xs
xsm
sm
md
lg

คดีสนามฟุตซอลฉาว ป.ป.ช.ชี้มูล “วิรัช รัตนเศรษฐ” ด้วยมติเอกฉันท์ 9:0 อืดอาดมา 8 ปี ดูแล้วน่าจะเตะถ่วงไปอีกหลายปี ** “อุตตม” ให้ความมั่นใจแผน “Soft Loan” ที่เตรียมไว้ จะไม่ทำให้ SMEs ล้มหายตายจาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** คดีสนามฟุตซอลฉาว ป.ป.ช.ชี้มูล “วิรัช รัตนเศรษฐ” ด้วยมติเอกฉันท์ 9:0 อืดอาดมา 8 ปี ดูแล้วน่าจะเตะถ่วงไปอีกหลายปี เพราะ “อัยการสูงสุด” พูดเป็นนัย “คดีใหญ่ซับซ้อน- ต้องหาข้อมูลเพิ่ม” งานนี้จะให้ชาวบ้านเขาคิดอย่างไรท่าน ?

ความคืบหน้ากรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และ ประธานวิปรัฐบาล พร้อมด้วย “เมีย-น้องเมีย” 3 ส.ส.พปชร. ร่วมกับข้าราชการ และกลุ่มเอกชน รวมกว่า 24 ราย ในคดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอล ของพื้นที่การศึกษาเขต 2 โคราช โดยที่ ป.ป.ช.ได้ส่งพยานหลักฐานทั้งหมด ให้อัยการสูงสุด (อสส.) ครบถ้วนแล้ว ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจากเดิมนั้นคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการ และ ป.ป.ช. จะนัดประชุมเพื่อสรุปเรื่องนี้ แต่ก็มีอันติดโรคเลื่อน ติดโน่น ติดนี่ อัยการเจ้าของเรื่องย้าย มีคนใหม่มาแทน จึงต้องขอดูเรื่องก่อน

เรียกว่า ตั้งแต่เรื่องปูดขึ้นมาปี 2555 จนวันที่ 6 ส.ค. 62 ป.ป.ช.จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ 9:0 เสียง ชี้มูลความผิด “วิรัช รัตนเศรษฐ” กับพวก โดย ป.ป.ช. ส่งสำนวนแรกที่มีมติเอกฉันท์นี้ให้อัยการสูงสุด เพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกานักการเมือง และต่อมา 18 ธ.ค. 62 ป.ป.ช.ได้ ชี้มูลความผิดเพิ่มแล้วส่ง อสส. อีก 6 สำนวน ทอดเวลามานานมากแล้ว

ชัดเจนว่า ป.ป.ช.เห็นว่า กรณีคนที่มีเอี่ยว “สนามฟุตซอลฉาว” มีความผิดฐานทุจริตจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษา จ.นครราชสีมา สังกัดสำนังานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวม 7 สำนวน โดยใน 7 สำนวนนี้ มี “วิรัช” เป็นผู้ถูกกล่าวหารวมครบทั้ง 7 สำนวน!

เรื่องนี้จึงมีความสำคัญเพราะ หนึ่งนั้น “วิรัช” เป็นนักการเมืองซีกรัฐบาล สองมีเงื่อนเวลามาเกี่ยวข้อง

ต้องไม่ลืมว่า คดีนี้ ป.ป.ช.ใช้เวลาพิจารณานานถึง 8 ปี จนมีมติชี้มูลความผิด “วิรัช” และ ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณายื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 77 กำหนดให้อัยการสูงสุดต้องฟ้องภายใน 180 วัน หลังรับสำนวนจาก ป.ป.ช. แต่หากอัยการพิจารณาแล้วพบว่า มีข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวน ให้ตั้งคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.กับอัยการ และต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 90 วัน ขยายเวลาได้ไม่เกิน 45 วัน

สังคมให้ความสนใจเรื่องนี้กันมาก เมื่อสัปดาห์ก่อน “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้ายื่นหนังสือขอให้อัยการสูงสุดเร่งรัดคดีของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” เพราะคดีนี้ ป.ป.ช.ใช้เวลาการสืบสวนสอบสวนนานกว่า 8 ปี และมีมติชี้มูลความผิดเป็นเอกฉันท์ 9-0 ไปแล้ว จากนั้นจึงได้ส่งสำนวนมาให้อัยการพิจารณาแล้ว แต่ผ่านมา 5 เดือน คดียังไม่มีการดำเนินการ หรือมีการหารือของอัยการกับ ป.ป.ช.เลย จึงต้องมาเร่งรัดติดตามคดี เพราะไม่อยากให้คดีที่มีผู้ต้องหาซึ่งอยู่ฝั่งรัฐบาลมีความล่าช้า หรือหลุดคดี

วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์
ล่าสุด “วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์” อัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์ว่า คดีทุจริตการสร้างสนามฟุตซอล จ.นครราชสีมา จำนวน 7 สำนวน มูลค่าประมาณ 180 กว่าล้านบาท สำนวนคดีนี้ยังอยู่ระหว่างคณะทำงานอัยการที่ตั้งขึ้นมารับชอบพิจารณายังไม่ส่งมาถึงตัวเอง ยืนยันว่า คดีนี้ยังไม่ขาดอายุความที่จะยื่นฟ้องต่อศาลแน่นอน

ส่วนกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย ป.ป.ช. เป็นเพียงหลักการเงื่อนไขขั้นตอนการทำงานเท่านั้นเองว่าควรจะต้องทำให้เสร็จภายในกี่วัน แต่ถ้าไม่ทันกำหนดก็ไม่เป็นไร เพราะยังมี “อายุความ 20 ปี” ที่ต้องนับจากโทษจำคุกตามข้อกล่าวหาในคดีอาญาก็ต้องนับอายุความตามนี้

อัยการสูงสุด ยังบอกว่า คดีนี้ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม เป็นคดีใหญ่มีข้อเท็จจริงมากมายและซับซ้อน เมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งได้รับสำนวนเพิ่มเติ่มอีก 6-7 สำนวน ก็ต้องใช้เวลาพิจารณาด้วยความรอบคอบ หากหลักฐานเพียงพอสามารถพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลได้

ว่ากันไปแล้ว ที่ อสส. ว่าคดีซับซ้อนต้องหาข้อมูลเพิ่ม ก็ต้องย้อนดูว่า “คดีสนามฟุตซอลฉาว” นี้มีที่มาที่ไปยังไง?

กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2555 โดยเป็นการงบแปรญัตติ ให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด รวม จ.นครราชสีมา ของ “วิรัช” ด้วยวงเงินประมาณ 4,459,420,000 บาท เพื่อจัดซื้อจัดจ้างงานปรับปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์ หรือ สนามฟุตซอล

จากนั้นไม่นานก็มีข่าว การจัดซื้อจัดจ้างมีลักษณะไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ และการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานตามรูปแบบรายการและวิธีการก่อสร้าง สนามกีฬาไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง

วิรัช รัตนเศรษฐ
ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. สืบสวนสอบสวนแล้วพบว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐาน ปรากฏข้อเท็จจริงได้ว่า “วิรัช รัตนเศรษฐ-นางทัศนียา รัตนเศรษฐ” ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในขณะนั้น และ “นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ” นายกเทศมนตรีตำบลห้วยแถลงขณะนั้น ซึ่งเป็นน้องสาว นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ได้สั่งการให้พวกของตนเข้าไปประสานกับผู้อำนวยการโรงเรียนต่างๆในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2 เพื่อจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลให้ โดยเข้าไปครอบงำบงการการใช้จ่ายงบประมาณ

มองตามนี้หากบอกว่า สลับซับซ้อนก็อาจจะพูดได้ แต่ความจริงบางทีก็ไม่ได้เกินกว่าความสามารถของ ป.ป.ช.ใช่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเมื่ออัยการเห็นว่ายังขาดข้อมูลก็สั่ง ป.ป.ช.หาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งก็ได้มาจนเสร็จสิ้นแล้ว และทั้งอัยการ และ ป.ป.ช. ขณะนี้ก็เหลือเพียงกำหนดนัดประชุมกันเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนดังกล่าว เพื่อสรุปนำเข้าไปสู่กระบวนศาลก็เท่านั้น

การพูดเป็นนัยว่า เรื่องนี้ “คดีใหญ่ซับซ้อนและต้องหาข้อมูลเพิ่ม” แม้จะยืนยันว่า มีเวลามากพอเพราะอายุความยังเหลืออีกหลายปีที่จะฟ้องวิรัช และพวกได้ทัน แต่ความเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า ก็อาจจะทำให้สังคมกังขาสงสัยต่ออัยการว่ากำลังจะทำ “ไร่เลื่อนลอย” ให้คดีมีอันต้องหลุดลอยอีกหรือไม่?

แบบว่าหาความชัดเจนอะไรไม่ได้ เพียงเพราะ คดีเกี่ยวข้องกับนักการเมืองขาใหญ่ ในรัฐบาล

งานนี้จะให้ชาวบ้านเขาคิดอย่างไรครับท่าน ?

** “อุตตม” ให้ความมั่นใจแผน “Soft Loan” ที่เตรียมไว้ จะไม่ทำให้ SMEs ล้มหายตายจาก ส่วน “หมอหนู” ตั้งเป้าหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย ต้องผลิตวัคซีนให้ได้ จึงพูดได้เต็มปากว่าไทยคือผู้นำด้านสาธารณสุขอย่างแท้จริง

อุตตม สาวนายน
หลังจากฝายค้านได้อภิปราย “พ.ร.ก.กู้เงิน” 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อใช้ในการเยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่มีผลกระทบมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยส่วนใหญ่เป็นห่วงว่าการฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น จะไปไม่ถึงภาคธุรกิจรายเล็กรายน้อย ระดับเศรษฐกิจชุมชนที่กำลังก่อร้างสร้างตัว แต่เงินจะไปอยู่กับ “ทุนใหญ่” เสียมากกว่า รวมทั้งเรื่องมาตรการควบคุมโรคที่ล่าช้า จนมีผลไปซ้ำเติมภาคธุรกิจ

เรื่องนี้ “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง ที่เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องเงินโดยตรง ก็ออกมาชี้แจงเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า แม้กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จะมีความแตกต่าง หลากหลายทั้งในรูปแบบของโครงสร้างธุรกิจ ที่บางรายทำมานานจนเป็นรูปบริษัทจดทะเบียนแล้ว หรือรูปแบบที่เพิ่งเริ่มต้นจากวิสาหกิจชุมชน หรือรูปแบบนิติบุคคล ซึ่งมีความแตกต่างกันในเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ต่างจากบริษัทขนาดใหญ่

ปัญหานี้ ก.คลัง ได้มีการหารือร่วมกับ สมาคมธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินของรัฐ รวมทั้งผู้ประกอบการ เพื่อกำหนดมาตรการในการดูแลไว้เป็นเบื้องต้น และมีแนวทางออกมาหลากหลายมาตรการแล้ว แต่ก็พร้อมรับฟังความเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อนำไปปรับใช้ให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญคือ รัฐบาลมีมาตรการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ พ.ร.ก.นี้ คือ “Soft Loan” หรือ “สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ” สำหรับกลุ่ม SMEs ที่ยังไม่มีประสบการณ์การกู้เงินกับสถาบันการเงินไว้โดยเฉพาะ เพราะกลุ่มนี้ ยังไม่เข้มแข็งในเรื่องเงินทุน ธุรกิจยังเพิ่งเริ่มต้น เพิ่งมีการรวมกลุ่มกัน ถ้าในภาวะเศรษฐกิจปกติก็น่าจะเติบโตได้ ... แต่เมื่อมาเจอผลกระทบเช่นนี้ อาจจะเดินต่อไปไม่ได้ หรือล้มหายตายจากไป ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลกำลังดูถึงความเป็นไปได้ และรายละเอียดว่าจะทำในรูปกองทุน ซึ่งต่างจากสินเชื่ออื่นๆ และปรับเงื่อนไขต่างๆ ที่เหมาะสมให้ SMEs เหล่านี้อยู่รอด และพัฒนาไปสู่ความแข็งแกร่งในอนาคตได้อย่างมั่นคง

อนุทิน ชาญวีรกูล
ขณะที่ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ก็ได้ชี้แจงในเรื่องที่ฝ่ายค้านตำหนิว่า รัฐบาลปล่อยให้มีกิจกรรมเสี่ยง ให้นักท่องเที่ยวจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเข้าประเทศ และความไม่พร้อมในด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ ว่า การระบาดของโรคนี้จากประเทศจีน เริ่มมีข่าวมาตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. 62 ทางกระทรวงสาธารณสุข และกรมควบคุมโรค เตรียมพร้อม วางมาตรการป้องกันทันที มีการคัดกรองผู้เดินทางเข้ามาประเทศไทยอย่างเข้มงวดในทุกช่องทาง และเมื่อพบผู้ติดเชื้อก็ได้ทำการแยกเพื่อรักษาเป็นการเฉพาะ จนผู้ป่วยหายจากโรค เดินทางกลับประเทศได้

ส่วนกิจกรรมเสี่ยง อย่างเช่น สนามมวย ร้านอาหาร ผับบาร์ นั้นในช่วงต้น รัฐบาลก็ออกมาตรการแล้วแต่อาจมีผู้ฝ่าฝืนบ้าง ซึ่งต่อมารัฐบาลก็ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้มาตรการควบคุมโรคทั่วประเทศ เป็นไปอย่างมีเอกภาพ ซึ่งก็ได้ผลทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเป็นลำดับ จนปัจจุบันนี้การแพร่เชื้อภายในประเทศไม่มีแล้ว จะมีก็แต่คนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ เพื่อรอดูอาการ

ผลงานในด้านการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค การรักษาผู้ป่วย รวมทั้งการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมมือในมาตรการต่างๆ ของไทยนั้น ได้รับการยอมรับและเสียงชื่นชมจากต่างประเทศ ว่าทำได้ดีเยี่ยมในระดับ “แชมป์โลก” และถ้ายังรักษามาตรฐานนี้ไว้ได้ ก็คงไม่มีโอกาสกลับมาแพร่ระบาดรอบสอง

“หมอหนู” ยังชี้แจงถึงเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ว่า ถึงวันนี้รัฐบาลได้มองถึงการแก้ปัญหาในระยะยาว คือเรื่อง “วัคซีน” งบ 45,000 ล้านบาทนั้น ส่วนหนึ่งก็ได้จัดสรรให้ “สถาบันวัคซีนแห่งชาติ” ค้นคว้า วิจัย พัฒนา เพื่อผลิตวัคซีนให้ได้ เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน และเมื่อใดที่ประเทศไทยคิดค้นวัคซีนได้ เราจะสามารถพูดได้เต็มปากว่า ประเทศไทยคือผู้นำด้านสาธารณสุขอย่างแท้จริง...

เชื่อว่า หลังการอภิปรายของฝ่ายค้านผ่านพ้นไปถึงวาระการลงมติ “พ.ร.ก.กู้เงิน” ทั้ง 3 ฉบับจะผ่านได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะเสียงฝ่ายรัฐบาลพ้นสภาพ “ปริ่มน้ำ” ไปมากแล้ว

หลังเสร็จศึกอภิปราย พ.ร.ก.แล้ว ช็อตต่อไปที่ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องลุ้นระทึกโดยไม่มีฝ่ายค้านมาเกี่ยวข้อง ก็คือ การปรับ ครม.ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ และเมื่อไร



กำลังโหลดความคิดเห็น