“อุ๊” หฤทัย จวกเละ คนอยู่เบื้องหลังม็อบปลดแอก “อำมหิต” มีแผนชั่วยั่วยุ “นองเลือด” เอา “เยาวชน-นศ.” เป็นเหยื่อ “ถวิล” เตือนอย่าจาบจ้วงสถาบัน “พิชิต” ยุเสื้อแดงทิ้ง “ทักษิณ” คนทรยศ ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ “ผู้ชนะ”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (22 ก.ค. 63) หฤทัย ม่วงบุญศรี หรือ อุ๊ นักร้องชื่อดัง โพสต์คลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีกลุ่มสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนท. และกลุ่มเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH จัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อ 18 ก.ค. และหน้ากองทัพบก เมื่อ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา ว่า
ม็อบเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นม็อบไล่สถาบันหรือเปล่า ไหนคุณบอกว่า ขับไล่นายกฯ ขับไล่รัฐบาล ไหนคุณบอกว่าสิ่งที่พวกคุณเรียกร้องแค่ยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แท้ที่จริงกิจกรรมภายในส่งเสริมให้มีคนล้มล้างสถาบันฯ
“ป้ายเอาออกสื่อไม่ได้ ย่ำยีหัวใจคนไทย คนที่อยู่เบื้องหลังอำมหิต ต้องการยั่วยุให้คนไทยฆ่ากันใช่หรือเปล่า การไปฉีกรูปบิ๊กแดง หน้ากองบัญชาการทหารบก เพื่อยั่วยุให้ทหารออกมาปราบพวกคุณหรือเปล่า นี่พวกคุณอยากนองเลือดยั่วยุคนไทยให้ทนไม่ได้ บอกเลยคนที่ไม่เห็นด้วยกับม็อบ เราจะต้องตั้งสติทนให้ได้ เพราะคนที่ออกมาชุมนุมส่วนหนึ่งเป็นลูกหลาน เด็กเยาวชนนิสิตนักศึกษาที่ไม่รู้ทันพวกคนชั่วที่ทำลายชาติ ขายชาติ”
“อุ๊” กล่าวว่า คนพวกนี้มันขี้ขลาด ทำอะไรไม่เคยสำเร็จ ขี้แพ้ เลือกตั้งก็แพ้ อยากจะเข้ามามีอำนาจบริหารประเทศไม่สำเร็จ อีกส่วนก็อยากจะมีอำนาจ แพ้เพราะตัวเอง ไม่รู้กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่รู้กติกาในรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง เหมือนเล่นกีฬาไม่รู้กติกาคุณก็แพ้
แล้วถ้าคนไทยทนไม่ได้ เขาลุกขึ้นมาสู้กับพวกคุณ มันก็เข้าทางต่างชาติที่รอแทรกแซงประเทศไทย เป็นสิ่งที่พวกคุณต้องการใช่หรือเปล่า ยอมรับมาสิ ประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทย คุณว่าผิดหลักการ ไม่ตรงตามตำรา ไม่เป็นอย่างที่ฝรั่งพูดชี้นำ ระบอบการปกครองของไทย คุณพยายามบิดเป็นราชาธิปไตยหรือเปล่า เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือเปล่า ทั้งที่พวกคุณแพ้เพราะตัวเองผิดพลาด ก็โยนบาปให้สถาบันฯ
“อุ๊” หฤทัย กล่าวต่อไปว่า ชาติตะวันตกไม่อยากเห็นประเทศไทยเข้มแข็ง อยากเห็นประเทศไทยอ่อนแอ เป็นธรรมเนียมมีมานานแล้ว ปัจจุบันเปลี่ยนรูปแบบการล่าอาณานิคม ให้ใช้ชุดความคิดต้องเป็นประชาธิปไตย ถ้าไม่เป็นตามที่ชี้นำ มันจะกีดกันทางการค้าเหมือนที่กะทิไทยโดนตอนนี้ เพราะชาติตะวันตกเห็นประเทศไทยโดดเด่น เข้มแข็ง มั่นคง ใช่หรือไม่ เชื่อเหรอว่าฝรั่งมันห่วงลิง มันใช้ลิงทดลองวิทยาศาสตร์ตายเป็นหมื่นเคยพูดหรือเปล่า กะทิไทยใช้ลิงเก็บมะพร้าวมันเดือดร้อน
ที่พูดเนี่ยเพราะชาติตะวันตกพยายามแทรกแซง คุณก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะคุณเป็นคนชั่วขายชาติ ไม่รู้จะใช้คำพูดอะไรมาด่า คุณเป็นลูกหลานชาวจีนไม่ใช่เหรอ คนจีนรู้ดีว่าชาติตะวันตกทำอะไรไว้ บาดแผลฝังลึกนับร้อยปี เขาสูญเสียเกาะฮ่องกง เกาลูน คุณชูป้ายเซฟ โจชัวหว่อง มีจิตสำนึกหรือเปล่า
ใครๆ ก็รู้ ชาติตะวันตกเสียดุลการค้าให้กับประเทศจีน เพราะคนจีนค้าขายเก่ง เขาใช้ฝิ่นเข้าไปทำลายความมั่นคงของจีน ฉุดให้คนจีนตกต่ำ ทำลายฐานรากจนถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ของจีน จนชาติเขาล้ม อ่อนแอ เกิดสงคราม คนจีนไม่ต้องการตกเป็นประเทศราชของจักรวรรดินิยม เลิกสูบฝิ่น กองทัพอังกฤษใช้อาวุธร้ายแรงไปรบจนจีนแพ้ ปรับเป็นเงินทองมหาศาล เสียเกาะฮ่องกง เกาลูน มาเก๊า คือ ความขมขืนของคนจีน
ดร.ซุนยัดเซ็น ถึงออกมาเคลื่อนไหวขับไล่ชาติตะวันตก เหมาเจ๋อตุงต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองฟื้นฟูประเทศ จึงต้องเป็นคอมมิวนิสต์ พวกคุณลูกหลานชาวจีน หนีร้อนมาพึ่งเย็น มีสถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคง พวกคุณอยู่อย่างสบาย เพราะไทยมีความมั่นคง ยังมาถามอีกว่าทหารมีไว้ทำไม สถาบันพระมหากษัตริย์มีไว้ทำไม ก็มีไว้ให้ประเทศไทยมั่นคงเข้มแข็งไม่อ่อนแอ
“คุณต้องการอำนาจเป็นใหญ่สนองตัณหาสิ่งที่ร่ำเรียนมา เชื่อฝรั่ง ทุกวันนี้เกิดโควิดมาฝรั่งมันสบายกว่าไทยหรือเปล่า มันลงเหว มันพิสูจน์แล้วว่าไทยต่อสู้วิกฤตโรคระบาดได้ พิสูจน์แล้วประเทศไทยดี น่าอยู่ มีคนมีความรู้ความสามารถ คนเก่งเยอะ ขับเคลื่อนประเทศชาติพัฒนามาหลายสิบปี เขาไม่เคยออกมาพูด เขาทำให้คนทำมาหากินร่ำรวย แต่นักวิชาการบางคน พยายามชี้นำประเทศต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ทำไมคนไทยต้องเชื่อพวกคุณ บางคนแก่แล้วก็ถือป้ายทำลายประเทศตัวเอง”
หฤทัย กล่าวด้วยว่า ม็อบคลุมผ้ากล้องวงจรปิดเพื่ออะไร อย่าบอกนะว่าเจ้าหน้าที่รัฐคลุม จะออกไปม็อบเปิดหน้าเลย คลุมผ้าทำไมบ้าหรือเปล่า ถ้าเกิดมือที่สามที่ทำให้เกิดการนองเลือด พวกคุณก็โทษเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วคนชั่วที่อยู่เบื้องหลังก็ได้ประโยชน์จากการตายของเด็ก เข้าทางพวกมันเอาชาติตะวันตกเข้ามาแทรกแซงชาติไทย ตอนนี้ฝ่ายรัฐจะต้องปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยเพราะกลัวพวกคุณตาย คนไทยอดทนอดกลั้น คนที่รู้ดีที่สุดคือเจ้าหน้าที่รัฐ ถ้าออกมาห้ำหั่นกันก็เข้าทางคนชั่ว
“น้องนิสิตนักศึกษารู้หรือเปล่า พี่เป็นห่วงพวกคุณพูดจากใจจริง แล้วถ้าแกนนำม็อบอ้างว่า คนคลุมกล้องวงจรปิดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ อุ๊ไม่เชื่อ เพราะพวกคุณอยู่บริเวณนั้น ก็ปีนขึ้นไปเปิดกล้องเป็นหลักฐาน ต้องบันทึกไว้ว่า ใครทำอะไร ถ้าเจ้าหน้าที่ปิด ไปปิดที่ศูนย์ควบคุมก็ได้ คนที่คลุมกล้อง Bad Idea มาก ถ้าชุมนุมครั้งหน้าอย่าทำมันอันตราย คนที่จ้องทำให้ประเทศไทยนองเลือดมีอยู่จริง มันเป็นคนชั่ว” (จากไทยโพสต์ออนไลน์)
และที่สอดรับกัน วันนี้ นายถวิล เปลี่ยนศรี สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“คนรุ่นใหม่ 2 ผมจะโพสต์เรื่องพฤติกรรมการชุมนุม และการแสดงออกของคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยั้งๆ ไว้ โดยหวังว่า พวกเขาจะปรับปรุงแก้ไขให้ดีได้ จนเห็นม็อบหรือการชุมนุมเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และที่เชียงใหม่ จึงต้องตัดสินใจโพสต์แล้วครับ
ผมเคยพูดและยังยืนยันจนบัดนี้ว่า คนรุ่นใหม่นั้นเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญมาก เป็นคนรุ่นต่อไปที่จะแตะมือรับช่วงรับผิดชอบประเทศนี้ ต่อจากคนรุ่นเก่าอย่างพวกเรา เสียงของพวกเขาพึงได้รับการรับฟัง และให้ความสําคัญอย่างยิ่ง แต่ผมเคยเน้นว่า ขอให้การแสดงออกนั้นเป็นไปตาม “กาลเทศะ” ด้วย เพราะผิดจากนี้ นอกจากท่านจะเปลี่ยนแปลงประเทศไม่สำเร็จแล้ว อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อทั้งตัวท่านเองและคนอื่นๆ อีกด้วย
การชุมนุมที่ผ่านมานั้นเลยเถิดไปมาก และน่าเกลียดจริงๆ ครับ มีข้อความในป้ายและคำพูดที่ล่วงเกิน จาบจ้วงสถาบันฯอย่างชัดเจน และบางการกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายแล้วด้วยซ้ำ ท่านจะเรียกร้องอะไรก็เรียกร้องไปเถิด แต่ทำไมต้องวกกลับมาลงที่การหมิ่นสถาบันฯด้วย
ผมขอเรียนท่านในฐานะที่ทำงานด้านความมั่นคงมาตลอดชีวิต ผ่านเหตุการณ์ด้านความมั่นคงมามากมาย ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เป็นสถาบันสำคัญสูงสุดของบ้านเมืองเรา ที่อื่นๆ ในโลกจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของเขา แต่สถาบันฯนี้ในประเทศเราเป็นเสาหลักที่ค้ำยันและประกันความมั่นคง และความเป็นปึกแผ่นของประเทศนี้ตลอดมาจริงๆ
ท่านจะนับถือเลื่อมใสในสถาบันฯนี้หรือไม่ นั่นก็แล้วแต่ท่านเถอะ แต่ขอผมเตือนท่านสั้นๆ ว่า ท่านรื้อ ทำลาย เสาหลักนี้ของบ้านเมืองนี้ ลงไม่ได้เป็นอันขาดครับ
อนึ่ง ท่านอาจออกตัวว่า ท่านไม่รู้ไม่เกี่ยวด้วยกับคนที่จาบจ้วง ล่วงเกินสถาบันฯเหล่านั้น แต่ท่านก็ปล่อยให้คนพวกนี้แอบแฝงมาทำแบบนี้บ่อยมาก บ่อยเป็นอาจิณ จนเกินกว่าจะเชื่อว่าท่านไม่เกี่ยวข้องด้วยได้ และถ้าท่านไม่เกี่ยวข้องด้วย การกันคนพวกนี้ออกไป ท่านยังทำไม่ได้ ผมก็คิดไม่ออกว่าท่านจะไปรับผิดชอบบ้านเมือง ซึ่งเป็นงานที่ยากกว่านี้มากมายได้อย่างไร !!”
อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วานนี้ รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
“ขบวนเสื้อแดงเป็นการต่อสู้ที่กล้าหาญ รักประชาธิปไตยอย่างแน่นอน ผู้ที่ได้สัมผัสและเป็นพยานรู้เห็นย่อมไม่สงสัยใดๆ การลดทอนความสำคัญหรือปฏิเสธความจริงตรงนี้ก็คือการตัดประวัติ ปชต.ทิ้งไปช่วงหนึ่ง เป็นการไม่เคารพต่อความเจ็บปวดและสูญเสียที่มวลชนหลายพันคนยังประสบอยู่จนถึงวันนี้
แต่สิ่งที่เป็นอันตรายต่อความทรงจำของคนเสื้อแดง ไม่ใช่การโดนดูถูกหรือลดทอนจากคนที่ไม่ใช่เสื้อแดง แต่เป็นการเลือกเส้นทางเดินของคนเสื้อแดงในสถานการณ์วันนี้
มีความจริงอีกด้านที่ถึงปัจจุบันคนเสื้อแดงจำนวนมากยังไม่ยอมรับ ซึ่งก็คือ การสรุปบทเรียนความพ่ายแพ้ในอดีต ไม่ยอมรับความจริงว่า ความพ่ายแพ้ของตนไม่ใช่เพราะ “ศัตรูแข็ง เราอ่อน” เท่านั้น แต่ยังมีสาเหตุสำคัญขั้นชี้ขาดอีก คือ การเหยียบเรือสองแคมและทรยศหักหลังของทักษิณ คนที่ทำลายขบวนเสื้อแดงก็คือทักษิณเอง ซึ่งเสื้อแดงจำนวนมากรู้อยู่แก่ใจแต่ปฏิเสธที่จะยอมรับ
กลัวเหรอว่า ความทรงจำของคนเสื้อแดงจะถูกลืมและลบทิ้งไปตลอดกาล? พวกคุณจะถูกลืมไปจนหมดสิ้นอย่างแน่นอน หรือที่แย่กว่านั้นคือ ถูกจดจำว่าเป็น “พวกเผาบ้านเผาเมือง” ไปตลอดกาล ถ้าพวกคุณยัง “แพ้” อยู่อย่างทุกวันนี้! ถ้าต้องการให้เป็นที่จดจำว่า เสื้อแดงเป็นนักสู้เพื่อ ปชต.ที่มาก่อนขบวน นศ.63 และได้รับการรำลึกถึงโดยคนรุ่นต่อๆ ไป พวกคุณต้อง “ชนะ” เท่านั้น “ผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์”!
ทางเลือกข้างหน้าคือ จะจมอยู่แต่กับอดีตอันเจ็บปวด เกลียดชังเผด็จการไปจนวันตาย โกรธและด่าทุกคนที่ “ไม่เข้าใจคนเสื้อแดง” อยู่กับความเคียดแค้นและน้ำตาอย่างผู้แพ้ทุกวันแล้วถูกลืม หรือลุกขึ้นเดินหน้าสู้เพื่อ ปชต.ให้ชนะให้จงได้.”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าหยิบยกมากล่าวย้ำ ก็คือ การชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือ ม็อบของเยาวชน นักศึกษา ที่เรียกว่า “ม็อบปลดแอก” ที่หลายฝ่ายเห็นว่า น่ารับฟัง ถ้าหากเป็นการแสดงออกของ “พลังบริสุทธิ์” อย่างแท้จริง และไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังครอบงำ
แต่ปรากฏว่า ภายในม็อบมีป้ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอย่างโจ่งแจ้งจำนวนมาก แล้วก็ไม่มีใครรู้สึกรู้สาที่จะห้ามปราม รวมถึงกันเอาคนถือป้ายเหล่านั้น ออกจากบริเวณม็อบ และหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปดูแลจัดการ เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงครอบงำม็อบ อย่างที่ม็อบสมัยรุ่นพี่ รุ่นพ่อแม่ ลุงป้า น้าอาเขาทำกัน อย่าลืมว่า การสร้างความบริสุทธิ์ให้กับม็อบ สำคัญเท่าชีวิตของผู้ชุมนุมเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน คนที่สนับสนุนการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมืองบางคณะ ส.ส. และอดีต ส.ส.พรรคการเมืองฝ่ายค้าน นักเคลื่อนไหว ล้วนละเว้นที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ติงเตือนต่างๆ ให้ระวัง ไม่มีเลย หนำซ้ำหลายคนยังมีพฤติกรรมให้ท้ายเอาไว้ด้วย จนหลายฝ่ายเชื่อว่า คนพวกนี้อาจอยู่เบื้องหลังอีกต่างหาก หรือไม่ นี่คือ ประเด็น
ส่วน นักวิชาการอย่าง รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่อยู่ๆ ก็ยกเอาการต่อสู้ของคนเสื้อแดง มาวิเคราะห์ ก่อนจะโยนบาป เพราะ “ทักษิณ” ทรยศ เสื้อแดงจึงพ่ายแพ้ พร้อมยุให้ลุกขึ้นสู้กับ “ขบวนการ นศ.63” ถ้าไม่อยากให้ข้อกล่าวหา “พวกเผาบ้านเผาเมือง” คงอยู่ตลอดกาล ในทำนอง ผู้ชนะเท่านั้น คือ ผู้เขียนประวัติศาสตร์
เห็นได้ชัดว่า นี่คือ การยุยง และชักชวนให้กลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นฐานมวลชนรากหญ้าทั่วประเทศ และมีพลังมหาศาล ให้ลุกขึ้นมาร่วมต่อสู้กับ ขบวนการ นศ. 63 ที่กำลังเคลื่อนไหว และสร้างผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ในเวลานี้ เพราะเชื่อว่า ถ้าได้คนกลุ่มนี้เข้าร่วม เชื่อขนมกินได้เลยว่า ยุ่งแน่!
ดังนั้น สัญญาณอันตรายเริ่มชัดแล้ว อยู่ที่ผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง จะรับมืออย่างไรเท่านั้นเอง