xs
xsm
sm
md
lg

บ้านนาเกียน พลิกฟื้นป่าต้นน้ำ วันนี้มีข้าวมีน้ำบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



องคมนตรี ลงพื้นที่บ้านนาเกียน เชิญถุงพระราชทานไปมอบแก่ผู้ปฏิบัติงาน ราษฎร และชนเผ่าต่างๆ ในพื้นที่สูง พร้อมเยี่ยมชมกิจกรรมปลูกข้าวพันธุ์ขะสอ 62 ด้วยแรงงานช้าง ขณะที่ชาวบ้านนาเกียน พลิกฟื้นป่าต้นน้ำ สร้างความสมบูรณ์ด้านน้ำ ปลูกข้าวให้ผลผลิตดี

เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และคณะ เดินทางไปยังบ้านนาเกียน หมู่ที่ 3 ต นาเกียน อ อมก๋อย จ .เชียงใหม่ เพื่อเชิญถุงพระราชทานไปมอบแก่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริบ้านนาเกียน โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริดอยแบแล โครงการช่วยเหลือราษฎรบ้านซิแบรอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการช่วยเหลือราษฎรบ้านทุ่งต้นงิ้วอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมทั้งราษฎร และชนเผ่าต่างๆ ในพื้นที่สูง รวมทั้งสิ้น 623 ถุง เพื่อใช้ในการดำรงชีพ พร้อมกับเชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยในความทุกข์ยากเดือดร้อนของราษฎรในทุกพื้นที่บอกกล่าวแก่ราษฎร และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

ในโอกาสนี้ องคมนตรี และคณะ ได้ร่วมปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืด ประกอบด้วย พันธุ์ปลาพลวงหิน ปลาซิวเจ็ดสี ปลาซิวแม่แตง ลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ และเยี่ยมชมช้างไถนา ซึ่งเป็นกิจกรรมการปลูกข้าวพันธุ์ขะสอ 62 ด้วยการใช้แรงงานจากช้าง เป็นวิถีและประเพณีของชนพื้นที่สูงที่ดำเนินการสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง และจากความสมบูรณ์ของป่าในพื้นที่ ทำให้น้ำท่าอุดมสมบูรณ์เพียงพอแก่การอุปโภคตลอดทั้งปี ส่งผลให้ข้าวได้ผลผลิตดี

ปัจจุบัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานงานร่วมกันในการดำเนินงานสนองพระราชดำริมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ให้การสนับสนุนงบประมาณนับตั้งแต่ปี 2548-2563 โดยมีพื้นที่หมู่บ้านเป้าหมาย คือ บ้านนาเกียน ซึ่งมีประชากรรวม 650 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง (โปร์) โดยดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ป่าต้นน้ำบริเวณดอยซอยเทอลู่ และได้พลิกฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ทำให้ป่าไม้มีความหลากหลายทางระบบนิเวศของพืชพรรณเพิ่มขึ้น สัตว์ป่าหายากมีจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะนกเงือกและชะนี นอกจากนี้ยังพบว่ามีปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 51,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวันเพิ่มเป็น 60,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็นสิ่งชี้วัดถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่ทำให้ชุมชนมีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคในครัวเรือนและทำการเกษตรอย่างเพียงพอ อีกทั้งยังสามารถลดการทำไร่หมุนเวียนได้เกือบ 100 %

นอกจากนี้ ประชาชนได้ปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ข้าวจากข้าวพันธุ์พะดู ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวเดิมที่ให้ผลเฉลี่ยเพียง 260 กิโลกรัมต่อไร่ มาเป็นข้าวพันธุ์ขะสอ 62 ซึ่งให้ผลผลิตเฉลี่ยถึง 541 กิโลกรัมต่อไร่ ส่งผลให้ราษฎรมีข้าวเพียงพอต่อการบริโภคตลอดทั้งปี และยังเหลือจำหน่ายเป็นรายได้เสริม นอกจากนี้ยังสนับสนุนราษฎรโดยการรับซื้อข้าวเปลือกมาแปรรูปเป็นข้าวกล้องเพื่อจำหน่าย โดยใช้ชื่อ ข้าวกล้องดอยนาเกียน และยังสนับสนุนให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกกาแฟ มะขามป้อม ที่สร้างรายได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากการจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปกาแฟบ้านนาเกียน สร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 140,000 บาท การแปรรูปมะขามป้อมและพริกกะเหรี่ยงจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้ปัจจุบันราษฎรมีรายได้เฉลี่ย 70,000 บาท/ครัวเรือน/ปี ซึ่งมากกว่าตอนเริ่มจัดตั้งโครงการที่ราษฎรมีรายได้เพียง 5,500 บาท/ครัวเรือน/ปี

นางพีรพรรณ ผดุงโกมล เกษตรบ้านนาเกียน กล่าวว่า ตั้งแต่มีการจัดตั้งสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริบ้านนาเกียนขึ้น ราษฎรได้เข้ามาทำงานในสถานีและนำความรู้ที่ได้รับไปทำในพื้นที่ของตนเองทำให้ชีวิตดีขึ้นและพัฒนามาเป็นการรวมกลุ่มเพื่อการผลิตและการตลาดโดยจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนกาแฟบ้านนาเกียน ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ 25 คน วิสาหกิจชุมชนกาแฟฯ จะรับผลผลิตกาแฟจากสมาชิกและประชาชนที่ปลูกกาแฟในหมู่บ้านมาทำการผลิต โดยวิสาหกิจจะมีเครื่องมือที่ทางหน่วยงานราชการสนับสนุนมาครบทุกอย่างตั้งแต่ เครื่องกะเทาะเปลือกกาแฟ เครื่องโม่ และเครื่องแพ็คใส่ถุง เพื่อจำหน่าย ส่วนตลาดมีหลายพื้นที่

“ปัจจุบันมีการปลูกพืชหลายชนิดนอกจากกาแฟ เช่น เชอรี่ กล้วย ขนุน ผลผลิตมีตลอดทั้งปี และมีการปลูกข้าวเพื่อไว้กินเองของแต่ละครอบครัว เป็นข้าวพันธุ์ ขะสอ 62 ซึ่งทางสถานีนำมาส่งเสริมให้ปลูก พันธุ์นี้จะต้นงามสูง เม็ดเรียว ขึ้นได้ดีในพื้นที่สูง ตอนนี้ทุกคนในพื้นที่จะปลูกพันธุ์นี้กันหมด ผลผลิตเพียงพอกับการบริโภคในครัวเรือนตลอดทั้งปี ไม่ต้องซื้อจากพื้นที่อื่นเหมือนก่อนนี้ นางพีรพรรณ ผดุงโกมล กล่าว

ขณะที่นายปรีชา ผดุงโกมล เกษตรกร บ้านนาเกียน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า นอกจากการปลูกข้าวไว้กินแล้ว ปัจจุบันราษฎรในพื้นที่ยังปลูกพืชผักและพืชชนิดอื่นอีกหลายอย่าง เช่น อโวคาโด้ กาแฟ แมคคาเดเมีย สาลี่ และลูกเนียง โดยเฉพาะลูกเนียงตอนนี้ปลูกกันมาหลังจากทางสถานีฯ ได้นำพันธุ์ต้นเนียงจากธรรมชาติมาเพาะขยายพันธุ์แล้วให้ชาวบ้านนำไปปลูก และเจริญเติบโตดีออกผลจนเก็บมาขายได้ โดยมีพ่อค้ามารับซื้อถึงหมู่บ้าน ขายในราคาถังละ 300 กำลังเป็นที่นิยมบริโภคของผู้คนในพื้นที่
.
“จะมีชาวบ้านหมู่บ้านอื่นมารับซื้อ ขายเป็นปี๊บบางทีก็ขายเป็นลิตรลิตรละ 20 ถึง 30 บาท ถ้าเป็นกิโลกรัมขายกิโลกรัมละ 30 บาท หรือ ปี๊บละ 300 บาท ช่วงนี้หน้าหน้าฝนออกลูกเยอะเก็บขายได้มากเป็นอีกหนึ่งรายได้ของราษฎรในพื้นที่” นายปรีชา กล่าว

ด้านนายอชิระ นิมิตคีรีมาศ กล่าวว่า หลังจากมีโครงการฯ ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราดีขึ้นเยอะ เมื่อก่อนส่วนใหญ่ก็ทำนาอย่างเดียว ผลผลิตข้าวก็ไม่ดีทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน แต่ตอนนี้ทางโครงการฯ เข้ามาส่งเสริมให้ปลูกพืชผักหลายๆ อย่าง และหลายคนได้เข้ามาทำงานในโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริบ้านนาเกียนแห่งนี้ ต่างก็มีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว และจากที่ได้มีการส่งเสริมปลูกกาแฟในพื้นที่แห่งนี้ ทำให้ได้มีการจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปกาแฟบ้านนาเกียน โดยแรกเริ่ม มีสมาชิก 19 คน ปัจจุบัน มีสมาชิก 25 คน โดยในปีที่ผ่านมาได้รวบรวมซื้อ ผลผลิตในรูปแบบเชอรี่ ได้จำนวน 7,500 กิโลกรัม ทำให้ทุก คนมีรายได้เพิ่มขึ้นสำหรับตนได้ปลูกกาแฟเป็นอาชีพเสริม และทำนาเป็นอาชีพหลัก ปัจจุบันปลูกกาแฟ 4 ไร่ ปลูกข้าว 10 ไร่ หากว่างจากการทำนาแล้วก็จะรับจ้างทั่วไป เช่น ทำงานก่อสร้างบ้าง ทำให้ทุกวันนี้มีรายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก

นายอชิระ กล่าวอีกว่า รู้สึกสึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ได้มาจัดตั้งโครงการนี้ มาทำให้ชาวบ้านที่นี่มีรายได้เสริมมีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้พวกเราไม่ต้องทิ้งบ้าน ทิ้งครอบครัวลงไปหางานทำในเมือง ท้ายนี้ก็ขอให้พระองค์มีสุขภาพอนามัยที่แข็งแรง ขอให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และวันนี้ได้มารับของพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 10 รู้สึกปลาบปลื้มดีใจที่ท่านไม่ได้ลืมคนชาวเขาอย่างพวกเรา ถึงไกลแค่ไหนก็ส่งองคมนตรีมาเยี่ยมเยียน มามอบของพระราชทานให้พวกเราถึงที่บ้านนาเกียน รู้สึกซาบซึ้งมากและดีใจมากที่ท่านนึกถึงพวกเรา ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ










กำลังโหลดความคิดเห็น