“ส.ว.จเด็จ” ฉุนกล่าวหา ส.ว. เป็นกากเดนทรราช ไม่พูดถึงความขัดแย้งในสภาที่เป็นต้นเหตุรัฐประหาร แย้งประชามติสิ้นเปลืองงบประมาณ ถามแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น? “ชาญวิทย์” ย้อนมาจาก รธน.เดียวกัน อย่าดูถูกมาจากเผด็จการ
วันนี้ (23 ก.ย.) นายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. ถามประธานรัฐสภา ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ประชาชนได้ประโยชน์อะไรบ้าง ประชาชนจะกินดีอยู่ดี หรือประเทศจะมีความมั่นคงมั่งคั่งอย่างไรบ้าง ก่อนจะอภิปรายต่อไปว่า ปลายเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน บ้านเมืองกำลังเดินไปด้วยดี บริหารจัดการทางด้านสาธารณสุขดีเด่นในโลกต่อการควบคุมการระบาดโควิด ภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราสามารถทำให้การลงทุนประคองตัวอยู่ได้ การค้าขายประคองตัวอยู่ได้ รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากด้วยเงินสงเคราะห์และมาตรการทางด้านเศรษฐกิจ อยู่ๆ ก็มีเหตุการณ์เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ โดยไม่มีสาเหตุ แก้มาตรา 256 กระทบไปถึงอำนาจของ ส.ว. ไม่ได้พูดถึงเลยว่าแก้แล้วประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร บาปเคราะห์ทั้งหมดก็มาลงที่ ส.ว. หมดเลย ต้องปิดสวิตช์ ส.ว. จนเพื่อนตนทนไม่ได้ถามว่าถ้าปิดสวิตช์ ส.ส. บ้างจะเป็นยังไง
ประการต่อมาคือ ความเชื่อมโยง ส.ส. หลายคนพูดว่าถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญ ไม่ตั้ง ส.ส.ร. จะเกิดรัฐประหาร ตนอายุเข้า 74 เห็นการรัฐประหารมาหลายครั้ง ไม่ได้ทำกันง่ายๆ ทหารก็รักประชาธิปไตยเหมือนกัน แล้วก็พูดกันถึงปลายน้ำทุกที ไม่พูดถึงต้นน้ำและกลางทาง ว่า เพราะอะไรถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ก็เกิดในห้องนี้ทั้งนั้นที่ทำให้เกิดความร้าวฉาน โดยลึกๆ แล้วเขาไม่อยากทำหรอก ตนรู้ดี ไม่ใช่ทำกันง่ายๆ การปฏิวัติรัฐประหาร
ประการที่สาม การแก้รัฐธรรมนูญเชื่อมโยงกับวันที่ 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ความจริงทำให้เห็นว่าไม่ได้เรียกร้องประชาธิปไตยอะไรเลย นอกจากโจมตีสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นที่รักของคนทั้งชาติ สมาชิกบางพรรคก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย เหมือนชื่นใจที่ได้คุกคามดูหมิ่นสถาบันที่คนทั้งชาตินับถือ ไม่ทราบว่าเพื่อนสมาชิกอีกหลายคนยอมได้ยังไง ตนพูดเพื่อความเชื่อมโยง เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่ามันเกี่ยวข้องกัน ตนบอกทุกคนว่า การแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้แก้เพื่อประโยชน์ประชาชนแท้จริง แต่แก้เพื่อผลประโยชน์ของบางคน บางกลุ่ม บางพรรค
ตนเห็นว่า ที่ผ่านมา ยังไม่มีใครพูดว่าแก้รัฐธรรมนูญมาตราไหนแล้วจะเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างไร ประเทศชาติจะได้ประโยชน์มากมายแค่ไหน หรือถ้าไม่แก้จะทุกข์เข็ญเดือดร้อนอย่างไร ต้องบอก ไม่ใช่แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ แต่เขากำหนดให้แก้ยาก เพราะมันใช่กฎหมายทั่วไป ถ้าแก้ง่ายเดี๋ยว 3-5 ปีก็แก้กันอีก นักการเมืองหลายคนพูดถึง ส.ว. ว่า มาจากการสืบทอดอำนาจเผด็จการ เป็นกากเดนทรราช เขาพูดปลายน้ำ ไม่พูดเลยว่า ส.ว. ชุดนี้มาจากรัฐธรรมนูญที่มาจากการลงประชามติ 15.2 ล้านคนให้ความเห็นชอบ ใครบอกว่ายังมีคนไม่ออกเสียงอีกกว่า 20 ล้านคน จะกล้าบอกไหมว่าไม่ออกเสียงทั้งหมดคือไม่เห็นด้วย ตรรกวิทยาไม่ช่วยอะไรเลย การตั้ง ส.ส.ร. ตั้งทำประชามติอย่างน้อย 2 ครั้ง ใช้งบประมาณ 1.7-2 หมื่นล้านบาท เงินจำนวนนี้ก็มาจากภาษีอากรของประชาชนเช่นเดียวกัน สุดท้ายตนของย้อนคำถามว่าถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญอุณหภูมิทางการเมืองจะสูงปรี๊ด ความขัดแย้งทางการเมืองจะเกิดขึ้น แต่ถ้าไม่แก้ไม่ใช่เหตุผลนี้ แต่ถ้าแก้แล้วทำให้โควิดดีขึ้น การทำมาหากินดีขึ้น ประเทศชาติมีความมั่นคงมั่งคั่งขึ้น มีการลงทุนสูงขึ้น แก้ไปเถอะ แต่เราต้องอยู่กันด้วยเหตุผล อย่าเอาแต่ใจตัวเอง และขอให้ประธานสภาอย่าให้แค่คนนั้นคนนี้พูด แต่ต้องบอกว่าประเทศกำลังมีปัญหาหลายด้าน ต้องร่วมกัน 750 คน ทำอะไรเพื่อชาติบ้านเมืองดีกว่าจะเสียเวลาไปกับเรื่องเหล่านี้
ด้าน นายชาญวิทย์ ผลชีวิน ส.ว. อภิปรายว่า ส.ส. อย่ามาดูถูกว่ามาจากเผด็จการ เพราะ ส.ว. ก็มาจากรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน ตนยอมรับประชาธิปไตยที่อยู่บนพื้นฐานความเห็นต่าง แต่ไม่ใช่ประชาธิปไตย ก.ข.ต. (เกลียดชัง ขัดแย้ง แตกแยก) ขอร้องว่าประชาธิปไตยที่เห็นต่างต้องสง่างาม เพราะฉะนั้น จะร่างรัฐธรรมนูญอีกกี่ฉบับ ถ้าแก้ทุกอย่างแต่ไม่แก้ตัวเอง ไม่เคยแพ้เลย จะชนะอย่างเดียว เป็นไปไม่ได้