อภิปรายเดือด ส.ว.จวก ส.ส.ดูถูกมาจากเผด็จการ ย้ ำปชต.เห็นต่างต้องสง่างาม ชูวาทะ ส.ว.ดังเมกา ประเทศอยู่ได้ไม่ใช่ ปชต-รธน. ก้าวไกล สวนข่าวปลอม อัด รธน.ทำได้แค่สืบทอดอำนาจ “กิตติศักดิ์” ซัดตรงๆ บางพรรคล้มเจ้า-หลบใต้กระโปรงเด็ก “ชวน” สั่งถอน
วันนี้ (23 ก.ย.) นายชาญวิทย์ ผลชีวิน ส.ว. อภิปรายโดยยกตัวอย่างวุฒิสมาชิก Elizabeth Warren ที่เคยปราศรัยว่า “ประเทศไม่ได้อยู่ได้เพราะประชาธิปไตย ไม่ได้อยู่ได้เพราะรัฐธรรมนูญ ไม่ได้อยู่ได้เพราะกฎหมาย แต่ประเทศจะอยู่อย่างยั่งยืนได้ด้วยกำลังของพลเมืองดีที่ไม่ดูดาย และยอมแพ้ต่อคนชั่ว คนทุจริต ที่กัดกร่อนทำลายประเทศชาติ พลเมืองดีจึงต้องยืนหยัดรักษาบ้านเมืองไว้ให้มั่นคง เพื่อลูกหลานรุ่นต่อไป” เป็นคำกล่าวที่ตนชอบมาก ตนเป็นนักกีฬา ตอนนี้เราเล่นในนามทีมชาติ ถ้าจะแก้กติกาต้องถามคนอื่นว่าจะเอาด้วยหรือไม่
“ผมรับไม่ได้ ส.ส. อย่ามาดูถูกว่ามาจากเผด็จการเพราะ ส.ว. ก็มาจากรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน ผมยอมรับประชาธิปไตยที่อยู่บนพื้นฐานความเห็นต่าง แต่ไม่ใช่ประชาธิปไตย ก.ข.ต. (เกลียดชัง ขัดแย้ง แตกแยก) ขอร้องว่า ประชาธิปไตยที่เห็นต่างต้องสง่างาม เพราะฉะนั้นจะร่างรัฐธรรมนูญอีกกี่ฉบับ ถ้าแก้ทุกอย่างแต่ไม่แก้ตัวเอง ไม่เคยแพ้เลยจะชนะอย่างเดียว เป็นไปไม่ได้”
นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวว่า นายชาญวิทย์ ผลชีวิน ส.ว. อภิปรายโดยยกตัวอย่างคำพูดของวุฒิสมาชิก Elizabeth Warren ซึ่งความจริงกล่าวว่า “ประชาชนไม่ควรนิ่งดูดาย ปล่อยให้โครงสร้างรัฐธรรมนูญสถาบันต่างๆ ทำงานไปเอง เราต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง เพราะประชาธิปไตยดูแลตัวเองไม่ได้ นิติรัฐดูแลตัวเองไม่ได้ ประชาชนต้องเป็นคนดูแล เพราะคนที่มีเงินและมีอำนาจตลอดมาที่คิดว่าไม่ใช้กฎเกณฑ์เดียวกับคนทั่วไป” แต่ภาพที่ขึ้นจอในสภาคือเฟกนิวส์ที่ฝ่ายขวาเอามาใช้เพื่อผลทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ตนได้อ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลแล้ว ตนนับถือความเสมอต้นเสมอปลาย เพราะถ้าย้อนกลับไปในวันที่บอกว่าจะไม่ทำรัฐประหาร นายกรัฐมนตรียังคงคาแรกเตอร์พินอคคิโอ คงความเจ้าเล่ห์ เก็บซ่อนความต้องการที่แท้จริงภายใต้หน้ากากคนดี
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาเตือนไม่ให้ใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม นายจิรัฏฐ์ อภิปรายต่อว่า ตอนนี้สังคมไทยตาสว่างแล้ว การแสดงปาหี่ไม่สามารถซ่อนคำโกหกได้อีก หนังสือทุกฉบับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เซ็นภายใต้หน้าปกสวย แต่ข้างในซ่อนเจตนาที่หลอกลวงประชาชน ตนจะเชิญชวนให้ประชาชนมาพิสูจน์ว่าที่ตนพูดจริงหรือไม่ เริ่มจากหลักการและเหตุผล ว่า ที่ต้องแก้ไขเพราะหลายมาตรายังไม่สอดคล้องกับประชาธิปไตยและสังคม โดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพ การกระจายอำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การถ่วงดุลอำนาจ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ต้องจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยจัดตั้ง ส.ส.ร. แต่เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ทำให้ท่านอยู่ในอำนาจต่อ และตราบใดที่ยังมีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่ก็ยังประกันการอยู่ในอำนาจ แต่อย่าอ้างว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ใช้ปราบคอร์รัปชัน หรือปฏิรูปประเทศ เพราะมันไม่ใช่ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำไม่ได้ มีภารกิจเดียว คือ การสืบทอดอำนาจ คสช.
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงว่า ผู้อภิปรายเสียดสีพาดพิง ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล และพูดนอกประเด็น และย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐชนะการเลือกตั้ง รวมเสียงในสภาได้มากกว่า ไม่อย่างนั้น พรรคตนก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล ด้าน นายชวน กล่าวว่า นี่เป็นร่างรัฐธรรมนูญของ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล ไม่ใช่รัฐบาลเป็นคนเสนอ หรือนายกรัฐมนตรีเสนอ
นายจิรัฏฐ์ กล่าวต่อไปอีกว่า มาตรา 256 ของร่างรัฐธรรมนูญพรรคร่วมรัฐบาล แทบไม่มีการแก้ไข แต่แก้ไขการลงคะแนนเห็นชอบจากกึ่งหนึ่งเป็น 3 ใน 5 ตนเห็นว่า ถ้าให้อำนาจ ส.ว. มาโหวต ส.ว. 25 คน สามารถยับยั้งการแก้กฎหมายของประชาชน 50,000 คนได้ แต่ร่างนี้ก็ยังยืนยันอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน ไม่ต่างอะไรจากเอาคนพิการมือด้วนมากดโหวต เพราะคนที่โหวตจริงๆ คือ พล.อ.ประยุทธ์
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ประท้วงผู้อภิปรายว่า ส.ว. มาตามรัฐธรรมนูญ แต่นักการเมืองบางพรรค บางคน แอบไปอยู่ใต้กระโปรงเด็ก วันๆ คิดแต่จะล้มเจ้า นายชวน ปิดไมค์ และเตือนไม่ให้พูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
ด้าน นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส. พรรคก้าวไกล ประท้วงผู้ประท้วงว่าปัญหาชนไม่ควรพูดคำเช่นนี้ นายกิตติศักดิ์ ยอมถอนคำพูดว่าใต้กระโปรงเด็กและล้มเจ้า
นายจิรัฎฐ์ อภิปรายต่อว่า ส.ส.ร.ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้ง 200 คน เพราะเราไม่ต้องการให้มีการเเต่งตั้งจนเกิดการเเทรกแซง การที่ร่างแก้ไขของรัฐบาลไปห้ามไม่ให้แก้หมวด 1-2 ไม่เข้าใจว่าคืออะไร ทำไมแก้ไม่ได้ ตนถามหน่อยว่ารัฐสภาแห่งนี้ ยังยืนยันหรือไม่ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ถ้ายังยืนยันหลักการนี้ทำไม ส.ส.ร.ซึ่งเป็นตัวเเทนประชาชนจะแก้กฎหมายของประชาชนไม่ได้ การที่ประชาชนมีอำนาจแก้ได้ ไม่ได้เเปลว่าพวกเขาจะแก้ไขทุกข้อ ถ้าท่านบอกว่าหมวด 1-2 ห้ามแก้ไขมันจะกระทบกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างนั้น ในหมวด 3 ที่ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชนนี้แก้ได้ใช่หรือไม่ ถ้าประชาชนถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ถูกละเมิดในร่างกาย กักขัง หน่วงเหนี่ยว ทรมาน ถูกลงโทษอย่างทารุณ อันนี้ไม่กระทบต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใช่ไหม มีเหตุผลใดที่ไม่อนุญาตให้ประชาชนแก้กฎหมายได้ทุกข้อ
“ผมต้องถามว่า ท่านเป็นใครถึงมีอำนาจไปจำกัด ลิดรอ สิทธิ ห้ามประชาชนแก้กฎหมายที่ใช้กับประชาชน หลังยึดอำนาจ ปี 2490 มีการแก้ระบอบการปกครองโดยเพิ่มคำว่าอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ในหมวด 1 ซึ่งหลังจากนั้น มีการแก้หมวด 2 อีกหลายครั้ง และทุกครั้งที่แก้เกิดขึ้นหลังจากการทำรัฐประหาร สรุปประชาชนต้องถือปืนออกไปใช่ไหม ถึงจะแก้กฎหมายได้ จะเอาอย่างนั้น จะอยู่อย่างนั้นหรือ หลักการที่ประชาชนสามารถแก้กฎหมายได้ทุกข้อเป็นเครื่องยืนยันระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในราชอาณาจักรไทย มันแสดงถึงสิทธิเสรีภาพปวงชนชาวไทย และประกาศออกไปว่าผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยแห่งราชอาณาจักรไทยนี้ คือ ประชาชน นั่นหมายความว่า ผูใดยับยั้ง จำกัด ลิดรอนสิทธิตรงนี้ของประชาชน เท่ากับเขาผู้นั้นกำลังทำลายระบอบการปกครองของราชอาณาจักรไทย ที่ใช้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”นายจิรัฎฐ์ กล่าว