xs
xsm
sm
md
lg

ม็อบเบิ้มๆ ทำเสียของ พลังกดดันแก้ รธน.ลดฮวบ!?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา




ไม่รู้ว่าจนป่านนี้จะมีการต่อว่าต่อขานกันหลังเวทีจบสิ้นลงหรือยัง กับการปล่อยให้เด็กๆ เยาวชนที่อ่อนด้อยประสบการณ์มานำขบวนใหญ่ แต่พาออกนอกเส้นทางจน “เสียขบวน” ทำให้เสียแนวร่วม และยังสร้างภาพที่เป็นลบมากกว่าบวก จนทำให้พลังของมวลชนลดฮวบลงอย่างเห็นได้ ที่สำคัญ ทำให้ฝ่ายอำนาจรัฐที่เคยมีอาการ “หวั่นไหว” แบบตึงเครียดมาก่อนหน้านี้ กลับมายิ้มกริ่มแบบผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิมมาก

วิเคราะห์สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการอ่อนด้อยประสบการณ์ “หลงตัวเอง” รวมไปถึงการประเมินสถานการณ์เอาแต่ในความฝัน หรือแต่ในโลกโซเชียลฯ เท่านั้น จนทำให้เมื่อเจอกับสถานการณ์จริง จึงผิดเพี้ยนจนต้องเจ็บใจตัวเองว่าทำไมถึงได้ “พลาด” อีกครั้ง
แน่นอนว่า หากประเมินกันแบบยอมรับความจริงก็ต้องบอกว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 กันยายน ที่ผ่านมา ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่ให้ นายอานนท์ นำภา นายภานุพงศ์ จาดนอก นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เป็นแกนนำการชุมนุม เพราะนอกจากพิจารณาจากจำนวนมวลชนที่เข้าร่วมน้อยเกินคาด รวมไปถึงเมื่อพิจารณาเข้าไปในรายละเอียดก็จะพบว่าเป็นกลุ่มมวลชนหน้าคุ้นๆ มาก่อนทั้งนั้น โดยเฉพาะเป็นกลุ่ม “คนเสื้อแดง” หรือ นปช.เก่า ขณะที่แทบไม่ปรากฏเลยว่า จะมี “คนรุ่นใหม่” ประเภทนักเรียน นักศึกษาเข้าร่วมเลย หรือมาก็แบบ “น้อยมาก” จนแทบมองไม่เห็น และไม่มีบทบาทใดๆ เลย
ที่สำคัญ การชุมนุมดังกล่าวยังกลายเป็นการชุมนุมที่มุ่งหมาย “โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์” อย่างรุนแรง ทั้งในรูปของการปราศรัยบนเวที รวมไปถึงการยื่นข้อเรียกร้องที่มุ่งไปที่สถาบันฯ ที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งสังคมส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับ และการชุมนุมที่เน้นเป้าหมายในเรื่องดังกล่าว ทำให้สูญเสียแนวร่วมไปไม่น้อย ทำให้สูญเสียพลังการกดดันต่อ “กลุ่มอำนาจ” ลงไปแบบน่าเสียดายโอกาส
เพราะแทนที่จะมุ่งเน้นในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ความล้มเหลวของรัฐบาลในเรื่องการปฏิรูปประเทศ รวมไปถึงเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งน่าจะได้อารมณ์ร่วมในแบบ “เบิ้มๆ” ของจริง แต่นี่กลับไปเล่นในเรื่องที่ไกลตัวและหมิ่นเหม่ทำลายความรู้สึกของคนในสังคมอีกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเมื่อประกอบกับบรรดาแกนนำที่ไม่น่าเชื่อถือ “โนเนม” มันก็ยิ่งไร้พลังในการขับเคลื่อนอย่างที่เห็น
ขณะเดียวกัน หากยอมรับกันว่า บรรดามวลชนที่เข้ามาจากต่างจังหวัดในวันนั้นเป็น “มวลชนจัดตั้ง” ส่วนใครเป็นคนจัดตั้งนั้น หลายคนก็ชี้ไปที่ ก้าวหน้ากรุ๊ป ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่ใช้หรือหยิบยืมมวลชนคนเสื้อแดง นปช. บางส่วนที่เชื่อมโยงกับ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอาจมาในแบบ “รวมการเฉพาะกิจ” ตามที่มีการตั้งข้อสังเกต แต่ถึงอย่างไรงานนี้ก็ถูกมองว่า “พลาด” อีกครั้ง
อีกทั้งการชุมนุมในวันนั้นหากได้เห็นการออกตัวแรงของทั้งสองคน รวมไปถึงได้เห็นการเคลื่อนไหวของ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลกันทั้งพรรค ที่ร่วมกันขับเคลื่อนไปในทางเดียวกับการชุมนุม มีการโหมโรงเดินสายให้กำลังใจในการจัดเวทีในต่างจังหวัดทั่วประเทศ ก่อนถึงวันดีเดย์ 19-20 กันยายน ที่ผ่านมา จนอาจเรียกได้ว่าเป็น “ม็อบของธนาธร” ไปแล้ว ขณะที่พรรคเพื่อไทย อยู่ในลักษณะสังเกตการณ์อยู่วงนอก แม้ว่าจะมีการตั้งเต็นท์ มี ส.ส.จากฝ่ายค้านหลายพรรคไปร่วม แต่ก็ “รีบชิ่ง” ออกมาโดยเร็ว หลังจากที่เนื้อหาการปราศรัยของแกนนำเริ่มมีการ “จวบจ้วง” มากขึ้น
แน่นอนว่า หากพิจารณากันแบบเข้าใจว่า ม็อบแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯครั้งนี้ เป็นของ ธนาธร และเชิดแกนนำเด็กที่อ่อนด้อยประสบการณ์มานำ และมุ่งเน้นเนื้อหาไปที่การโจมตีสถาบันฯ มันก็ถือว่า “พลาด” ซ้ำซาก พลาดจนกระทั่งต้องระเห็จออกมาอยู่นอกสภา มาจนถึงวันนี้
ดังนั้น หากจะสรุปว่าการชุมนุมในแบบที่คุยว่าจะมาแบบ “เบิ้มๆ” และมีเซอร์ไพรส์ ก็ล้วนเป็นราคาคุยที่ไม่เกิดขึ้นจริง อีกทั้งแนวทางในการชุมนุมก็ยังมีความสับสนในข้อเรียกร้อง จนทำให้เสียแนวร่วมและขาดพลังไปอย่างน่าเสียดาย ที่สำคัญ ยังทำให้ส่งผลกระทบไปถึงการชุมนุมในครั้งต่อไปต้องลดทอนลงไป เพราะผลกระทบมาจากการชุมนุมครั้งก่อน ที่ทำลายภาพลักษณ์และเป้าหมายที่เป็น “จุดร่วม” ลงไป
และอย่าได้แปลกใจที่การชุมนุมที่ถูกกำหนดขึ้นมาในวันที่ 24 กันยายน ที่หน้าสภาจะเป็นคนละกลุ่มและแกนนำก็คงเป็นคนละกลุ่มกับการชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 กันยายน ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน จำนวนมวลชนก็คงจะลดลงตามที่ฝ่ายความมั่นคงประเมินเอาไว้นั่นแหละ เพราะถือว่า “ทำเสียของ” เอง แต่จะโทษใครไม่ได้ เพราะทั้ง “คนเชิด” และแกนนำที่ถูกเชิดล้วนไร้ประสบการณ์ แต่ “หลงตัวเอง” ก็คงโทษใครไม่ได้ นอกจากต้องโทษตัวเองด้วยความเจ็บใจ !!



กำลังโหลดความคิดเห็น