ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เฟซบุ๊ก=เครือข่ายล้มเจ้า!? ว่าด้วยอหังการเฟซบุ๊ก อ้างสิทธิเสรีภาพ วาระซ่อนเร้น Deep State ที่การเมืองระหว่างประเทศอยู่เบื้องหลัง!
Facebook (เฟซบุ๊ก) ของ “มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก” แพลตฟอร์มสัญชาติอเมริกัน ที่มีผู้ใช้ในไทยติดอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) มีประเด็นว่า เตรียมจะฟ้องรัฐบาลไทย ก่อนจะปรับท่าทีโอนอ่อน หาทางลง หลังจากที่ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส ) สั่งคำสั่งศาลขอให้เฟซบุ๊กสำนักงานใหญ่ บล็อกเพจ หรือบัญชีผู้ใช้ที่มีเนื้อหาผิดกฎหมายไทย หรือ พาดพิงสถาบันฯ เช่น “กลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ต เพลส” ...น่าคิดติดตามเป็นอย่างยิ่ง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “ดีอีเอส” ขอความร่วมมือไปที่ “เฟซบุ๊ก” และ แพลตฟอร์มข้ามชาติอื่นๆ แต่มีหลายๆ กรณีที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย และกระทบความมั่นคง กว่า 1,120 กรณี ที่ขอให้เฟซบุ๊กจัดการ แต่กว่าเฟซบุ๊กจะทำตามคำขอ หรือ ลบ URL ปิดเพจนั้นๆ ฟังว่า เฟซบุ๊ก ก็โยกโย้ ตีมึน ถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ จากไทยก็โยนไปที่สำนักงานในสิงคโปร์ และจากสิงคโปร์ ส่งไปที่สหรัฐฯ กว่าจะดำเนินการให้ เรียกว่าช้ายิ่งกว่าเรือเกลือ
ครั้งนี้แม้จะยอมบล็อกการเข้าถึงกลุ่มหมิ่นเบื้องสูง กลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ต เพลส แต่ก็มีแถลงการณ์อย่างไว้เชิง ขอยึดมั่นในสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้
“เฟซบุ๊ก” อ้างว่า การดำเนินงานของ Facebook ถูกแทรกแซง ข้อเรียกร้องของรัฐบาลไทย เฟซบุ๊กถือเป็นเรื่องรุนแรง “ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล” กระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก เพราะฉะนั้นเฟซบุ๊ก ต้องปกป้องและรักษาสิทธิต่างๆ ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ตามด้วยคำว่า งานนี้บั่นทอนการลงทุน และ การให้ความช่วยเหลือสนับสนุนโดยตรงต่อธุรกิจต่างๆ ที่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์ม Facebook
ทว่า ในเชิงโอนอ่อนผ่อนตามกฎหมายไทย ก็มีรายงานว่า “กลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ต เพลส” หลังจากถูกบล็อก ภายในวันเดียวก็กลับมาเปิดเพจใหม่ โดยมีผู้สนใจติดตามหลายแสนคนในเวลาที่รวดเร็ว และก็เชื่อกันว่า หากบล็อกอีก กลุ่มคนเหล่านี้ก็จะเปิดบัญชีใหม่ในเฟซบุ๊ก เป็น V3 V4...ไปเรื่อยๆ โดยเฟซบุ๊ก ยังคงย่อมปล่อยผ่าน ซึ่งสะท้อนว่าเรื่องนี้คงไม่ธรรมดา
คำถามมีว่า ทำไมเฟซบุ๊กถึงยอมให้เครือข่ายเหล่านี้อหังการ ใช้เฟซบุ๊กเป็นสื่อของเครือข่ายล้มเจ้า !!?
ตามมาตรฐาน “เฟซบุ๊ก” ที่ตรากฎไว้ ถ้าจริงใจ ยึดถือตามกฎ ไม่สนับสนุนและเข้มงวด โดยเคารพต่อกฎหมายไทย โอกาสของคนกลุ่มนี้ที่ใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางสื่อสารก็จะน้อยลง แต่กลับสร้างสองมาตรฐานขึ้น
พูดง่ายๆ “เฟซบุ๊ก” ก็กำลังให้ท้ายกลุ่มคนเหล่านี้ไปด้วย โดยอ้างสิทธิเสรีภาพ การแสดงออกทางทางคิด เปิดพื้นที่ให้เข้ามาเปิดบัญชี เปิดเพจ โดยไม่ปิดกั้น แต่ไม่ได้คิดว่า สิทธิเสรีภาพนั้นๆ บ่อนทำลายสถาบันกระทบความมั่นคงของไทย
หากเฟซบุ๊กจะถูกมองว่า เป็นตัวปัญหา สมคบคิดกับ “ขบวนการล้มเจ้า” ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินไป ที่สังคมไทยจะคิดเช่นนี้ !!
หรือหากมองให้ลึกซึ้ง ก็มองได้อีกว่า วาระซ่อนเร้นของเฟซบุ๊กครั้งนี้ แฝงไปด้วยการเมืองระหวางประเทศ “Deep State” ที่สหรัฐฯ ใช้แทรกแซงประเทศไทย ... กำลังทำตัวอยู่เหนืออธิปไตยของไทยอยู่เบื้องหลังหรือไม่ โดยอ้างหลักสิทธิมนุษยชนสากล มาเป็นความชอบธรรมที่จะเปิดพื้นที่ให้คนใช้ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ สถาบัน และ นำเข้าข้อมูลอันเท็จ เฟกนิวส์ สร้างความเกลียดชัง social bully สร้างความแตกแยกให้สังคม
“เฟซบุ๊ก” กำลังถูกมองว่า อยู่ในบริบทเดียวกันไปในทำนองที่สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของ “โจซัว หว่อง” หรือ “จิมมี่ ไล” ในฮ่องกง ที่มีสหรัฐฯ หนุนหลังประท้วงจีน และแน่นอน ย่อมมองเชื่อมโยงมาถึงนักการเมืองไทยบางกลุ่ม อย่างคู่หู “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล” ของคณะก้าวหน้า เดินทางไปสหรัฐฯ และ มีแนวคิดคล้ายคลึงกันกับทั้งสองคนที่ฮ่องกง ที่ “ปิยบุตร” เองก็ยอมรับว่าหนุนหลังข้อเรียกร้องอ่อนไหว 10 ข้อ ของเยาวชน หรือ พรรคก้าวไกล ที่พยายามเสนอแก้รัฐธรรมนูญ หมวด1-2 หมวดที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์
ยิ่งเป็นที่น่าสังเกต การเคลือนไหวช่างบังเอิญกับการซื้อเรือดำน้ำจากจีนของกองทัพเรือ อีกต่างหาก !
เมื่อ รมว.ดีอีเอส “พุทธิพงษ์” จัดหนัก “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นว่าต้องลุยเว็บหมิ่นฯ จนถึงที่สุด และเฟซบุ๊กต้องเคารพกฎหมายไทย สังคมย่อมเห็นตามว่าเป็นเรื่องที่สมควร
เฟซบุ๊กต้องเข้าใจว่า บ้านใครๆ ก็รัก พ่อใครๆ ก็ต้องรัก
การออกอาการของแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ระดับโลก เพื่อปกป้องเครือข่ายขบวนการล้มเจ้าครั้งนี้ จึงน่าเชื่อได้ว่ามีเบื้องหลังอย่างชวนให้คิดจริงๆ
ที่ผ่านมา “เฟซบุ๊ก” ก็กอบโกยผลประโยชน์จากธุรกิจไทย ทั้งรายได้จากค่าโฆษณา ค่าโปรโมตโพสต์ เอาเงินออกโดยไม่ตองเสียภาษี มิหนำซ้ำ เวลาที่มีวิกฤตโควิด พิษเศรษฐกิจทำให้คนไทยต้องพึ่งพาโซเชียลมีเดีย ขายของ
ขณะที่เฟซบุ๊ก มักอ้างสิทธิเสรีภาพ และการแสดงความคิดเห็นเป็นคัมภีร์ แต่กลับจำกัดสิทธิ พ่อค้า แม่ค้า บล็อกการเข้าถึงของเพื่อน แม้แต่ในยามปกติ การรีวิวไลฟ์สดขายของ ก็โดนปิดกั้นการมองเห็น เพียงเพื่อต้อนให้พวกเขาจ่ายเงินค่าโปรโมต ค่าบูธโพสต์ ขูดเลือดขูดเนื้อผู้ใช้บริการ
สุภาษิตไทยมีว่า “กินบนเรือน ขี้บนหลังคา” งานนี้ คนไทยต้องช่วยกันจดจำว่า เพื่อเม็ดเงินโฆษณาอันมหาศาล เฟซบุ๊กทำได้ทุกอย่าง
และที่ร้ายกาจกว่านั้น คือวาระซ่อนเร้น Deep State ที่แฝงมาด้วย !!
** มวยสภาอีกคู่ ! “วัน” ปะทะ “โรม” ... อย่าเหิมเกริม อวดดี เจ้ายังเด็กเล็กนัก หลัง “ก้าวไกล-เพื่อไทย” เหยียบตาปลาเรื่องแก้ รธน. ยื่นอภิปรายไม่ลงมติ
มวยถูกคู่ระหว่าง “เต้” มงคลกิตติ์ กับ “สิระ เจนจาคะ” ซึ่งเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลด้วยกัน ยังพันตู่ไม่มีข้อสรุป ก็มีมวยคู่ใหม่ทางซีกฝ่ายค้านด้วยกันเองบ้าง ระหว่าง “วัน อยู่บำรุง” สายเลือดนักบู๊จากฝั่งธนฯ ค่ายเพื่อไทย กับ “รังสิมันต์ โรม” ขวัญใจนักเรียน นักศึกษา จากค่ายก้าวไกล คู่นี้หนักไปทางปะทะฝีปากผ่านโซเชียลฯ ไม่ได้เดินประกบ ถึงเนื้อถึงตัวเหมือนคู่แรก
จะว่าไปแล้ว คู่ “วัน-โรม” ก็เหมือนศึกตัวแทนระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคก้าวไกล” หรือพรรคอนาคตใหม่เดิม ที่แม้จะเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน แต่ก็ขับเคี่ยว ชิงบทบาทการนำ แย่งซีนกันมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นในสภา นอกสภา
ที่สำคัญ พรรคก้าวไกล มักออกปากในเชิงกระแหนะกระแหน ว่า พรรคเพื่อไทยเล่นการเมืองเหมือนแอบ “ไปจันท์-ปันใจ” ให้ฝ่ายรัฐบาลตลอด ไม่รู้ว่าลึกๆ แล้วกำลังคิดหวังอะไรอยู่ !!
ยกตัวอย่าง ที่ฝ่ายค้านเปิดศึกซักฟอก ในสมัยประชุมสภาฯครั้งที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลก็ว่า ส.ส.เพื่อไทย อภิปรายแบบขี่ม้าเลียบค่าย อ้อมไปอ้อมมา มัวแต่เต้นฟุตเวิร์กไม่เข้าโจมตี เผาเวลาไปจนหมด ทำให้ ส.ส.ก้าวไกล ที่เตรียมข้อมูล หวังออกอาวุธถล่ม “ลุงตู่” ต้องเงื้อค้างไป
ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งล่าสุด ที่เขต 5 เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่แพ้เลือกตั้งซ่อมมา 3 สนามติดต่อ ทั้ง นครปฐม ขอนแก่น ลำปาง ก็หวังจะกู้ศักดิ์ศรี ที่สนามปากน้ำ อุตสาห์บากหน้าไปขอให้พรรคก้าวไกล หลีกทางให้ เพื่อจะส่ง “สลิลทิพย์ สุขวัฒน์” ที่มีดีกรี อดีต ส.ส. ลงล้างตากับ “กรุงศรีวิไล สุทินเผือก” จากพรรคพลังประชารัฐ ฝั่งรัฐบาล แต่พรรคก้าวไกลไม่โอเค ยังดึงดันส่ง “อิศราวุธ ณ น่าน” ลงสู้ด้วย สุดท้ายก็ตัดคะแนนกันเอง พ่าย “กรุงศรีวิไล” แบบไม่มีลุ้นกันทั้งคู่ สร้างความแค้นเคืองค้างคาใจแก่พรรคเพื่อไทย เป็นอย่างยิ่ง !!
มาถึงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร. ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยไม่แตะ หมวด 1 กับ หมวด 2 ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่พรรคก้าวไกล ถอนชื่อไม่ร่วมด้วย จะขอยื่นเอง แก้มาตรา 256 ตั้ง ส.ส.ร.เหมือนกัน แต่ไม่ตีกรอบว่าห้ามแตะ หมวด 1 หมวด 2
ล่าสุด มาถึงเรื่องที่พรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริง และเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่าสถานการณ์การเมืองมาถึงจุดที่ นักเรียน นักศึกษา ประชาชน ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล และมีข้อเรียกร้องถึงขั้นที่จะให้ยุบสภาแล้ว จึงควรเปิดเวทีสภาแก้ปัญหา ก่อนที่ลุกลามบานปลาย ล้มตาย บาดเจ็บ
แต่เรื่องนี้พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วย จึงส่ง “รังสิมันต์ โรม” ออกมาถล่มพรรคเพื่อไทย ทำนองว่า... จะทำอะไรไม่ปรึกษากันก่อน ไม่วิเคราะห์ถึงผลได้ผลเสีย ในเมื่อวันนี้ม็อบไล่รัฐบาล “จุดติด” แล้ว แทนที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามมาตรา 151 ที่ต้องมีการลงมติ ยังมีลุ้นว่ารัฐบาลจะอยู่หรือจะไป ...แต่นี้ดันไปยื่นอภิปรายทั่วไป แบบไม่ต้องลงมติ ซึ่งไม่มีบทลงโทษอะไรรัฐบาลเลย ...ทำอย่างนี้เหมือนเป็นการ “ฮั้ว” กับรัฐบาล เปิดโอกาส เปิดเวทีให้ฝ่ายรัฐบาลได้มาแก้ตัว...ทำแบบนี้มัน “เสียของ” ชัดๆ !!
เมื่อ “โรม” ออกมาพูดในเชิงป้ายสีว่าพรรคเพื่อไทย เล่นบทปันใจไปฮั้วกับรัฐบาลอีกแล้ว...ยิ่งก่อนหน้านี้ มีมือดีโพสต์รูป “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ถ่ายรูปคู่กับ “เพนกวิน” แกนนำนักศึกษาปลดแอก สาย “ล้มเจ้า” จนทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง อยู่เบื้องหลัง... “วัน อยู่บำรุง” จึงออกอาการหัวร้อน ...ออกอาวุธ สาวหมัดผ่านเฟซบุ๊ก ใส่ “โรม” ไปรัวๆ ... “อยู่ฝ่ายเดียวกันแท้ๆ อย่าเหิมเกริมอวดดีถือเด่นว่าข้าแน่ให้มันมากเกินไป...เจ้ายังเด็กเล็กนัก ประสบการณ์ต้องใช้อายุและความเจ็บปวดแลกมา” ... ตามมาด้วย “พรรคการเมืองบางพรรค จะทำอะไร หัดเห็นหัวผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนบ้าง อย่าปั่นสร้างกระแสไปวันๆ ผลงานก็ยังไม่เคยมี ได้แต่ขายฝันไปวันๆ” ก่อนจะปิดท้ายว่า “ก่อนจะก้าวไปได้ให้ไกล ก้าวใกล้ๆ ให้ผ่านก่อนนะ...กลัวหกล้ม”
ทั้งสั่งสอน เสียดสี เย้ยหยัน ครบอารมณ์ … จึงเป็นที่มาของ “มวยคู่ใหม่” ที่สะท้านสะเทือนโซเชียลอยู่ในขณะนี้