“จอมขวัญ” มั่นใจรัฐบาลใช้เงิน พ.ร.ก กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อ ปชช. แนะใช้งบพัฒนาแหล่งน้ำช่วยเกษตรกร ฝาก รบ.ดูแล “ชาวนาเกลือ-ชาวสวนผลไม้” ที่เดือดร้อนตั้งแต่ก่อนโควิด "บุญสิงห์" ยืนยันออก พ.ร.ก.3 ฉบับ ชอบด้วยกฎหมาย เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องดูแลสาธารณสุขประชาชน
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายถึงพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ที่เป็นกฎหมายกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทว่า ที่รัฐบาลจะใช้ในส่วน 5.55 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน โดยขอให้นำงบประมาณส่วนนี้ดูแลประชาชนให้ครบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ตกหล่นให้ทั่วถึง ส่วนแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท ก็ขอให้นำเงินส่วนนี้ มาดูแลเกษตรกรในลักษณะพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อส่งเสริมอาชีพเกษตรกร และได้รับข้อเรียกร้องเรียนจากชาวนาเกลือ บอกมาว่าราคาเกวียนละ 700 บาท ซึ่งอยู่กันไม่ได้ เดือดร้อนกันมาก่อนสถานการณ์โควิด-19 แล้ว และยิ่งช่วงนี้ได้รับผลกระทบไปตามๆ กันสวนผลไม้ก็ผลผลิตตกต่ำ จึงจะขอฝากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทุกคนพิจารณาด้วย แล้วย้ำว่าสภาผู้แทนราษฎรควรจะมีมติเห็นชอบพระราชกำหนดนี้เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนให้เร็วที่สุด
ด้าน นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ซึ่งสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 กระทบทั่วโลก แต่ประเทศไทยยังอยู่ได้ และนานาชาติให้การยอมรับว่ามีระบบสาธารณสุขที่ดี ซึ่งตอนแรกมีการคาดการณ์ว่าประเทศไทยอาจมีผู้ติดเชื้อหลักแสนหลักล้าน แต่ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อหลัก 3 พันคน เสียชีวิตแค่ 57 คน ขณะที่บางประเทศที่เจริญแล้ว ติดเชื้อเป็นล้านคน ตายเป็นหมื่น
นายบุญสิงห์ กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 47 และ 55 ว่าต้องดูแลด้านสาธารณสุขให้กับประชาชนให้ทั่วถึง และทำความเข้าใจว่าพระราชกำหนดมีเพียงฉบับเดียวที่กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ส่วนอีก 2 ฉบับใช้สภาพคล่องของธนาคารแห่งประเทศไทย ครอบคลุมการเยียวยาให้เกิดผลชัดเจนทันที ซึ่งจริงๆรัฐบาลอยากกู้เงินมากกว่านี้ แต่ต้องมีวินัยการเงินการคลังให้อยู่ในกรอบไม่เกินร้อยละ 60 ของเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งพระราชกำหนดทั้ง 3 ฉบับเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172.