กมธ.ติดตามเงินกู้ สภาฯ ประชุมนัดแรก 18 มิ.ย. “สาทิตย์” เตรียมเสนอส่งหนังสือถึงรัฐบาลทบทวนกระบวนการเสนอโครงการเงินกู้ เปลี่ยนจากล่างขึ้นบน เป็นบนลงล่าง เหตุพิสูจน์แล้วได้แต่โครงการเบี้ยหัวแตก วงเงินทะลุ 8 แสนล้าน หวั่นไม่ตรงวัตถุประสงค์ ได้แต่โครงการเก่าปัดฝุ่นใหม่ สอดไส้สร้างถนนหมู่บ้าน อ้างพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เงินเข้ากระเป๋าผู้รับเหมา ชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์
วันนี้ (15 มิ.ย.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมาธิการศึกษาวิสามัญพิจารณา ติดตาม ตรวจสอบการใช้เงินตามพระราชกำหนด 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมาธิการฯ นัดแรกวันที่ 18 มิ.ย.นี้จะเสนอให้กรรมาธิการฯ ทำหนังสือถึงรัฐบาลให้ปรับปรุงกระบวนการเสนอโครงการขอใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาทใหม่ เพื่อให้ความเห็นเบื้องต้นก่อนที่จะมีการใช้เงินกู้ เพราะถ้าปล่อยไปแล้วเราจะทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากรอให้มีการดำเนินโครงการก่อน จึงต้องเสนอให้มีการทบทวนการก่อเกิดของนโยบายที่ไม่ตรงจุด เราเสนอให้ปรับได้ ส่วนรัฐบาลจะปรับหรือไม่เป็นเรื่องของรัฐบาล ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่าสิ่งที่ควรเปลี่ยนแปลงคือ การเสนอโครงการที่เป็นลักษณะล่างขึ้นบนทำให้เกิดปัญหาเสนอโครงการแบบเบี้ยหัวแตก ควรเปลี่ยนเป็นจากบนลงล่าง คือให้แต่ละกระทรวงกำหนดแผนงานที่ชัดเจนตามวัตถุประสงค์การใช้เงินกู้ แล้วกระจายโครงการลงท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการจ้างงาน และกระจายรายได้อย่างแท้จริง ทางแก้ในความเห็นตนคือรัฐบาลต้องคุยกันใหม่ให้ชัดว่า ต้องทำโครงการลักษณะท็อปดาวน์จากส่วนกลางแล้วให้หน่วยปฏิบัติ เช่น จังหวัด หรือ อำเภอ ไปดำเนินการ มีการระบุสเปกโครงการให้ชัด เช่น การจ้างงาน ซึ่งจะทำได้อย่างรวดเร็ว ตรงเป้า ทันเวลา มากกว่าการให้เสนอจากล่างขึ้นบนและกลายเป็นปัญหาเบี้ยหัวแตก และมีความกังวลว่างบจะซ้อนกัน เพราะมีการนำโครงการที่ไม่ผ่านในงบประมาณมาเสนอขอใช้ในเงินกู้ ซึ่งไม่ได้ตรงตามวัตถุประสงค์พิเศษที่มีการกู้เงินมา
“ถ้ารัฐบาลไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการ เงินกู้ 4 แสนล้านจะได้ผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างที่หวังไว้ และต้องไม่ลืมด้วยว่าเงินกู้มีภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายมากกว่างบประมาณปกติ จึงต้องตรงเป้าที่วางไว้เรื่องสร้างงาน สร้างรายได้ ผมถามว่าไปทำถนนสร้างงานให้ใคร ถ้าไม่ใช่ผู้รับเหมา เผลอๆ แรงงานไม่ใช่คนไทยแต่เป็นพม่าด้วย เท่ากับไม่ได้สร้างรายได้ให้ชาวบ้านแต่รายได้เข้ากระเป๋าผู้รับเหมา ตอนนี้มีการเสนอทำถนนในหมู่บ้าน อ้างทำเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแต่ในความเป็นจริง สร้างถนนในหมู่บ้านที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวไม่เคยรู้จักเลย อีกโครงการหนึ่งอ้างเกษตรก้าวหน้าแต่ขอเงินไปซื้อรถไถ เครื่องจักร ไม่ได้เสนอโครงการที่สร้างความรู้ใหม่ๆ ให้กับเกษตรกรเพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้” นายสาทิตย์กล่าว
นายสาทิตย์กล่าวด้วยว่า ข้อมูลจากเว็บไซต์ ThaiMe ของสภาพัฒน์ฯ สรุปถึง 12 มิถุนายน มีการเสนอโครงการมากถึง 34,263 โครงการ วงเงิน 841,269 ล้านบาท จะเป็นปัญหาในชั้นกรรมการกลั่นกรองว่าจะวางรูปแบบการกลั่นกรองอย่างไร เบื้องต้นทราบว่าจะตั้งอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาก็มีปัญหาว่า อนุตั้งตามอะไร เพราะมี 4 แผนงานแนบท้ายตามบัญชี พ.ร.ก. แต่ละแผนงานจะเอาใครไปกรอง เช่น ถ้าเอาส่วนราชการไปกรองแล้วมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรมหรือกระทรวงที่ตัวเองเสนองบประมาณด้วย โอกาสที่จะเกิดอคติในการกลั่นกรองงบก็เกิดขึ้นได้ และเกี่ยวพันกับเรื่องระยะเวลาด้วยเพราะมีเวลาน้อย แต่เงินจำเป็นต้องใช้เร็ว ไม่เช่นนั้นจะไม่เกิดผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเยียวยาปัญหา นอกจากนี้ ครม.จะทำอย่างไรเพราะอำนาจการอนุมัติเป็นของ ครม. แต่โอกาสที่ ครม.จะเห็นรายละเอียดทุกโครงการนั้นจะมีมากน้อยแค่ไหน ถ้าบัญชีเสนอมาเท่าไหร่ไปเท่านั้นจะเป็นปัญหาแน่นอน