xs
xsm
sm
md
lg

ขุนนาคสู้! “อัษฎางค์” ชู “ผู้ปกป้องสถาบัน” หลังถูก “ซอมบีปฏิปักษ์ชน” โจมตีหนัก “ดร.นิว” โยงฝรั่งเศสเกี่ยวอะไร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ขุนนาค จากเฟซบุ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค
“อัษฎางค์” เปิดตัวเพจเฟซบุ๊กใหม่ หลังถูก “ซอมบีปฏิปักษ์ชน” ทั้งโจมตี และพยายามบล็อก ปั้น “ขุนนาค” นักรบโบราณปกป้อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แทน “ดร.นิว” เผยเบื้องลึก “ฝรั่งเศส” มาอยู่ในเกมเคลื่อนไหวการเมืองไทยได้อย่างไร

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (19 พ.ค. 63) เฟซบุ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค ของ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์

ได้ขึ้นข้อความระบุว่า “มีกองทัพซอมบีกำลังเคลื่อนไหวเพื่อจะโจมตี และพยายามจะทำให้เกิดการบล็อกเพจผมตลอดทั้งวัน ถ้าเพจนี้หายไป คงรู้กันว่า จะตามหาเพจสำรองได้ที่ไหนนะครับ”

ก่อนหน้านี้ ไม่กี่ชั่วโมง อัษฎางค์ ยมนาค โพสต์แนะนำเพจเฟซบุ๊กใหม่ นาม “ขุนนาค” https://www.facebook.com/113134910404401/posts/113182577066301/?d=n
และ เฟซบุ๊ก “ขุนนาค” โพสต์หัวข้อ “เพจใหม่”

โดยระบุว่า “บัญชีใหม่ ด้วยอีเมลใหม่ และใช้คอมพิวเตอร์อีกเครื่องต่างหากสำหรับเพจนี้อย่างเดียวโดยเฉพาะ
เปิดมาเพื่อต่อสู้กับพวกเป็นปฏิปักษ์ต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะ

สาเหตุที่ต้องแยกบัญชีกับกลุ่มของเพจเดิมโดยสิ้นเชิง เพราะผมโดนคุกคาม และเพื่อป้องกันเพจในบัญชีเดิมที่มักโดนโจมตีอย่างไม่เป็นธรรม และเพื่อให้เพจในกลุ่มบัญชีเดิมไม่ได้รับผลกระทบ และยังคงโพสต์บทความได้

ฝากพี่น้องกดติดตามเพจนี้ ที่จะมีเนื้อหาที่เข้มข้น ที่จะพร้อมชนกับกลุ่มปฏิปักษ์ชนโดยไม่มียั้งมือ
พี่น้องเห็นภาพโปรไฟล์คงรู้ว่า ผมเป็นใคร
แต่กรุณาเรียกผมว่า ขุนนาค ในเพจนี้เท่านั้น
เข้าใจตรงกันนะครับ”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วานนี้ เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์หัวข้อ “#ฝนตกขี้หมูไหลคนอะไรมาพบกัน”

เนื้อหาระบุว่า “ความบังเอิญของสามีภรรยาคู่หนึ่ง...
สามีเป็นชายไทยที่คลั่งการปฏิวัติฝรั่งเศสที่คนฝรั่งเศสปัจจุบันกลับมองว่า เป็นเรื่องป่าเถื่อน วันๆ เอาแต่บิดเบือนใส่ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยด้วยชุดความคิด และข้อมูลที่บิดเบือนเพื่อหวังผลักดันให้สังคมไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรง...

ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความขัดแย้งใดๆ เลย การเคลื่อนไหวของเขานั้น จะคอยประสานงานอยู่ตลอดเวลากับเครือข่ายใต้ดินในโลกโซเชียล ที่พยายามปั่นกระแสยัดเยียดความเกลียดชังให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยชุดข้อมูลไร้สาระที่สุดแสนจะปัญญาอ่อนและไม่เป็นความจริง

ภรรยาเป็นหญิงชาวฝรั่งเศสใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และสถาบันสำคัญอื่นๆ ของชาติ ราวกับรับจ้างทำเป็นอาชีพ โดยใช้วิชาการบังหน้า แต่สุดท้ายก็มีแต่ความเชื่อลอยๆ ที่บิดเบือนไม่ได้ต่างจากสามี แถมอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอกของผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นชาวฝรั่งเศสด้วยกัน ที่มีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกันที่มักใส่ร้ายบิดเบือนประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ในภูมิภาคแถบนี้ แต่จะมุ่งเป้าหมายไปที่ประเทศบรูไนเป็นหลัก

ภาพการแสดงความเห็นบางส่วน จากเฟซบุ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค
คนพวกนี้ ตัวละครตัวอื่นๆ และเครือข่ายทั้งหมดของคนกลุ่มนี้จะไม่สามารถทำอะไรได้เลย หากปราศจากการหนุนหลังของชาติมหาอำนาจตะวันตกอย่างเป็นระบบในการเคลื่อนไหวที่มีเป้าหมายไปสู่ความรุนแรงและสงครามกลางเมืองในที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลยุทธ์ในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างโซเชียลมีเดีย มาใช้ในการยัดเยียดความขัดแย้งและความรุนแรงแบบไม่รู้ตัวเพื่อสร้างระเบิดเวลาแห่งความรุนแรงในที่สุด

สงครามในยุคปัจจุบันไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเสมอไป หากแต่เป็นความเชื่อและข้อมูลข่าวปลอมที่ยัดเยียดความขัดแย้งให้คนในชาตินั้นๆ เพื่อทำให้แตกความสามัคคี แบ่งฝ่ายรบกันเอง ทำลายล้างกันเอง รอวันที่ชาตินั้นๆ จะอ่อนแอ แล้วเข้ามาแทรกแซง กอบโกย และตักตวงผลประโยชน์ในที่สุด”

รวมทั้งที่น่าจับตาอย่างไม่กะพริบก็คือ กรณี นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า พรุ่งนี้จะไปแจ้งความ ปิยบุตร และคณะก้าวหน้า สภ.โพธาราม 12:00 น.

ต่อไปนี้ จะแจ้งจับ
คนหนักแผ่นดิน
ที่พยายามปลุกปั่น ไปทีละคน
ก่อนบ้านเมืองจะกลับสู่สภาพเดิม.”

กรณี “ปารีณา” ยังไม่แน่ชัดว่า ข้อหาอะไร ถ้าให้เดาก็อาจจะมาจากการเคลื่อนไหวอย่างร้อนแรงของ “ปิยบุตร” ในช่วงที่ผ่านมานั่นเอง

อย่างไรก็ตาม โพสต์ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า เวลานี้มีการ “เปิดหน้า” ฉะกันมากขึ้น ของกลุ่มที่พยายามปกป้องสถาบัน กับกลุ่มที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะในโลกโซเชียล ซึ่งแน่นอน, นี่คือ สมรภูมิรบของ “คนรุ่นใหม่” ที่อยู่ภายใต้อาณัติของ กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม หรือ ที่เรียกกันว่า “ซอมบี” นั่นเอง

ทั้งยังสะท้อนให้เห็นด้วยว่า เป็นสัญญาณบ่งบอกที่ไม่สู้จะดีนักในทางการเมือง เพราะนี่เท่ากับว่า ความขัดแย้งแตกแยกทางความคิด ได้ขยายวงไปอย่างกว้างขวาง และยากที่จะหลอมรวมความสามัคคีได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

ดังนั้น อย่ามองแค่ ประเด็นนี้เป็น “ฝันเฟื่อง” ของใครบางคนบางกลุ่มเท่านั้น เพราะยังมีเงื่อนไขอีกมากมายที่จะเข้ามาเป็นปัจจัยเสริมที่น่ากลัว ยิ่งถ้าถึงขั้นเผชิญหน้าด้วยความรุนแรง ก็ลองคิดดูว่าสุดท้าย ใครรับเคราะห์ ใครที่จะเสียเลือดเนื้อและเจ็บปวดที่สุด ยาวนานที่สุด..คนไทยน่าจะนึกภาพได้ดีอยู่แล้ว หาทางออกที่ดีกว่านี้ได้หรือไม่?


กำลังโหลดความคิดเห็น