ข่าวปนคน คนปนข่าว
**อหังการ “วิรัช-สันติ” โวจับมือคุมงบฯฟื้นฟู 4 แสนล้านเอง ถูกปูดกลางสภา กันให้ ส.ส.ในก๊วนหัวละ 80 ล้าน แลกไม่แตกแถวหนุนเกมการเมืองใน พปชร. งานนี้ “ลุงตู่” จะเอาอยู่มั้ย?!!
การอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงินที่เพิ่งผ่านไป มีไฮไลต์ที่น่าสนใจยิ่ง เมื่อ “พิจารณ์ เชาวัฒนวงศ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายตอนหนึ่งระบุว่า งบ 4 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจได้กันไว้ให้ ส.ส.คนละ 80 ล้านบาท ผ่านทางจังหวัด โดย ส.ส.เข้าไปชี้กำหนดว่า 80 ล้านบาท จะนำไปใช้ในโครงการอะไร นำมาซึ่งเงินทอน หัวคิว และเอื้อผลประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง
งานนี้กลับกลายเป็นว่า “งบ 4 แสนล้าน” ที่รัฐบาลบอกว่าจะนำไปสร้างความยั่งยืน สร้างงานให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น จะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ จะไม่ใช่โครงการของประชาชน แต่จะสร้างความมั่นคง สร้างความยั่งยืนให้แก่นักการเมือง และ ส.ส.บางกลุ่ม ส.ส.ก้าวไกล ยังระบุ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ จะปฏิเสธไม่รู้เห็นไม่ได้ เพราะจะเป็นการบ่อนทำลายประเทศ เพราะนำงบประมาณของแผ่นดินไปใช้ทางการเมือง ปิดปาก ส.ส. ให้ ส.ส.อยู่ในแถวตามที่ท่านต้องการ และทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ
แว่วว่า ข้อมูลที่ ส.ส.ก้าวไกล ใช้อภิปราย มาจากการสืบทราบข่าววงในประชุม ส.ส.กลุ่มของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” และกลุ่มที่ต้องการอำนาจในพรรค และเรียกร้องปรับ ครม.เช่น กลุ่มสองมิตร กลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี กลุ่มสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (26 พ.ค.) ซึ่งว่าการประชุมวันนั้น “วิรัช” นั่งหัวโต๊ะ ได้ร่วมกับ “สันติ” ประกาศกลางวงที่ประชุม ว่า จะเป็นผู้ดูแลจัดการงบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้าน ด้วยตัวเอง ขอให้ ส.ส.ที่อยู่ในกลุ่มไปคิดมาว่าจะเสนอโครงการอะไร โดยจะกันงบไว้ดูแล “80 ล้านบาทต่อคน”
ฟังว่า “วิรัช” มักเรียกประชุม ส.ส.พปชร. ลักษณะนี้บ่อยครั้ง นัยหนึ่งเพื่อ “วัดกำลัง” ส่งสัญญาณสร้างภาพไปถึงผู้ใหญ่ในพรรค และนัยหนึ่งส่งถึง ส.ส.ในกลุ่ม และพันธมิตร ที่มักจะมีคำมั่นสัญญาว่าจะให้ภายหลังการเปลี่ยนแปลง จนคนภายในพรรคพปชร. ติติงว่า ทำเกินหน้าที่ประธานวิปรัฐบาล เพราะการเรียกประชุม ส.ส.ของพรรค เป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรค
นอกจากนี้ คนในพรรคยังมีการวิเคราะห์ถึงอนาคตของ “วิรัช” ที่ขณะนี้คดีทุจริตจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอล จ.นครราชสีมา งวดเข้ามาทุกที โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาสำนวนของคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการ กับ ป.ป.ช. ซึ่งหากมีการสั่งฟ้องและศาลฎีกาฯ รับฟ้อง วิรัช รวมถึง นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา ซึ่งเป็นภรรยาวิรัช และ นางทัศนาพร เกษเมธีการุน ส.ส.นครราชสีมา ซึ่งเป็นน้องสาวนางทัศนียา ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลในคดีเดียวกัน จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และมีผลต่อตำแหน่งประธานวิปรัฐบาลด้วย ก็ไม่ควรจะ “เล่นใหญ่” อะไรขนาดนี้
ก็ไม่รู้ว่า เสียงลือเสียงเล่าอ้างลอยไปเข้าหูพรรคฝ่ายค้าน จน ส.ส.พรรคก้าวไกล จับประเด็นขึ้นมาอภิปรายได้อย่างไร ?
น่าคิดต่อว่า “หากไม่มีมูลหมาก็คงไม่ขี้” หรือ ถ้าเป็นจริง งานนี้ต้องถือว่าเป็นความอหังการของคนกลุ่มนี้... น่าเป็นห่วง “ลุงตู่” จะเอาอยู่หรือไม่ จะต้องรับศึกหลายด้าน
ไหนจะศึกภายในพลังประชารัฐ ฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนแปลง อยากปรับ ครม. ถึงขั้นเอางบ 4 แสนล้าน มาใช้ประโยชน์ทางการเมืองฝ่ายตนเพียงเพื่อแลกกับการไม่แตกแถว สร้างความหวังให้ ส.ส.กลุ่มก๊วนตัวเอง ไม่เห็นหัวประชาชนที่เดือดร้อนทุกข์ยาก ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ในขณะนี้
ไหนจะพอเรื่องนี้แพร่ออกไป กลายเป็นเรื่องไปแคนนอนถึง “พรรคร่วมรัฐบาล” ซึ่งเป็นที่มาเบื้องหลัง “ภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์” เห็นด้วยให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ ขึ้นมาตรวจสอบการใช้งบโควิด-19 และยังถามหาธรรมาภิบาลของ “ลุงตู่” แบบที่โดยมารยาทพรรคร่วม ก็ไม่ควรสงสัย
ที่แน่ๆ ผลงาน “วิรัช-สันติ” สวมบทป๋า สปอร์ต ใจดี คุยโว มี 4 แสนล้านในมือ คุมเอง จัดเอง หลอกล่อ ส.ส.ในกลุ่มเพื่ออำนาจวาสนาของตนครั้งนี้ ถ้าไม่เคลียร์ จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน “กองหนุนลุงตู่” อย่างชนิดที่ทำมาดีๆ ในเรื่องสู้ภัยโควิด-19 จะอันตรธานหายไป ไม่มีอะไรเหลือ อุปมาไม่ต่างอะไรกับเชื้อโรคร้ายทำลายปอด
ลำดับต่อไป ...ศรัทธารัฐบาลก็จะเจริญลงฮวบๆ แน่งานนี้
**วัดกำลัง “สองมิตร” มา 20 แต่เบ่งกล้ามคับพรรค! ต้องกระอักเจอของจริง “สนธิรัตน์” แพ็ก “ธรรมนัส” จัดทัพ 60 ส.ส.หนุน “อุตตม”
หลังผ่านพ้นการลงมติเรื่อง พ.ร.ก.เกี่ยวกับการกู้เงิน 3 ฉบับในสภา ว่ากันว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ เป็นต้นไป เรื่องการเมืองภายในของพรรคพลังประชารัฐ จะเดือดระอุ ทะลุปรอทแตกอีกรอบ
ศึกครั้งนี้คาดกันว่า จะห้ำหั่นถึงขั้น “แตกหัก” ทั้งการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าพรรค โดยจะเป็นนัดชี้ชะตาของแต่ละกลุ่ม-ก๊กสมาชิก พปชร. กันไปเลยทีเดียว
ต้องบอกว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายที่ต้องการ “ชิงอำนาจ” อยากได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ตั้งแต่ก่อการเคลื่อนไหวก็ทำทุกท่า ทั้งปล่อยข่าว ยุยง เป็นระลอกมาเรื่อยๆ เพื่อดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม ขณะเดียวกัน ก็วิ่งเข้าหาล้อมหน้าล้อมหลังผู้มากบารมีของพรรค อวดอ้างขุมกำลังฝ่ายตน กดดันให้เปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าพรรค ซึ่งมีเก้าอี้ใน ครม.เป็นเดิมพัน
วันก่อนระหว่างการประชุมสภาเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.เกี่ยวกับการกู้เงิน 3 ฉบับ ข้างฝ่ายนี้ ก็ใช้โอกาสอวดโอ่ แสดงแสนยานุภาพ “วัดกำลัง” โชว์ ทำนองว่า กลุ่มข้ามี ส.ส.จำนวนเท่านี้ เท่านั้น ตามนิสัยนักการเมืองเก่าเก่งคำนวณคณิตศาสตร์ เพื่อยื่นต่อรองขอเก้าอี้รัฐมนตรีตามสูตร
ว่ากันว่า กลุ่ม ส.ส.ใน พปชร.119 คนนั้น แบ่งออกเป็น “กว่า 9 กลุ่ม” ต่างก็เคลม “เบ่งกล้าม” กันเป็นส่วนใหญ่ แต่ล่าสุดแท้จริงแล้วตัวเลขจำนวนสมาชิกโดยที่เป็นกำลังจริงๆ ของแต่ละกลุ่มมีเท่าไหร่ คนภายนอกดูไม่ค่อยออก
ก๊วนสามมิตรเดิมที่เหลือเป็น “สองมิตร” ที่นำโดย “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ก็เช่นกัน ว่ากันว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค. มีข่าว “ตบเท้า” แสดงพลังด้วยการเข้าพบ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และประธานยุทธศาสตร์ พปชร.
ฟังว่า สองมิตร “สุริยะ-สมศักดิ์” หน้าตาปลาบปลื้มยืนดีด้วยคิดว่า ส.ส.ที่มาด้วยราว 20 คน หากคนภายนอกเมื่อมองเห็นวัดกำลังแล้วก็น่าจะทรงพลัง แต่ปรากฏว่า เมื่อเทียบกับ “ตัวเลขเคลม” ก่อนหน้า รวมถึงคนในพรรค พปชร.เองที่รู้ไส้รู้พุงดี ต้องบอกว่า...ไม่สมราคาคุย !!
นั่นเพราะ ก่อนจะเข้าพรรค ก่อนเลือกตั้ง “สองมิตร” เคยบอกว่ามีตัวเลข ส.ส.ในมือกว่า 100 คน แต่ตอนนัดรวมพลกินข้าวที่โรงแรมกลางเมือง เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ยังว่ากันที่หลัก 40-50 คนอยู่เลย แต่วันนี้เหลือแค่แตะๆ 20 กว่าคน
จำนวน ส.ส.ที่น้อยลงของ “สองมิตร” ครั้งนี้ถึงกับเปรียบเปรยกันว่า กลุ่มสองมิตรหมดลาย สิ้นมนต์ขลังไปแล้ว !!
แว่วว่า กำลัง 20 คน ยังต้องโทร.ตามจิกกันนาทีต่อนาที ที่เหลือจะลากกันไปต่ออย่างไร ? นั่นเป็นคำถามของคนในพรรค เพราะ “สุริยะ” คาดหวังไว้สูงกับการตีจาก “กลุ่ม 4 กุมาร” เข้าร่วมก่อการกับกลุ่มของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” และ “กลุ่มณัฎฐพล ทีปสุวรรณ” โดยเชื่อว่า เมื่อเปลี่ยนแปลงพรรคแล้วเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค ตัวเองและก๊วน จะได้อัปเกรดเป็นเจ้ากระทรวงเกรดดีกว่าที่เป็นอยู่ที่อุตสาหกรรม ในปัจจุบัน
ขณะที่ “สองมิตร” หลงใหลได้ปลื้ม ที่รัฐสภาเมื่อวานพลันมีข่าว “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำพรรค ได้รวมกลุ่ม ส.ส. 60 คน ของพรรคพลังประชารัฐ ให้กำลังใจ “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง และหัวหน้าพรรค พปชร. เพื่อให้ทำหน้าที่ในการดูแลงบประมาณและเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 และสนับสนุนให้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต่อไป
งานนี้จึงถูกเปรียบเทียบวัดกำลังกันให้เห็นๆ กันจะจะ ใครของจริง ใครแค่เบ่งกล้าม ?
กลุ่ม ส.ส. พปชร. ที่มาวันนี้ยืนยันจากคนในว่า 60 คน ของ “สนธิรัตน์ และผู้กองธรรมนัส” ไม่ใช่เคลมกันเล่นๆ เป็นของจริงที่ร่วมกันมา
สองมิตร วันนั้นที่มา 20 แต่เบ่งกล้ามคับไปทั้งพรรคน่ากระอักมั้ยล่ะ เมื่อเจอของจริงแบบนี้
น่าสนใจติดตามกันต่อว่า ในศึกแตกหักครั้งนี้ ซึ่งต้องไม่ลืมว่า ใน พปชร.ยังกลุ่มพลังเงียบที่ยังไม่ได้แสดงตัวออกมาวัดกำลังกะใครจะไปทางฝั่งฝากไหน แต่แว่วว่า ส่วนใหญ่ยังเห็นว่า “ของจริง” ที่มีผลงานช่วย “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สู้ภัยโควิด-19 และยังมีภาระฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น ยังมีความจำเป็น เพราะความเดือดร้อนของประชาชนสำคัญกว่าการปรับครม. ที่เล่นเกมการเมืองกันเลอะเทอะ
เมือถึงที่สุดแล้วศึกนี้ฝ่ายที่เชื่อว่าตัวเองเป็นช้าง ก็ไม่แน่อาจจะเหยียบเปลือกกล้วยลื่นล้มหัวคะมำเอาง่ายๆ
โปรดอย่ากะพริบตา