xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงตู่” ยังยืนหนึ่ง แต่ทางข้างหน้าลุ้นหวาดเสียว!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เมืองไทย 360 องศา




ต้องบอกว่านาทีนี้หากสำรวจมองบุคคลที่จะมาเป็นคู่ชิง หรือคู่แข่งสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในระยะอันใกล้นี้ยังไม่มีใครเทียบได้กับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ที่ดำรงตำแหน่งมานานกว่า 6 ปีแล้ว

อย่างไรก็ดี น่าจะเป็นคนละความหมายกับความรู้สึกที่ว่า ยังไม่มีใครที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ในสายตาของชาวบ้านส่วนใหญ่ ซึ่งอย่างหลังเป็นผลสะท้อนผ่านทางผลสำรวจของนิด้าโพลล่าสุด ที่ระบุว่า ยังไม่มีผู้ที่มีความเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรี ถึงร้อยละ 44.06 ขณะที่ความเหมาะสมของ “ลุงตู่” ได้ไปร้อยละ 25.47 ทิ้งห่างคนอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น ไม่ว่าจะเป็น คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ส่วนรายอื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

แน่นอนว่า หากไม่มองจากผลสำรวจดังกล่าวก็ย่อมคาดเดาได้อยู่แล้วว่าน่าจะต้องออกมาแนวนี้ เพราะเมื่อสำรวจรายชื่อออกมาแล้วก็ยังมองไม่เห็นใครจริงๆ ขณะเดียวกัน ด้วยผลของโรคระบาดโควิด-19 ที่กลายเป็นการ “พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กลับมาอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ เริ่มมีอาการ “เสียศูนย์” ไปแล้ว และยังนึกภาพไม่ออกว่าหากไม่สามารถใช้มาตรการทางสาธารณสุข และใช้บุคลากรทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดความร่วมมืออย่างดีของประชาชนทั้งประเทศ ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะโกลาหลขนาดไหน

อย่างไรก็ดี แม้ว่าในเวลานี้ผลงานของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเรื่องของการควบคุมการแพร่ระบาดดังกล่าว ทำได้ดี ล่าสุด ก็ยังไม่พบการติดเชื้อภายในประเทศต่อเนื่องกัน นานถึง 36 วันแล้ว (30 มิถุนายน) แต่สถานการณ์นับจากนี้ถือว่าเป็นความท้าทายใหม่ในบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของชาวบ้าน ที่ถือว่ากำลังอยู่ในภาวะวิกฤต และที่สำคัญก็คือ ภายในเดือนหน้า เงินเยียวยาของรัฐบาล รวมถึงมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ก่อนหน้านี้ก็กำลังจะสิ้นสุดลง

ขณะเดียวกัน เมื่อหันไปมองรอบบ้านเรา รวมไปถึงทั่วโลกที่กำลังอยู่ในภาวะย่ำแย่อันเนื่องมาจากการกลับมาระบาดรอบสอง เรียกว่าหนักกว่าเดิม โดยเฉพาะประเทศที่เป็นคู่ค้าของประเทศไทย ทั้งในเรื่องของตลาดส่งออกและในเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งตลอดทั้งปีนี้ รวมไปถึงปีหน้า เชื่อว่า ตลาดเหล่านี้ซึ่งถือว่าเป็นตลาดหลักที่เคยสร้างรายได้ก็ถือว่าเลิกหวังได้เลย

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ดังกล่าวก็ย่อมชัดเจนว่าเศรษฐกิจของบ้านเรากำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตอย่างที่สุดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลังจากที่ผ่านมาก็ถือว่าวิกฤตจนหลังแอ่นกันอยู่แล้ว

ถึงได้บอกว่านี่คือ ภาวการณ์ท้าทายใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เรื่องหลักก็คือ การแก้ปัญหาปากท้องที่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด เพราะหากไม่ทำให้บรรเทาลงได้อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ก็จะมีปัญหาเรื่องอื่นประดังทับถมเข้ามาในแบบวิกฤตซ้อนวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองสารพัด ที่ฝ่ายตรงข้ามที่กำลังจ้องถล่มเข้ามาทุกทิศทาง และเชื่อว่านับจากนี้ไป พวกเขาจะถล่มหนักมือขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งแบบบนดิน และใต้ดิน


ปัญหาการเมืองที่คาดว่าจะถูกหยิบยกขึ้นเขย่าหนักขึ้นนอกเหนือจากการถล่มซ้ำปัญหาเศรษฐกิจแล้ว เรื่องการเมือง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะกลายเป็นปัญหาหลักถัดไปที่จะถูกนำมาเคลื่อนไหว โดยจะพุ่งที่ไปเงื่อนไขของ ส.ว.ที่มาตามรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน หลังจากก่อนหน้านี้เริมมีการส่งสัญญาณให้เห็น รวมไปถึงแรงกดดันให้มีการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นภายในปีนี้

แต่ถึงอย่างไรเรื่องเศรษฐกิจปากท้องก็ยังเป็นเงื่อนไขหลัก และเป็นเรื่องอ่อนไหวเร่งด่วนก่อนใคร ซึ่งรัฐบาลโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้จงได้ เพราะสิ่งที่พิสูจน์ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ก็คือ แค่คำพูดที่บอกว่าจะให้ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเป็นหนึ่งกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ซึ่งเป้าหมายเป็นการ “โยนหินถามทาง” หรือหยั่งเชิงหรือเปล่า เพราะพูดแบบไม่เคลียร์ แต่ปฏิกิริยาที่สะท้อนกลับมาก็คือ “เสียงยี้” รอบทิศทาง จนต้องรีบออกมาย้ำว่า แค่เป็นทีมดูแลนโยบายเศรษฐกิจภายในพรรคเท่านั้น

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงปฏิกิริยาหลังจากที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มานั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมทีมกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่มีการโละทีม “สี่กุมาร” ออกไปแบบเหี้ยนไม่เหลือสักคนเดียว มันตอกย้ำให้เห็นว่า ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นเป็นสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความสามารถ

ดังนั้น ถึงได้บอกว่าเส้นทางข้างหน้าที่กำลังมาถึง ความเชื่อมั่นของรัฐบาลจะต้องสร้างให้ได้ ซึ่งความเชื่อมั่นดังกล่าวย่อมมาจากองค์ประกอบสำคัญ คือ ตัวบุคคลที่ประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้ว่าในเวลานี้เขายัง “ยืนหนึ่ง” ก็ตาม แต่อย่าลืมว่าผลสะท้อนความรู้สึกของชาวบ้านที่ออกมา ที่เห็นว่า ยังไม่มีใครที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น มีเปอร์เซ็นต์ที่สูงมาก มันก็ถือว่าอันตราย และเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นจนน่าหวาดเสียว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น