แล้วกลัวตัดเรื่องคอร์รัปชั่นออก จะรู้ได้ยังไง เพราะยังไม่รู้เลยว่า สสร. เป็นใคร จะไปกลัวได้ยังไงว่าจะมาตัดอำนาจ ส.ว. หรือของดีๆ จะหาย จะไปรู้ได้อย่างไร ต้องให้ประชาชนเขียน เราต้องถอยออกมา และยอมรับเขา ส่วนการยื่นอีก 4 ญัตติ เพราะว่าหลายคนบอกแก้ทั้งฉบับไม่เอา ก็มีทางเลือกใ้ห้ 4 ญัตติเลือกเอา แล้วตอนนี้คือมีให้เลือกแบบทั้งฉบับและรายมาตราให้เลือกแล้วทุกอย่าง ถ้าบอกว่าไม่เอาแล้วจะเอาอะไรอีก หรือจะไม่เอาไม่แก้อะไรเลย อย่างไรก็ตามแม้ได้ สสร. แล้ว ความขัดแย้งจะลดลงไป แต่ความขัดแย้งจะปะทุขึ้นมาอีก หากเกิดยุบสภา ลาออก กติกาเดิม เลือกตั้งแบบเดิม ส.ว.เหมือนเดิม ก็เลยเขียนไว้เฉพาะหน้าเพื่อป้องกันความขัดแย้ง โดยมาตรา 272 ลดอำนาจ ส.ว. และระบบเลือกตั้ง คราวนี้ ส.ว. จะอยู่กี่ปีก็อยู่ไป คนจะสบายใจ รัฐบาลก็จะขอบคุณ ถ้ามีการเลือกตั้งแบบใหม่จะยุบสภาก็ได้ ประชาชนก็จะไม่ว่า นี่คือทางออกของประเทศ และให้สภาเป็นหลักพึ่งพิงของประเทศ หายากที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลจะเห็นตรงกัน เหลืออยู่เพียงฝ่ายเดียว คือ ส.ว. สุดท้ายเหลือตัวนายกรัฐมนตรี ตนเชื่อว่าผ่านหรือไม่อยู่ที่ตัวรัฐบาล ไม่ได้บอกว่ารัฐบาลสั่ง ส.ว. ได้ แต่ถ้ารัฐบาลจะเอาอย่างไร ส.ว. ไม่ขัด บทสรุปวันนี้จะพิสูจน์ว่าท่านจริงใจหรือไม่ ประชาชนรู้