ข่าวปนคน คนปนข่าว
**พลังประชารัฐกลายเป็นพลังประชาเละ! ด่ากันขรม พอ พ.ร.ก.กู้เงินผ่านปุ๊บ สันดานนักการเมืองเสือหิวก็โผล่ปั๊บ แต่ “ลุงตู่” เสียงแข็งไม่ปรับ ครม.เอาสิ งานนี้ฝันค้างไปตามๆ กัน
พลันที่ พ.ร.ก.กู้เงินผ่านสภา เมื่อวาน ผ่านมาแค่วันเดียว กลุ่มที่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่วันนี้เปิดหน้ากันชัดเจน มีกลุ่มวิรัช รัตนเศรษฐ กลุ่มสองมิตร สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมศักดิ์ เทพสุทิน กลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น กลุ่มณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เกาะกลุ่มกัน ก็เดินเกมที่ไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วทันที
เริ่มต้นที่ให้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม แกนนำกลุ่ม “สองมิตร” ออกมาปล่อยข่าวแว่วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในพรรค ให้ติดตามกันให้ดี
ตกบ่าย “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรค ก็จัดแถลงข่าวรับลูกตามสมศักดิ์ ว่า โดยได้รับแจ้งจากกรรมการบริหารพรรค 18 คน ขอลาออกโดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 63 เป็นต้นไป ทำให้กรรมการบริหารพรรคชุดเก่า 34 คน ที่มี “อุตตม สาวนายน” เป็นหัวหน้าพรรค “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาฯพรรคพ้นตำแหน่งหน้าที่ไปด้วย
ทันทีที่เรื่องนี้แพร่กระจายไปตามสื่อ สังคมก็วิพากษ์วิจารณ์กันกว้างขวาง จากพรรคพลังประชารัฐ ก็กลายเป็นพลังประชาเละ !!
ที่ว่าเละ เพราะส่วนใหญ่มองว่าไม่ใช่เวลาที่กลุ่มที่เคลื่อนไหวล้มโต๊ะอยากมีอำนาจในพรรค พปชร. จะมาทำอะไรแบบนี้ เพราะประชาชนก็ยังทุกข์ระทมจากโควิด-19
นี่อะไรกัน พ.ร.ก.กู้เงิน ก็เพิ่งจะผ่านสภา ผ่านปุ๊บสันดานนักการเมือง “เสือหิว” ก็โผล่ออกมาเล่นการเมืองแบบหน้าด้านๆ ปั๊บ
กลิ่นเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ คงเย้ายวนเกินไป ! จนทนไม่ไหวต้องยึดพรรคทำตามใจกลุ่มตัวเองให้ได้เท่านั้น ไม่สน ส.ส.ในพรรคอีกจำนวนมาก อะไรที่ควรทำให้ประชาชนก่อน ก็ไม่มีความหมาย
ผลที่ตามมาที่กลุ่มนักการเมืองฝ่าย “เสือหิว” พวกนี้จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตามว่าตัวเองได้ทำให้ “พรรคพลังประชารัฐ” เละเป็นโจ๊กไปแล้วในสายตาของสังคม ที่เขาว่า “ห่วงแต่แย่งชามข้าว” ไม่เห็นหัวประชาชนยิ่งเห็นภาพชัดเจนขึ้น
แถมข้ออ้างที่ว่าเมื่อทำการเปลี่ยนหัวหน้าพรรค กำจัด “กลุ่ม 4 กุมาร” ลงได้จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ แต่คิดหรือไม่ว่า กลับจะเป็นตัวเร่งให้ “รัฐบาลลุงตู่” ไปถึงจุดจบเร็วขึ้นมากกว่า
แน่นอนว่า ความพยายามของฝ่ายนี้ซึ่งเดินเกมให้กรรมการบริหารพรรคลาออก มีมานานจนพัฒนากลายเป็นไปสร้างความขัดแย้งภายในพรรคที่ไม่เห็นด้วย ที่จะเปลี่ยนแปลงในช่วงบ้านเมืองอยู่ในสภาพนี้ ฟาดงวงฟาดงา อวดศักดาส่งกำลังออกมาท้าทายคนในพรรคให้มา “วัดกัน” ก็เห็นๆ กันมาแล้ว
ขณะที่ “อุตตม-สนธิรัตน์” เห็นว่า กก.บห. ลาออกเป็นสิทธิสามารถทำได้ แต่ตามหลักก็ควรจะให้ ส.ส.พปชร. ทั้งพรรค ร่วมตัดสินใจ และยืนยันว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม พรรคควรทำเพื่อประชาชนก่อน
เกมกรรมการบริหารพรรคเป็นแค่แผนขั้นแรก จริงๆ แล้ว คือ การ “มัดมือชกลุงตู่” เพื่อบีบให้ปรับ ครม. โดยที่จะได้อำนาจต่อรองขอตำแหน่งรัฐมนตรีกัน
แต่สิ่งที่คนกลุ่มนี้คิด จะเป็นไปได้หรือไม่ มีแต่ “ลุงตู่” เท่านั้นที่จะให้คำตอบ !!
ต้องไม่ลืมว่า การปรับ ครม.ขึ้นอยู่กับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม คนเดียว ... ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรรค พปชร.
ฟังว่า เมื่อวานทันทีที่มีเรื่องในพรรค พปชร. ก็มีนักข่าวตามถามนายกฯ และคำตอบที่ได้ คือ การปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคใหม่ ก็เป็นเรื่องของพรรคไม่ใช่หรือ ต้องมีการเลือกกันใหม่
เมื่อถามย้ำว่า ส่งผลให้ต้องมีการปรับ ครม.เลยหรือไม่ ลุงตู่ บอกเลย “ไม่เกี่ยวกับผมสักอัน เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ผมจะพิจารณาเรื่องการปรับ ครม. ด้วยตนเอง แต่ถึงวาระจำเป็นที่ต้องปรับหรือยัง เป็นเรื่องของผม ตอนนี้ยังไม่มี ยังไม่ตอบ ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะคิดเรื่องนี้ เข้าใจไหม พูดหลายทีแล้วไม่ใช่ หรือ วันนี้ประชาชนเดือดร้อนอยู่มากมายมหาศาล”
ช้าๆ ชัดๆ จากปากลุงตู่ ครม.เป็นเรื่องของนายกฯ ตอนนี้ไม่ปรับ และไม่ถึงเวลา อย่างนี้คงต้องบอกว่า กลุ่มก๊วนทำพลังประชารัฐเป็นพลังประชาเละ ฝันค้างเลยมั้ย ?
มโนฝันเป็นรัฐมนตรี “คุมงบ 4 แสนล้าน” เจอลุงตู่สวนกลับ และยังแว่วว่า รายชื่อกรรมการบริหารพรรคที่ลาออกก็ไม่รู้ของจริงทั้งหมด 18 คนหรือไม่ ? หรือ แอบอ้างชื่อเขาเอามาใส่ให้ครบๆ ตามแผน หากมีคนโวยวายขึ้นมานี่เป็นเรื่องที่ดูไม่จืดละงานนี้
จับตาดูกันให้ดีๆ คดีมีสิทธิ์พลิกได้ !!
**“สุริยะ” หมายมั่นปั้นมือดูพลังงาน หวังสูง ลงทุนสูง แถมออกตัวแรงในเกมยึดพรรค พปชร. อกหักมาน่าจะเจ็บหนักสุดกว่าใคร
ว่าด้วยเกมปฏิวัติจ้องล้มอำนาจภายในพรรคพลังประชารัฐ ต้องบอกว่า กลุ่ม “สองมิตร” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ สมศักดิ์ เทพสุทิน ออกตัวแรงแบบชนิดที่ว่า พกความมั่นใจมาเต็มพิกัด
โดยเฉพาะพี่ใหญ่ “สุริยะ” จากตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม หมายมั่นปั้นมือจะอัปเกรดขึ้นไปคุมกระทรวงพลังงาน แทนที่ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว. คนปัจจุบัน
ว่ากันว่า เพื่อให้ได้ในตำแหน่งที่ต้องการ “สุริยะ” ไม่เพียงนำ ส.ส.ในคอกที่มี 20คน ตีจากมิตรเดิมหันไปจูบปากจับมือกับกลุ่มร่วมผลประโยชน์ใหม่อย่างกลุ่มของ “วิรัช รัตนเศรษฐ-สันติ พร้อมพัฒน์-ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” เพื่อลงเรือลำเดียวกัน หันหัวเรือบ่ายหน้าตามล่าหาขุมทรัพย์งบฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้าน
ด้วยงบประมาณมหาศาลแถมด้วยเก้าอี้ รมว. ที่ดูดี เป็นใครก็คงทนความเย้ายวนไม่ได้ ต่อให้เป็นนักการเมืองรุ่นเก๋าแค่ไหนก็ตาม
ฟังว่า ข้อเสนอและเงื่อนไขหลังการเปลี่ยนแปลงอำนาจการบริหารในพรรคเรียบร้อยลงเมื่อไหร่ สิ่งที่ “สุริยะ” วาดหวังไว้สูงก็จะตามมา ... จึงไม่แปลกที่สุริยะ เมื่อถูกชักชวนให้มาร่วมกับกลุ่มที่เตรียมก่อการไว้พร้อม มาทีหลังจึงยอมที่จะต้องออกตัวให้แรง ลงทุนก็ต้องสูงซื้อใจกับกลุ่มก่อการด้วย
ระยะหลังก่อนและวันรัฐประหารของ พปชร. เมื่อวาน “สองมิตร” ถูกดันมาอยู่เป็นทัพหน้า ทั้งเคลื่อนไหววัดกำลัง จัดทัพเชิดชูหัวหน้าพรรคคนใหม่ รวมถึงให้ “สมศักดิ์” เล่นบทถนัด “ออกแขก” เรียกความฮือฮาปลุกเร้าคนดูก่อนจะมีข่าวกรรมการบริหารพรรค18 คนขอลาออก
เรียกว่างานนี้ประกาศให้รู้กันไปไม่ใช่เฉพาะในพรรค พปชร. ทุกอย่างที่มาถึงจุดเกมยึดอำนาจพรรคได้นั้นเพราะฝีมือ สุริยะ และกลุ่มสองมิตร
กลุ่มแกนหลักที่ติ๊ดชึ่งมาก่อนหน้าทำไม่สำเร็จถ้าไม่มี “สุริยะและพวก” ก็ยากจะทำได้ หมากเกมนี้เคยใช้ได้ผลเมื่อตอนพลังประชารัฐ คิดสร้างพรรคลงสู้ศึกเลือกตั้งมาแล้ว ... สุดท้ายหนังม้วนเก่าก็วนกลับมาแล้วเมื่องานลุล่วง ขั้วที่สุริยะเลือกที่คิดว่าใช่ เมื่อเป็นฝ่ายชนะก็ย่อมบีบให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมปรับ ครม. ตามสูตร
เห็นว่า “สุริยะ” เก่งเรื่องการคำนวณตัวเลข และเก๋าเกมในทางการเมือง อาจจะมองว่าตัวเองผ่านศึกสงครามมาเยอะ ตั้งแต่การรับใช้ “ทักษิณ ชินวัตร” มาจนถึง ยุคลุงตู่ ก็ไม่เกรงว่าจะผิดพลาดหรืออกหัก
แต่สุริยะคงลืมไปว่า ระหว่างทักษิณกับลุงตู่ นั้นแตกต่าง !
ที่สำคัญ เลือกตั้งที่พลังประชารัฐได้จัดตั้งเป็นรัฐบาล คนเขาเลือกเพราะอยากได้ “ลุงตู่” เป็นนายกฯ ไม่ได้เลือกเพราะรักและศรัทธา “สุริยะและพวก”
เห็นๆ กันว่า วันนี้มีสิทธิ์ที่กลุ่ม ส.ส.พปชร. ที่ร่วมเคลื่อนไหวก่อการปฏิวัติพรรค จะ “ฝันค้าง” สิ่งที่ทำกันมาประชาชนด่ากันขรม รวมถึง ส.ส.น้ำดีในพรรค ก็อิดหนาระอาใจกับพฤติกรรมที่ทำให้พรรคถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม เสื่อมศรัทธา เพราะเล่นการเมืองเอาแต่ผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก
สุริยะและพวกชนะแต่พรรคแพ้ จะมีประโยชน์อะไร !!
และโอกาสที่จะปรับ ครม.ในเร็ววันนี้ ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะ “ลุงตู่” ก็พูดชัด การช่วยเหลือประชาชนต้องมาก่อน ไม่มีปรับครม.ตอนนี้ และเป็นเรื่องของลุงตู่คนเดียวที่จะตัดสินใจ ไม่ใช่ให้พวกมากเอาพรรคมาบีบ
เชื่อกันว่า ถ้ารูปการณ์ออกมาแบบนี้ ไม่แคล้วสิ่งที่กลุ่มก่อการจะต้องรอปรับ ครม.กันต่อไป ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ และ ลุงตู่ จะเลือกหรือไม่
เผลอๆ รอกันจน “ตายยกก๊วน” ก็ไม่ได้สิ่งที่หวังทั้งเรื่องคุมงบฯ ทั้งเก้าอี้รัฐมนตรีตัวใหญ่
ไอ้ที่ “สุริยะ” ทำออกมา ทั้งที่ออกตัวแรง หวังสูง ลงทุนไว้สูง ก็น่าจะมอดม้วยไปด้วยประการฉะนี้
แน่นอนงานนี้ “สุริยะ” คือ คนที่จะเจ็บหนักกว่าใคร