xs
xsm
sm
md
lg

กิเลสการเมือง! “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ชี้รื้อบ้าน “พปชร.” แพลมชื่อบางคน “ยี้สุดๆ” ดร.เสรี จวก “ไม่เห็นหัวลุงตู่”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากแฟ้ม
“อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ชี้ ส.ส.พรรคร้อยพ่อพันแม่ “พปชร.” ออกลาย อยู่ดีไม่ว่าดี รื้อบ้านตัวเอง เบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง “แพลมชื่อ” บางคนออกมา “ยี้สุดๆ” ด้าน “ดร.เสรี” จวก แย่งอำนาจไม่เห็นหัว “ลุงตู่”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (2 มิ.ย. 63) เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ของ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์หัวข้อ “วังน้ำวน”

โดยระบุว่า “ตามทฤษฎีการเมืองของฝรั่งตะวันตก บอกเราว่า พรรคการเมืองเป็นที่รวมของตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มพลังทางการเมือง ตัวแทนของชนชั้นและกลุ่มอาชีพ

พอมาถึงเมืองไทย พรรคการเมืองกลายเป็นพรรคของนายใหญ่ หลงจู้ เสี่ย เฒ่าแก่ เมื่อหัวหน้าพรรค ตาย หายหัว พรรคก็จะกลายเป็นผีตายซาก หรือผีหัวขาด ไปไม่เป็น เหมือนเรือขาดหางเสือ

พรรคที่อ้างตัวเป็นของคนรุ่นใหม่ มีแต่เรื่องวุ่นๆ กับเงินๆ ทองๆ โม้ว่ามีคนติดต่อซื้อหัว 120 มีการติดต่อให้เงินหัวละ 80 แลกพ.ร.ก.กู้เงิน สุดท้ายอดีตนายท้ายเรือระดมเงินมาได้ 7 ล้านแจกเงินคน แต่ยังไม่เคยแถลงบัญชี น่าผิดหวัง มีแต่เรื่องให้คนไทยเป็นห่วงสถาบัน

อีกพรรคหนึ่ง ไม่เคยคิดอะไรเอง ทำนโยบายตามที่คนอื่นคิดให้ สุดท้ายทำท่าว่า พรรคจะแตก เพราะน้ากับเจ้ไม่มีใครยอมใคร หัวหน้าเป็นเจว็ดไม่มีใครสนใจ นายใหญ่เบื่ออยากหาของเล่นใหม่

สุดท้ายพรรคที่น่าจะสบายตัว ดื่มด่ำความสำเร็จจากการจัดการโควิดอยู่หมัด ความสำเร็จจากการแจกเงินเยียวยาคนเกือบ 40 ล้านคน สร้างประวัติศาสตร์การแจกเงินที่ทุกเม็ดเงินถึงมือชาวบ้านไม่ตกหล่น

แต่อยู่ดีไม่ว่าดี รื้อบ้านตัวเอง ไล่เจ้าบ้าน พรรคร้อยพ่อพันแม่มายืนจุดนี้ เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล ไม่รู้ตัวหรือ
ว่า มีวันนี้ได้ เพราะคนเลือกลุงตู่ ไม่ใช่เลือกพรรค ชื่อที่แพลมออกมา ยี้สุดๆ นึกว่าตัวเองเป็นดาวฤกษ์หรือไง

ถ้าลุงตู่บอกว่า พอ ไม่เอาแล้ว จะมีอะไรเป็นจุดขาย วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ทำไมต้องทำอะไรให้วุ่นวาย

นี่คือ เสียงที่เคยเรียกร้องให้ปฏิรูปการเมืองก่อนจะเลือกตั้ง หรือระบบเลือกตั้งไม่เหมาะกับคนไทย คนแบบนี้จึงเข้าสู่การเมืองไม่ขาดสาย
วนไปวนมา มีแต่น้ำเน่า”

ขณะเดียวกัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด ก็โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่องเดียวกันว่า

“กินอิ่มแล้วว่างมาก ไม่มีอะไรทำแล้วหรือ ถึงออกมาแสดงให้ชาวบ้านเห็นว่า พรรคมีความแตกแยก ช่วงชิงอำนาจ (สู่ผลประโยชน์?)

รู้ตัวบ้างไหมว่า ชนะเลือกตั้งเพราะอะไร ได้เป็นรัฐบาลเพราะอะไร สำคัญผิดคิดว่าตัวเองมีแสงในตัวกระนั้นหรือ ลองใช้สมองตรองดูให้ดีเถิด

ประชาชนเขาจำใจเลือกบางคนทั้งๆ ที่ไม่อยากจะเลือก เพราะเขาต้องการให้ลุงตู่เป็นนายกฯ แล้วพวกคุณจึงได้ตำแหน่งรัฐมนตรี และทำให้ ครม. ของลุงตู่ไม่สง่างาม เพราะมีคุณบางคนได้ตำแหน่ง

การที่คุณขัดแย้งกันนี่ คุณมองไม่เห็นหัวลุงตู่เลยหรือ คุณไม่มีความเกรงใจลุงตู่เลยแม้แต่น้อย

นอกจากพวกคุณจะทำสิ่งที่ไม่ควรทำแล้ว คุณยังไม่รู้กาลเทศะด้วยนะ เวลาลุงตู่กำลังเหนื่อยกับการทำงานร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ต่อสู้กับโควิด และต้องปรึกษาเจ้าสัวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแซะ แขวะ ด่า หาเรื่องของฝ่ายค้าน แล้วคุณจะสร้างปัญหาให้รัฐบาลให้นายกฯปวดหัวทำไม

คุณเคยเอาตาดู ใช้หูฟังบ้างไหมว่า ประชาชนเขาเอือมระอานักการเมืองแค่ไหน จริงอยู่นักการเมืองที่เป็นคนเก่งคนดีพอมีอยู่ แต่นักการเมืองขี้โกง เล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์มีมากเหลือเกิน และส่วนมากกระสันที่จะเป็นรัฐมนตรี โดยไม่ประเมินความสามารถของตนเลย

ลองใช้เวลาที่อยู่บ้านเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด คิดกำจัดเชื้ออะไรบางอย่างที่ทำให้พวกคุณทำสิ่งที่ประชาชนมองว่า “ชั่ว” ให้หมดจากความคิดของพวกคุณสักหน่อยดีไหมคะ เผื่อจะคิดได้ และทำสิ่งที่เหมาะที่ควร

พฤติกรรมของพวกคุณตอนนี้ทำให้คนเกลียดนักการเมืองแล้วไม่อยากเลือกตั้งค่ะ ถ้าพวกเราไม่อยากให้มีเลือกตั้ง อย่าหาว่า เรานิยมเผด็จการนะคะ เราอยากได้คนเก่งมาเป็นรัฐมนตรีบริหารประเทศค่ะ ไม่ใช่พวกคุณที่แสดงอาการมองหาผลประโยชน์”

ภาพ พรรคพลังประชารัฐ ช่วงที่ยังชื่นมื่น จากแฟ้ม
ทั้งนี้ เนื่องมาจากกรณีกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ 18 คน ลาออก จนเป็นผลให้กรรมการบริหารพรรคทั้งชุดสิ้นสภาพ รวมทั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค และต้องมีการเลือก กก.บห.ชุดใหม่ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ 1 มิ.ย.

เรื่องนี้ชัดเจนว่า มีความเคลื่อนไหวของ ส.ส.บางกลุ่ม ต้องการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค จาก นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน มาเป็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ขณะนี้ดำรงตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค รวมทั้งตำแหน่งเลขาธิการพรรค ของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ก็มีการวางตัวคนเอาไว้แล้วหลายคน ซึ่งทั้งคู่เป็นคนในสายของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี

อะไรไม่สำคัญเท่ากับ นายสมคิด เป็นคนที่ “บิ๊กตู่” เลือกเข้ามาทำงาน ขณะที่ “บิ๊กป้อม” เป็นพี่ที่ “บิ๊กตู่” เคารพที่สุด

จึงไม่แปลก ที่ นายสมคิด จะตอบคำถามผู้สื่อข่าว ที่ถามว่า ได้แนะนำอะไรหรือไม่ ว่า ตนไม่ได้แนะนำ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กับตน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองอยู่แล้ว เพียงแต่ตนต้องการอยากให้กำลังใจคนทำงาน (อันน่าจะหมายถึง นายอุตตม และ นายสนธิรัตน์) เพราะที่ผ่านมา ทุกคนก็ทำงานหนัก วันนี้ พ.ร.ก.ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก็ผ่านสภาเรียบร้อย เงินช่วยเหลือก็ไปถึงพี่น้องประชาชนแล้ว

“วันข้างหน้ายังมีอุปสรรคอีกเยอะ อยากให้คิดถึงตรงนี้ให้มากๆ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า อะไรกัน”

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายสมคิดพูดจบ ประโยคนี้ได้พูดถามสื่อว่า “เบื่อมั้ย” ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะถามต่อว่า แล้วอย่างนี้จะทำงานด้วยกันต่อได้หรือไม่ นายสมคิด ยิ้มก่อนตอบว่า “ผมไม่ทราบในเรื่องนี้ ผมไม่ได้บ่นแค่ถามว่าเบื่อมั้ย”

ส่วนถามว่า การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้านเศรษฐกิจ จะส่งผลต่อการปรับครม.ด้านนี้หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า “ไม่รู้ สื่อถามเองก็ต้องคิดเอง” เมื่อถามย้ำ ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงและเกี่ยวข้องกับนายอุตตม ท่านจะยังทำงานใน ครม.นี้ต่อไปหรือไม่ นายสมคิด ตอบว่า “เหตุการณ์ข้างหน้ายังมาไม่ถึง ซึ่งถามยากมาก”...

แน่นอน, ประเด็นที่จะต้องจับตามองต่อไป ก็คือ ใครจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ จะ “ยี้สุดๆ” หรือดีเลิศประเสริฐศรี ก็คงจะได้เห็นกัน

นอกจากนี้ เมื่อโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เปลี่ยนแปลงไป ก็เท่ากับว่า โครงสร้างอำนาจภายในพรรคก็จะต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย ใคร กลุ่มไหนจะได้เข้ามากุมบังเหียนพรรค ก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ และจะส่งผลต่อการปรับ ครม.ด้วยหรือไม่ ปรับอย่างไร ล้วนแต่น่าจับตามองอย่างสูง

เหนืออื่นใด พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล “ลงตู่” ดังนั้น ผลจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ก็อย่างที่ “อดีตรองผอ.ข่าวกรองแห่งชาติ” และ ดร.เสรี ชี้ให้เห็น หากเป็นไปเพื่ออนาคตของพรรคอย่างแท้จริง ก็ดีไป แต่หากเป็นไปเพื่อแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจภายในพรรค และเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เป็นหลัก นอกจากพรรคจะเสื่อมศรัทธาจนไม่เหลืออะไรแล้ว รัฐบาล “ลุงตู่” ก็พลอยจะอยู่ไม่ได้ตามไปด้วย ไม่เชื่อคอยดู!


กำลังโหลดความคิดเห็น