“เจ๊หน่อย” เห็นด้วยนายกฯ ออกตัวไม่เก่ง ศก. แต่หากจริงใจฟื้นฟูประเทศ ให้ฟัง 3 ข้อเรียกร้อง พท. ให้ฝ่ายค้านร่วมตรวจสอบงบเยียวยาฟื้นฟู เพราะเงินก้อนนี้คือน้ำมันถังสุดท้าย ในการติดเครื่องยนต์ประเทศไทย หากใช้ผิดวัตถุประสงค์เกิดหายนะ
วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวว่า พรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมรับกับสื่อต่างประเทศ ว่า ตนเองไม่เก่งเรื่องเศรษฐกิจ แต่ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ มีความจริงใจในการเยียวยาและฟื้นฟูประเทศจากผลกระทบโควิดจริง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้ร่วมตรวจสอบการใช้งบประมาณมหาศาลในการเยียวยาและฟื้นฟูประเทศ มูลค่าหลายล้านล้านบาท เพราะเงินก้อนนี้ คือ “น้ำมันถังสุดท้าย ในการติดเครื่องยนต์ประเทศไทย” ก่อนประเทศจะเกิดหายนะ โดยพรรคเพื่อไทย มีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1. รัฐบาลต้องใช้เงินให้มีประสิทธิภาพ เพราะที่ผ่านมา 6 ปี รัฐบาลกู้เงินไปแล้วกว่า 2.6 ล้านล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งก่อนและหลังโควิด แต่ก็ล้มเหลวมาตลอด เพราะไม่มีวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจ 2. การใช้เงินต้องตรวจสอบได้ ดังนั้น ขอให้รัฐบาลสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.แก้ไข พ.ร.ก. 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อให้ฝ่ายค้านได้ติดตามตรวจสอบ การใช้งบประมาณตาม พ.ร.ก. 1.9 ล้านล้านบาท รวมทั้ง กม.อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาและฟื้นฟูประเทศ รวมทั้งขอให้สนับสนุนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณตาม พ.ร.ก. 1.9 ล้านล้านบาท 3. การใช้งบประมาณต้องปราศจากการทุจริต เพราะเริ่มมีกระแสข่าวแล้วว่า มีการแจกโควตางบประมาณให้นักการเมืองรายละ 80 ล้านบาท นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทย ยังข้องใจด้วยว่า เหตุใด ในการเสนอร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ.... ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของสภา ในสัปดาห์นี้ ทำไมถึงเสนอให้โอนงบประมาณ 2563 จำนวน 88,452,597,900 บาท ไปไว้ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในรูปของงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า งบกลาง ซึ่งจะทำให้นายกรัฐมนตรี มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจใช้จ่ายเงินเกือบ 9 หมื่นล้านบาท ทำไมจึงไม่โอนงบส่วนนี้ไปไว้หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุข เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ทำไมจึงจะโอนเงินเกือบ 9 หมื่นล้านบาทไปให้ นายกฯ ใช้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ไว้วางใจว่าจะมีการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเห็นจากความล้มเหลวในการใช้เงินของรัฐบาลที่ผ่านมา ตลอด 6 ปี ซึ่งหากครั้งนี้ รัฐบาลไม่สามารถแก้ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ภายใน 2-3 เดือนนี้ บ้านเมืองอาจเกิดหายนะ ตัวเลขคนตกงานอาจพุ่งสูงถึง 9-10 ล้านคน ไม่ใช่แค่ 7 ล้านคน อย่างที่คาดการณ์ไว้ เพราะรัฐบาลประยุทธ์ กู้เงินมหาศาล จนเกือบเต็มเพดานของกรอบวินัยการเงินการคลังแล้ว โดยในปีหน้า สัดส่วนของเงินกู้ จะอยู่ที่ 58% ของ GDP ประเทศ หากใช้เงินผิดพลาด ก็จะกู้ไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้น การใช้งบประมาณตาม พ.ร.ก. 1.9 ล้านล้านบาท ทั้ง 3 ฉบับ จึงสำคัญมาก เพราะนี่คือ “น้ำมันถังสุดท้าย ในการติดเครื่องยนต์ประเทศไทย” หากใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ บ้านเมืองจะเกิดหายนะ”