ประชุมพิจารณาร่างงบ 64 วันที่ 2 จืดชืด ฝ่ายค้านลากอภิปรายจัดงบไม่ตอบโจทย์ ครึ่งวันผ่านแค่ 2 มาตรา สภาเห็นด้วยตัดงบบัวแก้ว เหลือ 4,141 ล. ส.ส.ปชป.ชี้ นโยบายท่องเที่ยวย้อนแย้งไม่ตอบโจทย์ หวั่นโครงการต่างชาติอยู่ยาวไม่ผ่านฉันทมติ ปชช.
วันนี้ (17 ก.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 เป็นวันที่ 2 โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยก่อนเริ่มประชุม นายชวนได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ กรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการทุจริตการเลือกตั้งท้องถิ่น จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอื่นต่อไป และระบุถึงภาพรวมการประชุมพิจารณางบปี 64 ในวันแรกว่าสมาชิกต่างรักษาเวลาได้ดี
จากนั้นที่ประชุมจึงเริ่มเข้าสู่การอภิปรายมาตรา 10 ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ มีการปรับลดงบประมาณกระทรวงการต่างประเทศกว่า 318 ล้านบาท จากวงเงินงบประมาณที่ตั้งไว้กว่า 4,459 ล้านบาท เหลือ 4,141 ล้านบาท ซึ่งสมาชิกต่างแสดงความคิดเห็นว่า ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศมีการใช้เงินนอกงบประมาณ จากรายได้ที่เก็บได้จากค่าทำหนังสือเดินทาง ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีที่หน่วยงานอื่นๆ จะนำไปปฏิบัติ แต่รายได้นอกประเทศ จากสถานทูตที่ประจำอยู่ต่างประเทศ กระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศ ต้องหารือกันในการนำรายได้ส่วนนี้มาบริหารจัดการ
ด้านนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเสนอให้กระทรวงการต่างประเทศทำงานเชิงรุกในการบริหารจัดการน้ำกับประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งจะต้องมีการวางยุทธศาสตร์นำผลผลิตในประเทศไปส่งออกไปยังต่างประเทศ และเน้นการเก็ยภาษีด่านชายแดน ขณะที่นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เสนอว่า ขอให้ลดงบประมาณเนื่องจากภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศน้อยลงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากนั้นนายชวนได้ให้โหวตลงมติ สมาชิกต่างเห็นชอบให้ปรับลดงบประมาณกระทรวงการต่างประเทศที่ 4,141 ล้านบาท เห็นด้วย 238 เสียง ไม่เห็นด้วย 71 เสียง งดออดเสียง 8 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง
ต่อมาเป็นการพิจารณามาตรา 11 งบฯของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารวม 3,646 ล้านบาท น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 อภิปรายว่า ขอปรับลดงบ 1 เปอร์เซ็นต์ เพราะขณะนี้การท่องเที่ยวที่มีปัญหาส่วนใหญ่ โดยเฉพาะงบฯการท่องเที่ยวมีเพียง 1 พันล้านเท่านั้น และไม่ค่อยตอบโจทย์ปัญหาโควิด-19 ไม่มีการเชื่อมต่องบประมาณ 4 แสนล้านบาท เยียวยาฟื้นฟูที่สถานการณ์โควิด ล่าสุดหนังสือพิมพ์ไทยรัฐระบุว่า สมาคมโรงแรมบอกว่าพิษโควิด-19 ทำโรงแรมเจ๊ง วอนรัฐช่วยพักหนี้ ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ ขอให้มีมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือ ขอเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉพาะกลุ่ม และกระตุ้นท่องเที่ยวให้โดนใจในระยะยาว ซึ่งมองไม่เห็นนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเท่าไหร่ ทั้งที่ปัญหาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจรุนแรงกว่าวิกฤตต้มยํากุ้ง การท่องเที่ยวบอบช้ำ ประชาชน 1-2 ล้านคนจะตกงาน แม้จะให้เอกชนร่วมนโยบาย แต่ก็ย้อนแย้ง เช่น ภูเก็ตโมเดลที่เสนอให้เปิด จ.ภูเก็ต โดยใช้มาตรการ 4T คือ กำหนดเป้าหมายประเทศที่จะมาท่องเที่ยวต้องไม่เป็นโควิด-19 ต้องตรวจ 2 ครั้งก่อนเดินทาง และตรวจอีก 1 ครั้งที่สนามบิน และควบคุมอยู่ในโรงแรมอีก 14 วัน มีระบบติดตามนักท่องเที่ยว มีระบบโรงพยาบาลคอยรองรับ ขณะที่รัฐบาลออกนโยบายใหม่ เปิดให้ชาวต่างชาติเข้าไทยอยู่ระยะยาว โดยกักตัว 14 วัน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบ เพราะไม่ได้ฉันทานุมัติจากประชาชน ส่วนงบบูรณาการการท่องเที่ยวตามมาตรา 37 ก็ยังไม่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหานี้
ขณะที่นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการงบฯ 64 อภิปรายมาตรา 11 ว่า เสนอให้ปรับลดงบ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะส่งเสริมการสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักร 178 ล้านบาท ซึ่งผู้สร้างภาพยนตร์ควรเป็นฝ่ายลงทุนเอง งบส่วนนี้ลดลงได้อีก ส่วนงบจัดเดินสายนิทรรศการภาพยนตร์ในต่างประเทศ 9.7 ล้านบาท ก็ไม่สามารถเดินทางได้เพราะติดโควิด-19 ส่วนการสนับสนุนเรื่องกีฬา โดยกรมพลศึกษาสร้างสนามกีฬาอำเภอต่างๆ ก็สร้างไม่คุ้มค่า โดยไม่คำนึงผล สร้างเสร็จก็กลายเป็นสนามกีฬาร้าง ขอย้ำว่าทุกจังหวัดควรสร้างแหล่งท่องเที่ยวให้มากขึ้นกว่านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการอภิปรายเป็นไปอย่างจืดชืด ผ่านไป 4 ชั่วโมง แต่พิจารณาได้แค่ 2 มาตรา ทำให้ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ขอให้ประธานกำชับผู้อภิปรายให้รัดกุมประหยัดเวลา เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อกระบวนการของ ส.ว.ที่กำหนดลงมติในวันที่ 22 ก.ย. รวมถึงอาจกระทบกับวันที่ 23-24 ก.ย.ที่รัฐสภาจะพิจารณาเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ทั้งนี้ การประชุมยังเป็นไปในลักษณะเดิม คือ อภิปรายยืดเยื้อ เสียเวลาไปอีก 1 ชั่วโมง จนกระทั่งเวลา 14.20 น. นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย ได้ประท้วงประธานให้ควบคุมการประชุมให้ตรงประเด็น กระชับ รัดกุม เพื่อให้การประชุมเดินหน้าได้เร็วขึ้น แต่นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาคนที่ 2 ยืนยันว่าการอภิปรายของฝ่ายค้านเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ที่คนละ 7 นาที ตนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ด้านนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า การอภิปรายของฝ่ายค้านเป็นไปตามข้อบังคับ และต้องยอมรับด้วยว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณของรัฐบาลไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน ในฐานะเป็น ส.ส.สุรินทร์ ต้องนำข้อท้วงติงมาอภิปราย อาจไม่เป็นไปตามเซียนรุ่นพี่ที่อภิปรายเก่ง ก็ต้องเห็นใจรุ่นน้องที่อภิปรายอย่างพวกตน เพราะงบประมาณ คือ อาวุธที่รัฐบาลจะนำไปใช้แก้ปัญหาให้ประชาชนและประเทศ ขอร้องท่านผู้เจริญอย่าเร่งรีบนัก
ในที่สุด นายศุภชัยสั่งตัดบทโดยให้ที่ประชุมลงคะแนน ปรากฏว่าเสียงข้างมากเห็นชอบกับที่ กมธ.แก้ไข คือ ยอดงบที่ 3.6 พันล้านบาท ด้วยเสียง 266 ต่อ 126 งดออกเสียง 20 เสียง ไม่ลงคะแนนไม่มี