“สังศิต” จี้แก้ปัญหาความยากจนเร่งด่วน หวั่นการเมืองพลิกขั้ว แผนปฎิรูป 20 ปีโดนคว่ำ พร้อมชงปฏิรูป 4 เรื่อง แนะเร่งสร้างฝายเก็บน้ำขนาดเล็กแก้ปัญหาความยากจน
วันนี้ (10 ก.ย.) นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการ แก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา เขียนข้อความลงในเฟซบุ๊คส่วนตัวถึงแนวทางการปฎิรูปประเทศว่า สำหรับนโยบายการปฏิรูปประเทศอย่างที่เราเห็นอยู่ในเวลานี้ว่าไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง แม้ว่าจะมีรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่กำหนดให้มีการปฏิรูปการศึกษาและตำรวจ แต่ในทางปฏิบัติก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ต้องกล่าวถึงแผนปฏิรูปประเทศ 20 ปีที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ทำหน้าที่รายงานต่อทั้ง 2 สภาทุก 3 เดือน แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ให้งบประมาณสนับสนุนแผนต่างๆเหล่านี้เลย
“ผมเห็นว่าแผนที่ปราศจากงบประมาณจากรัฐบาล ก็เป็นเพียงเอกสารที่เป็นความรู้ชุดหนึ่งเท่านั้นเอง เนื้อหาสาระของมันจะมีความหมายต่อการแก้ปัญหาความยากจนได้หรือไม่” นายสังศิตกล่าว
นายสังศิต ยังแสดงความกังวลถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองที่จะมีผลต่อการปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาความยากจนว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พยากรณ์ได้เลยว่าแผนปฏิรูปประเทศ 20 ปีจะถูกนำไปเก็บไว้บนหิ้งตลอดไป
พร้อมกันนี้ นายสังศิต เสนอว่า การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ จะต้องปฎิรูป 4 เรื่องสำคัญ คือ 1.เราต้องปฏิรูประบบการศึกษาให้เกิดความเป็นธรรมโดยยึดหลักการว่าคนมีน้อยรัฐต้องอุดหนุนมากเป็นพิเศษ เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม
2.ต้องปฏิรูประบบราชการให้เกิดธรรมาภิบาล ส่งเสริมคนดีและเก่งในภาครัฐให้มีโอกาสเจริญก้าวหน้าในอาชีพได้
3.ส่งเสริมการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของคนเป็นสำคัญ
และ 4.ต้องปฏิรูประบบเศรษฐกิจตลาดเสรีให้เป็นระบบเศรษฐกิจตลาดเพื่อสังคม เน้นการให้ประโยชน์แก่ประชาชน ส่งเสริมธุรกิจขนาดจิ๋ว เล็กและกลางให้เติบโตได้ ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
นายสังศิต ระบุด้วยว่า เครื่องมือสำคัญในการขจัดความยากจน คือการสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็กให้ครอบคลุมทั้งประเทศให้แล้วเสร็จภายใน 2-4 เดือน 24 ลุ่มน้ำของไทย ไม่ว่าจะเป็นปิง วัง ยม น่าน และที่เหลือทั้งหมดควรสร้างฝายแกนซอยซีเมนต์ตามสภาพความเป็นจริงทางภูมิศาสตร์โดยมีระยะห่าง 2-5 กิโลเมตรต่อฝาย 1 ตัว ความสูง 2- 4 เมตร เนื่องจากเป็นฝายขนาดเล็ก จึงไม่ติดขัดเรื่องการเวนคืนที่ดิน.
