ข่าวปนคน คนปนข่าว
การเมืองเข้าสู่โหมดปรับ ครม. จับตา “บิ๊กตู่” จะจัดทัพออกมาหน้าตาอย่างไร จะ New Normal หรือ Old Normal กันแน่
เมื่อศึกในพรรคพลังประชารัฐสงบ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นคุมพรรค พร้อมวางตัวกรรมการบริหารพรรคเสร็จสรรพ รอเพียงการประชุมใหญ่เลือกตั้งอย่างเป็นทางการเท่านั้น ขณะที่พรรคลุงกำนันก็ถึงคราวเปลี่ยนหัว หลัง “หม่อมเต่า” ลาออกจากรวมพลังประชาชาติไทย ก็เริ่มขยับตัวเตรียมพร้อม... จากนี้ไปก็เข้าสู่ “โหมดปรับ ครม.” และเมื่อดูสภาพความเป็นไปแล้วน่าจะ “ปรับใหญ่” เสียด้วย
เริ่มจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย เมื่อ“หม่อมเต่า” ลาขาดประกาศเทลุงกำนัน ก็ย่อมกระทบถึงตำแหน่ง รมว.แรงงานที่นั่งอยู่ด้วย ทางพรรคจึงรีบเปิดตัว ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ขึ้นเป็นรัฐมนตรีแทน แต่ตำแหน่ง รมว.แรงงานนี้“เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรค พปชร. ก็เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งจัดตั้งรัฐบาลแล้ว แต่ไม่สมหวัง เนื่องจากปัญหาเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาล จำเป็นต้องยอมรับเงื่อนไขพรรคเล็กพรรคน้อย ... แต่ตอนนี้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว พลังต่อรองของพรรคลุงกำนัน ที่มี ส.ส.แค่ 5 เสียง จะยังคงยึดกุมกระทรวงนี้ได้หรือไม่... ขณะที่ ดร.เอนก ซึ่งมีภาพของนักวิชาการ ก็เล็งเก้าอี้ รมว.อุดมศึกษาฯ ที่ สุวิทย์ เมษินทรีย์ นั่งอยู่ตอนนี้ ...แต่จะสมหวังหรือไม่ หรือจะได้แค่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งก็คงต้องติดตามดูกันต่อไป
พรรคชาติพัฒนา ที่มีส.ส.แค่ 3 เสียง ก็เสียวสันหลัง เทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ก็มีโอกาส “ปิ๋ว” เหมือนกัน หลังพรรคพลังท้องถิ่นไท ของ ชัช เตาปูน กวาด ส.ส.เข้ารังจนมีในมือมากกว่า ก็หวังจะดัน ชื่นชอบ คงอุดม ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ได้สัมผัสเก้าอี้รัฐมนตรีสักครั้ง และยังมี ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ย้ายขั้วมาซบรัฐบาลอีก งานนี้ผู้มากบารมีเมืองโคราช ต้องออกแรงยื้อกันเหนื่อยแน่
พรรคประชาธิปัตย์ ที่ “แก๊งเด็กดื้อ” ซึ่งอยู่ในสาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพิ่งออกมาเคลื่อนไหวเขย่าพรรค ก็หวังจะต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีเหมือนกัน แต่ถูก “นายหัวชวน” ชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคออกมาเบรก พร้อมแสดงท่าทีสนับสนุน จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ให้ดูแลพรรคต่อไป ดังนั้น หากจะมีการปรับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรีก็คงเป็นระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการ ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลัก อย่างพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ ก็จะยังคงเป็น “จุรินทร์” และ เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคอยู่เหมือนเดิม
ส่วนแก๊งเด็กดื้อที่นอกจากตีรวนในพรรคแล้วยังชอบมาตีรวนใส่รัฐบาลอยู่บ่อยๆ จน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่แฮปปี้กับพฤติกรรมเท่าไหร่ แถมยังเป็น ส.ส.ในสายอภิสิทธิ์ ที่ประกาศไม่เอาลุงตู่มาตั้งแต่ต้น ดังนั้น “แผนตีรวน” เพื่อหวังให้ลุงตู่ตัดรำคาญมอบเก้าอี้รัฐมนตรีให้จะได้เงียบเสียงนั้น คงเอามาใช้กับลุงตู่ไม่ได้
สำหรับพรรคภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ที่กวาดเอาอดีต ส.ส.แตกรังจากอนาคตใหม่ มาเข้าพรรคหลายคน จนแซงหน้าประชาธิปัตย์ขึ้นเป็นพรรคอันดับ 2 ในฝั่งรัฐบาล ก็คงไม่ได้หวังจะได้เก้าอี้เพิ่ม แต่เป็นไปเพื่อต้องรักษาเก้าอี้เดิมที่มีอยู่ ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข... หรือพูดง่ายๆ ก็คือถ้าไม่ให้เพิ่ม ก็อย่ามาลด อย่ามาขยับเป็นอันขาด!
คราวนี้ก็ถึงคิวพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็น “ไฮไลต์” ของการปรับ ครม.ครั้งนี้ หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคสำเร็จ บรรดากลุ่มก่อการต่างออกอาการดี๊ด๊า คนที่ยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็หวังจะได้เป็นในคราวนี้ ที่เป็นรัฐมนตรีอยู่แล้วก็หวังจะยกระดับขยับไปนั่งกระทรวงที่มีความสำคัญมากขึ้น หลังจาก “กลุ่มสี่กุมาร” ต้องหลุดวงโคจร
อย่าง “กลุ่มสองมิตร” ก็มีข่าวว่า สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะขยับจากรัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม ไปนั่งว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดโอกาสให้ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม มาเสียบที่ อุตสาหกรรมแทน... แว่วว่า “ลุงป้อม” เปิดไฟเขียวให้แล้ว แต่ไม่รู้ว่า “ลุงตู่” จะไฟเขียวด้วยหรือไม่ ...เพราะเป็นกระทรวงสำคัญ ที่ “ลุงตู่” ก็น่าจะมีคนในใจอยู่แล้ว อย่างเช่น ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้อยู่ ... หรืออาจะไม่ขยับให้ใคร ปล่อยให้ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นั่งยาวต่อไปก็เป็นได้
ส่วนเก้าอี้ รมว.คลัง สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง หมายมั่นปั้นมือว่าจะขึ้นมานั่งว่าการแทน อุตตม สาวนายน ขณะเดียวกันมีชื่อดาวเด่น “สายตรงลุงตู่” โผล่มา 2 คน คือ ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าแการบงก์ชาติ และ ปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการ แบงก์กสิกรไทย ขึ้นมาเป็นตัวเลือก
2 กระทรวงที่ยกขึ้นมาก่อนนี้ ถือว่าเป็นกระทรวงสำคัญด้านเศรษฐกิจ และเที่ยวนี้ “ลุงตู่” จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเอง ก็ลองคิดกันดูว่าหวยจะออกที่ใคร
ที่น่าสนใจคือ อาจมีรัฐมนตรีของพลังประชารัฐที่ผลงานไม่เข้าตา ก็มีสิทธิ์จะถูกลดชั้นไปนั่งกระทรวงที่เล็กลง อย่าง “ก๊วน กทม.” ของ “เสี่ยตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และ “เสี่ยบี” พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ก็มีเสียวไม่น้อย เพราะตัว “เสี่ยตั้น” ผลงานไม่ค่อยเข้าตากรรมการแม้จะอยู่สายแข็งก็ตาม ขณะที่ “เสี่ยบี” ก็โดน “มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี กวาดต้อน ส.ส.กทม.ไปอยู่ในค่ายซึ่งๆ หน้า
ขณะที่ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ด้วยความที่มีดีกรีเลขาธิการพรรค อาจไปเสียบที่ รมว.ศึกษาฯ ส่วน “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ก็ลุ้นเก้าอี้ รมว.แรงงาน ไป
นี่เป็นเก้าอี้หลักๆ ที่ “กลุ่มก่อการ” กำลังมโนกันอยู่ ... แต่สุดท้ายแล้ว “ลุงตู่” จะปรับกันออกมาแบบไหน อีกไม่นานได้รู้กัน ว่าจะ New Normal หรือ Old Normal กันแน่
**ผีเห็นผี หรือว่านี่จะเป็น New Normalการเมืองปกติวิถีใหม่ เมื่อ "จอม”เหน็บ “care”โอกาสเชื่อมโยงแตะมือ “เผด็จการทหาร”สุดท้ายจะเป็นได้แค่ “แป้งเด็กแคร์”
เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab ของ จอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระที่ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความระบุ
“care-คิด เคลื่อนไทย - กลุ่มการเมืองใหม่ที่น่าจับตา แต่ถ้าถามว่าชวนตื่นเต้น เร้าใจต่อการสร้างพลังไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศมากน้อยแค่ไหน คำตอบคือ “เฉยๆ”
เพราะความตื่นเต้นที่จะได้เห็นนักการเมือง หรือกลุ่มการเมืองจุดชนวนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญนั้น ได้ถูกพิสูจน์มาแล้วว่า การเมืองภายใต้บริบทนี้ ยิ่งมากกลุ่ม มากพรรค มากแนวคิด มากอุดมการณ์ ก็ไม่อาจสร้างมวลชนให้ก่อพลังไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้มากเหมือนเช่นที่ผ่านมา และเป็นอยู่
หากเป็นกลุ่มที่คอยตรวจสอบ ท้วงติง ตั้งคำถาม ต่อกระบวนการแก้ปัญหา หรือพัฒนาประเทศของภาครัฐ รวมทั้งเสนอแนะเชิงนโยบาย แนวทางแก้ปัญหาแต่ละด้าน อันนี้อาจจะส่งผลได้มากกว่า
หรือหากเป็นกลุ่มการเมืองใหม่ที่หวังจะสร้างชาติด้วยพลังประชาชนโดยเชื่อมโยงแตะมือเข้ากับยุทธศาสตร์ทางการเมืองใหม่ ของเผด็จการทหารในขณะนี้ อันนี้ก็อาจจะหวังได้ว่า สุดท้ายก็กลายเป็นเพียง “แป้งเด็กแคร์”
วันก่อนกลุ่ม “care” เพิ่งจะจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยรู้กันว่าสมาชิกกลุ่มล้วนแล้วแต่เป็นเด็กในคาถาแม้วทักษิณ ชินวัตร ทั้ง “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี “หมอมิ้งค์” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย และ “เสี่ยเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล
ว่ากันว่า การจัดตั้งกลุ่มแคร์ขึ้นมาอย่างชนิดไม่แคร์ “หญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคเพื่อไทย แต่จุดประสงค์หลักเพราะ “แคร์ทักษิณ” มากกว่า
แน่นอนว่า การขับเคลื่อนการเมืองของแคร์ครั้งนี้ก็เพื่อทักษิณที่แม้จะหลบลี้หนีคดีอยู่ต่างแดน แต่รายงานสายตรงเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองยังต่อสายไปมาหาสู่กันอยู่ไม่ขาดตอน แถมจังหวะการก่อตั้ง และเปิดตัวถูกมองว่าผ่านการคิดวิเคราะห์แล้วว่า ช่วงนี้แหละเหมาะสมที่สุด เพราะเป็นช่วงการเมืองที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ ทั้งชุลมุน และก่อมรสุมให้เห็นว่า น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่จะนำไปสู่ “การเลือกตั้ง” ได้ในระยะเวลาไม่นาน
ฟังว่าสัญญาณจากปรากฏการณ์ที่พรรคพลังประชารัฐปล่อยออกมาว่า พร้อมจะมุ่งยุทธศาสตร์การเมืองเต็มสูบ พร้อมๆ กับคะแนนนิยมที่ตกลงอย่างหนักจากภาพขัดแย้ง “แย่งชามข้าวกัน” ของ พปชร. หรือพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ กำลังจะเดินตามรอย ก็ยิ่งเป็นโอกาสของฝ่ายทักษิณ
เมื่อเห็นว่าในวิกฤตย่อมมีโอกาส อะไรก็เกิดขึ้นได้ “ทักษิณ” ก็มองออกและมองไปทิศทางเดียวกันกลับกลุ่มอำนาจใหม่ใน พปชร. อย่าง “สองมิตร” สุริยะ จึงเรืองกิจ และ สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่มองเห็นเช่นกัน
เรียกว่า “ผีเห็นผี” ท่ามกลางวิกฤตพรรครัฐบาล แม้ตอนนี้เรื่องการจัดตั้งพรรคการเมืองของกลุ่มแคร์ จะยังไม่ชัดเจน แต่แกนนำกลุ่มอย่าง “อ้วน ภูมิธรรม” ก็ยอมรับว่าพรรคการเมืองเป็นบทบาทหลักในการแก้ปัญหา และ “อะไรก็เกิดขึ้นได้ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองไร้ความหวัง”
หากคำที่วา “อะไรก็เกิดขึ้นได้” โดยที่กลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมือง รีบฉกฉวย “วิกฤต” เป็น “โอกาส” เพราะเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองก็ทำได้ทุกอย่าง แม้แต่การจับขั้วอำนาจระหว่าง “ทหาร+นักการเมืองน้ำเน่า+ทักษิณ” สมการที่กำลังถูกพูดถึงกันหนักก็ไม่ใช่ว่าลือกันแบบลอยๆ เสียทีเดียว
อย่างที่ “จอม” ออกมาโพสต์ที่ว่า “หากแคร์เป็นกลุ่มการเมืองใหม่ที่หวังจะสร้างชาติ โดยเชื่อมโยงแตะมือเข้ากับยุทธศาสตร์ทางการเมืองใหม่ของเผด็จการทหารในขณะนี้..ก็คงจะเป็นได้แค่แป้งเด็กแคร์”
ฟังดูเหมือนเหน็บแหนม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!!
สงสารก็แต่ประชาชน เพิ่งโดนโควิดเล่นงานมาสาหัสสากรรจ์ มาเจอการเมืองแบบนี้ทั้งหดหู่ และไม่มีความหวังเอาซะเลย
หรือว่านี่คือ การเมืองปกติวิถีใหม่ New Normal ที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยากเห็น?