“มงคลกิตติ์” หนุนแก้รัฐธรรมนูญ-ตั้ง ส.ส.ร. อ้าง ส.ส. จำต้องโหวตเลือก “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ เพื่อให้ประเทศไม่มี ม.44 และ คสช. ชี้ส.ว.ไม่ได้มาจากปชช.แต่มีอำนาจกดดัน ส.ส. ‘นิกร’ ชวนรัฐสภาแก้รธน.ยุติความขัดแย้งซ้ำรอยปี35 เผยเป็นแผลฝังใจในอดีต แต่วันนี้สามารถเลือกให้ไม่เกิดการนองเลือดได้อีกครั้ง
วันนี้ (24 ก.ย.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีราชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกฉีกไปโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อยึดอำนาจการบริหารประเทศจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง โดยสาเหตุมาจากการทุจริตหลายโครงการและ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มี ส.ส. ลาออกไปนำม็อบ จนรัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการประเทศได้ จากนั้นจึงมีการร่างรัฐธรรมนูญ และลงประชามติ 16.8 ล้านเสียง แต่เมื่อหลังประกาศใช้พบว่ามีปัญหาเรื่องระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะมาตรา 269 การปฏิรูปประเทศ 20 ปี มาตรา 272 อำนาจ ส.ว. ในการโหวตนายกรัฐมนตรี และมาตรา 279 การคุ้มครองคำสั่งของ คสช. ทุกฉบับ ตนขออภิปรายมาตรา 272 จะเห็นว่า ส.ว. มี 250 เสียงและไม่มีที่มาจากประชาชน แต่กลับมีอำนาจกดดัน แบบคั้นความไม่เป็นอิสระของ ส.ส. ในหลากหลายมิติ ถ้าวันนั้น ส.ส. ไม่เลือกนากยรัฐมนตรี ม.44 และ คสช. ก็ยังคงอยู่ ส.ส. จำนวนหนึ่งก็เลือกเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ แต่วันนี้มี ส.ส. มากกว่า 250 คนและเยาวชนเรีกร้องให้แก้ไรัฐธรรมนูญโดยตั้ง สสร. จากประชาชน และทำประชามติให้ประชาชนเลือกว่ารับหรือไม่รับ อย่างน้อยก็เป็นการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ระดับหนึ่ง และจะได้เอาเวลาไปแก้ไขเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 ส่วนตัวเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะไม่แตะต้องหมวด 1 และ 2 เด็ดขาด
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา อภิปรายว่าที่ผ่านมามีการแบ่งขั่วทางการเมือง มีความขัดแย้งทางชนชั้น และช่องว่างระหว่างวัย ปัญหาทั้ง 3 อย่างรอเวลาที่จะระเบิด บังเอิญว่าตอนนี้เกิดวิกฤติใหม่คือวิกฤติแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้เป็นเชื้อไปถึง 3 ปัญหาข้างต้น แต่ถ้าแก้ไขได้บ้างก็จะหยุดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นและหยุดปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองได้ ซึ่งหน้าที่การแก้ปัญหาดังกล่าวอยู่ต่อหน้าของเราทุกคนแล้วในวันนี้ และจะถูกจดจำไว้ในใจตลอดไป ตนของเล่าถึงวิกฤติการเมืองปี 2535 เกิดนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มากจาการเลือกตั้งและเกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญ ตอนนั้นตนเห็นว่าเราน่าจะร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เราเป็นพรรคร่วมที่ยกมือเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขกฎหมายตอนนั้นได้ และสุดท้ายนำไปสู่วิกฤติการณ์ทางการเมืองนำไปสู่การประทะและนองเลือด ตอนนั้นตนอึดอัดใจมากที่ทำอะไรไม่ได้ ต้องนั่งดูคนฆ่ากันบนท้องถนน จนต้องยกหูโทรศัพท์ไปหา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ว่าอยากลาออก แต่ได้รับคำแนะนำให้อยู่ต่อไป เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะลาออกคนเดียวก็ไม่ได้อะไร เหตุการณ์ครั้งนั้นตนจดจำไว้ในใจตลอด และไม่ลงเลือกตั้งในสมัยต่อไป ยังดีที่ต่อจากนั้นตนได้เข้ามาร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2540 วันนี้พวกเรารัฐสภามีโอกาสในการที่จะแก้ไขวิกฤติของประเทศ ตัดสินใจว่าจะพาประเทศออกจากวิกฤติหรือเข้าสู่วิกฤติ การร่างรัฐธรรมนูญเป็นแค่เส้นทาง วันนี้สมาชิกรัฐสภามีโอกาสอยู่ในมือที่จะระงับความขัดแย้งแล้ว วันนี้ตนเองขอสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามร่างของรัฐบาล เพราะมีการกำหนดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และในกรรมาธิการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนได้เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการ เห็นได้ชัดเจนว่าทุกหมวดยกเว้นหมวด 1 และ 2 มีปัญหาหมด ตนจึงตัดสินใจเห็นด้วยและจะพาประชาชนออกจากวิกฤตใหม่ทั้ง 3 มิติ