“ดร.นิว” มองทะลุ “ปิยบุตร” เล่นเกมปลุกคนลงถนน เร่งสงครามกลางเมือง สู่ “สาธารณรัฐ” ด้าน “วิมล” นักเขียนซีไรต์ หยามหนักมาก บอกเป็นพวก “ก้าวหน้า” ยังติดอยู่ใน “คอกแห่งกาลเวลา” ปี ค.ศ. 1789 อยู่เลย
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (9 พ.ค. 63) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์หัวข้อ “#หัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศไทยต่อจากนี้”
โดยระบุว่า “แรงจูงใจของนายปิยบุตร ค่อนข้างชัดเจนว่า เขาต้องการที่จะหลอกใช้คนที่รู้ไม่เท่าทันด้วยข้อมูลบิดเบือนและความเชื่อตามลัทธิซ้ายตกขอบของเขา ให้มาลงถนน เพื่อก่อความรุนแรงนำไปสู่สงครามกลางเมือง และเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐอย่างโง่ๆ โดยปราศจากความรู้ความเข้าใจในเนื้อแท้และหลักการที่สำคัญของวิถีแห่งประชาธิปไตยที่แท้จริง
ดังนั้น คนอย่างปิยบุตรที่เอาแต่หมกมุ่นกับลัทธิซ้ายตกขอบ คลั่งความรุนแรงที่กล้าฉวยโอกาสปลุกระดมในท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดและปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อหวังเลียนแบบการปฏิวัติฝรั่งเศสที่ป่าเถือนและรุนแรง จึงไม่ต่างอะไรจากขยะสังคมที่คอยถ่วงความเจริญของประเทศชาติ และเป็นภัยต่อชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก
เพราะแนวทางประชาธิปไตยจอมปลอมของลัทธิซ้ายตกขอบของเขานั้น ไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องในการสร้างประชาธิปไตยหรือทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของประชาชนโดยสมบูรณ์เลย
หากแต่เป็นการแย่งชิงอำนาจแบบเดิมๆ ด้วยวิธีการของโลกสมัยใหม่ที่ยังคงมุ่งหวังต่อความรุนแรงอันนำไปสู่สงครามกลางเมือง และความเสียหายอันใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติ รวมถึงชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์
นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่ผมทนไม่ได้ และออกมาต่อสู้กับคนพวกนี้ ในเรื่องปัญหาของหลักการ, หลักวิชา และความเป็นจริง โดยปราศจากการเมืองใดๆ
ตั้งแต่เริ่มต้นมาถึงวันนี้ ผมก็ยังเป็นประชาชนคนธรรมดาที่ประกาศตัวเป็นพันธมิตรกับทุกคนทุกฝ่ายให้มากที่สุด เพราะผมเชื่อในการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างสันติ และความร่วมมือจากทุกองคาพยพของสังคมไทย
เว้นแต่พวกลัทธิซ้ายตกขอบไม่กี่คน ที่เล่นการเมืองแบบสกปรก ที่เอาแต่คอยบิดเบือนปลุกระดมสร้างกระแสในโลกโซเชียลหลอกใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองก่อความรุนแรงเท่านั้น ที่ผมมีปัญหาด้วยมาตลอด
จุดยืนของผมชัดเจน คือ สร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงในท้ายที่สุดด้วยวิธีการที่สันติ สอดคล้องกับความถูกต้องของหลักการและหลักวิชา
ที่ผ่านๆ มา มีหลายคนเชียร์ให้ผมเข้าสู่สนามการเมือง
ซึ่งผมขอใช้โอกาสนี้ตอบท่านทั้งหลายว่า...
ถ้าผมจะเป็นนักการเมือง ผมมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเป็นนักการเมืองในระบอบการเมืองใหม่ที่ผมมีส่วนช่วยผลักดันให้เกิดขึ้นมาในอนาคต
เพราะโดยส่วนตัวผมไม่ได้มีความเห็นดีเห็นงามใดๆ กับสภาพการเมืองในปัจจุบันที่เป็นเผด็จการมาช้านานด้วยน้ำมือของคณะโจรคณาธิปไตยตัวจริง 2475 อย่างคณะราษฎร ที่ปล้นพระราชอำนาจของในหลวง ร.7 มาสร้างระบอบเผด็จการ อันเป็นต้นเหตุทั้งหมดของความล้าหลังและความแตกแยกช่วงชิงอำนาจทางการเมืองไปมาอย่างไม่จบไม่สิ้นมาจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น สิ่งที่ผมทำมาตลอดจนถึงบัดนี้ คือ การต่อสู้กับผู้นำประชาธิปไตยจอมปลอมที่หวังหลอกลวงมวลชนไปสร้างประชาธิปไตยที่ผิดๆ แต่จริงๆ แล้ว ก็ยังคงเป็นแค่การหลอกใช้เป็นเครื่องมือแย่งชิงอำนาจด้วยความรุนแรง แล้วท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยระบอบเผด็จการรูปแบบใหม่กว่าเดิมที่ลูบหน้าปะจมูกว่าเป็นประชาธิปไตยได้แนบเนียนยิ่งขึ้น
เมื่อใดก็ตามที่เราสามารถสกัดขบวนการลัทธิซ้ายตกขอบนี้ไม่ให้พวกเขานำพาพี่น้องประชาชนไปสร้างประชาธิปไตยจอมปลอมที่ผิด และสามารถปิดฉากประชาธิปไตยจอมปลอมของพวกเขาให้จบสิ้นลงได้
เราจะมีพื้นที่มากพอที่ประชาชนคนธรรมดาอย่างผม และทุกๆ คนที่จะสามารถช่วยกันสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงให้เกิดขึ้นได้อย่างสันติร่วมกัน
รุ่งอรุณแห่งประชาธิปไตยที่แท้จริง และอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนที่ตามหากันมานานก็จะเกิดขึ้นได้ในที่สุดอย่างสันติและด้วยมันสมอง...หาใช่ความรุนแรงและความเชื่อในลัทธิซ้ายตกขอบที่โง่เง่าไม่”
ก่อนหน้านี้ (4 พ.ค. 63) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.นิว เคยเขียนลากไส้ “ปิยบุตร” 10 ขด มาแล้ว โดยขดที่ 7 ระบุว่า
“7. คลั่งการปฏิวัติฝรั่งเศส ทั้งๆ ที่คนฝรั่งเศสเองมองว่ามันเป็นเรื่องป่าเถื่อนและรุนแรง
นายปิยบุตร ยกย่องการปฏิวัติฝรั่งเศส ในขณะที่คนรุ่นใหม่ชาวฝรั่งเศสกลับมองว่า การปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นสิ่งที่โหดร้ายและป่าเถื่อน ภายใต้ฝีมือของเหล่าผู้นำประชาธิปไตยจอมปลอมที่สุดท้ายกลายเป็นผู้ที่ทรยศต่อประชาชนเสียเอง https://bit.ly/3c7paXl”
แต่จากนั้นไม่นาน “ปิยบุตร” ก็เผยตัวตนออกมาเอง วานนี้ (8 พ.ค. 63) ผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ หัวข้อ “[ INTERREGNUM - EP07 สภาวะยกเว้น: “ชาติตกอยู่ในอันตราย!” ระงับตำแหน่งกษัตริย์ฝรั่งเศสชั่วคราว ในปี 1792 ]”
โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นของบทบาทอันสำคัญของ “สภาแห่งชาติ” ที่ประกาศ “ชาติตกอยู่ในอันตราย” เพื่อดึงอำนาจเข้าสู่สภาแห่งชาติ นำมาสู่การยกเว้นรัฐธรรมนูญ เพื่อระงับตำแหน่งกษัตริย์ไว้เป็นการชั่วคราว
ก่อน ฝรั่งเศสจะยกเลิกสถาบันกษัตริย์ ประกาศเป็น “สาธารณรัฐ” และดำเนินคดีกับ นายหลุยส์ คาเปต์ ในข้อหาทรยศชาติ...
ขณะเดียวกัน วันนี้เช่นกัน วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “กษัตริย์ กับคนในคอก”
เนื้อหาระบุว่า “ทั้งมาร์กซิสต์ และ ลิเบอรัล ล้วนหลงว่าตัวเองเป็นพวก “ก้าวหน้า” แต่น่าอัศจรรย์ที่พวกเขายังติดอยู่ใน “คอกแห่งกาลเวลา” ในปี ค.ศ. 1789 อยู่เลย!
ซ้ำยังเกิดภาพหลอน..เห็นว่ากษัตริย์ไทยเป็นอย่างพระเจ้าหลุยส์ที่ 16...ทั้งที่กษัตริย์ไทยแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเป็นอย่างอย่างนั้น
กษัตริย์ไทยนั้น แตกต่างจากกษัตริย์ประเทศอื่น นั่นคือ โดนกำกับด้วยจารีตประเพณี ทั้งในส่วนที่เป็นพิธีกรรมและอุดมคติ
จารีตประเพณีในส่วน “พิธีกรรม” นั้น เป็นเสมือนเสื้อผ้าอาภรณ์หรือเครื่องแบบอย่างหนึ่ง เพียงเพื่อให้รู้ว่าเป็นประมุขของประเทศไทย ไม่ใช่ของประเทศใดๆ ที่จะต้องเอาอย่าง
จารีตประเพณีในส่วน “อุดมคติ” ก็คือ “ทศพิธราชธรรม 10” และ “จักรวรรดิวัตร 12”
ใครก็ตามเมื่อเป็นกษัตริย์ต้องปฏิบัติตามอุดมคตินี้
ในขณะที่พวกก้าวหน้าประกาศอุดมการณ์ว่า “จะรับใช้มวลชนผู้ยากไร้...จะสร้างความเป็นธรรมให้สังคม” และเอาแต่ประดิดประดอยสำนวนเท่ๆ อวดภูมิ พร้อมกับปลุกเร้าคนให้เข้าร่วมเป็นสมุนบริวาร เพื่อสานต่อภารกิจอย่างในปี ค.ศ. 1789 นั้น
กษัตริย์กลับบุกป่าฝ่าดงทำงานหนัก เป็นผู้ “รับใช้มวลชน” ตัวจริงมาทั้งชีวิต!
ทุกวันนี้กษัตริย์และราชวงศ์ทำงานหนักไม่แตกต่างจากสามัญชน หรือพูดให้ตรงก็คือ “เป็นสามัญชนที่ทำหน้าที่ประมุขของประเทศ”
ใครที่มองไม่เห็นความจริงตรงหน้าว่ากษัตริย์ไทยเป็นอย่างไร ทำอะไร ก็เพราะไม่มีหัวคิดจะริเริ่ม "ระบบเศรษฐกิจการเมือง" ที่ทันโลก คิดเป็นแต่ “ก๊อปปี้” การปฏิวัติฝรั่งเศสเท่านั้น
แล้วจะเป็นพวกก้าวหน้าได้อย่างไร?
กษัตริย์ไทยต่างหากที่ก้าวหน้า..ปรับตัวทันสภาพการณ์ของโลกเสมอมา ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้ตัดขาดจาก “รากเหง้าของบรรพชน” จึงสามารถนำพาประเทศชาติเป็นอิสระมาจนถึงวันนี้
คนที่ติดอยู่ในคอกแห่งกาลเวลาจะรู้ได้อย่างไรว่า “โลกไปถึงไหนแล้ว” (คำเหยียดหยามผู้อื่นของพวกเขา) และจะดูแลประเทศนี้ได้อย่างไรในเมื่อคิดได้แค่ “ล้มล้างกษัตริย์”
เรื่องอื่นมืดบอดหมด.”
แน่นอน, โพสต์ของ ดร.นิว และ “วิมล” ล้วนน่าคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับ “ปิยบุตร” แต่การที่จะให้เขายอมจำนน หรือจนตรอก ในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ คงเป็นเรื่องยาก เพราะประการแรก เขาจะอ้างการนำเสนอในทางวิชาการ ซึ่งเป็นยาวิเศษในการเอาตัวรอดของคนพวกนี้มาตลอด ด้วยความที่เป็นนักกฎหมาย จึงรู้ว่า อะไรที่จะเป็นข้ออ้างที่อาศัยช่องโหว่ของกฎหมายได้ ประการที่สอง คือ การลื่นไหล แบบศรีธนญชัย และประการที่สาม โกหกแบบหน้าด้านๆ เหมือนอย่างที่หลายคนเคยเห็นมาแล้ว
โดยเฉพาะ โพสต์ของ ดร.นิว ที่ระบุว่า “ปิยบุตร” ต้องการปลุกคนลงถนน เพื่อทำสงครามกลางเมือง อาจเหมือนที่เคยเกิดขึ้นสมัย “14 ตุลาฯ 16” และ “6 ตุลาฯ 19” ก่อนที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อย่าลืมว่า เกมการเมืองที่ “ปิยบุตร” จะเล่นได้ในเวลานี้ ก็คือ การเมืองนอกสภาเท่านั้น เพราะเขาถูกเว้นวรรคการเมืองถึง 10 ปี จากคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค และเขาก็ประกาศจะต่อสู้ทางการเมืองเคียงบ่าเคียงไหล่ประชาชนเอาไว้แล้ว
ส่วนจะเป็นจริงหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามกันต่อไป และถ้าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อย่างที่ ดร.นิว ว่า อย่ากะพริบตาก็แล้วกัน!