xs
xsm
sm
md
lg

โดนแล้ว! “ครูวีระ” ดีดปาก “ปลื้ม-อ๋อย” “ตรรกะ-จิตใจ-สมอง” เน่าๆ “ไม่ได้ไปโรงเรียนร้ายแรงกว่าติดโควิด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล จากแฟ้ม
“ครูวีระ” มาแรง ดีดปาก “ปลื้ม-อ๋อย” ปล่อยความไม่ชอบ “ลุงตู่” ครอบงำ ด่าเสียหาย ตรรกะเน่าๆ จากจิตใจและสมองเน่าๆ “ไม่ได้ไปโรงเรียนร้ายแรงกว่าติดโควิด” ตอก “จาตุรนต์” เจ็บแสบ เป็นถึงอดีต รมต.ศึกษาฯ อดีตคอมฯที่มีอุดมการณ์ คิดได้แค่นี้

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (15 พ.ค. 63) นายวีระ สุดสังข์ นักเขียนอิสระ อดีตครูสอนภาษาไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ “ตรรกะเน่าๆ จากจิตใจและสมองเน่าๆ”

โดยเนื้อหาระบุว่า “ผมไม่เข้าใจว่า “ทำไมคนระดับนี้ จึงคิดอะไรได้แค่นี้” หม่อมปลื้ม ก็คนหนึ่งแล้ว ดันมาถึง จาตุรนต์ ฉายแสง เป็นถึงอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นทั้งคอมมิวนิสต์เก่าผู้มีอุดมการณ์ “ไม่ได้ไปโรงเรียน ร้ายแรงกว่าติดโควิด จี้รัฐบาลต้องเปิดเรียน 1 มิถุนายน”

1. ถ้าหากชาตินี้ทั้งชาติ รัฐบาลไม่ให้นักเรียนไปโรงเรียนอีกแล้ว หยุดไปโรงเรียนตลอดชีวิต หรือแม้แต่หยุดเรียนสัก 1-2 ปี ผมจะเห็นด้วยว่า มันร้ายแรงกว่าติดโควิด เพราะคนมันต้องมีความรู้ มีการศึกษา คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น ประยุกต์ใช้เป็น ไม่ปล่อยให้คนในประเทศโง่เง่าเต่าตุ่น

2. รัฐบาลประกาศชัดเจนแล้วว่า “เปิดเรียนวันที่ 1 กรกฎาคม” เสียเวลาไป 1 เดือนกับ 15 วัน ไม่ส่งผลเสียอะไร? พอเปิดเรียน ครูก็สอนไปตามหลักสูตรทุกกลุ่มสาระจนครบทุกมาตรฐานและตัวบ่งชี้ หากเวลาไม่พอ อาจมีการสอนชดเชยได้ ซึ่งกระบวนการเรียนการสอน ผู้บริหาร ครู ศึกษานิเทศก์ เขารู้ดีอยู่แล้วว่าจะจัดการอย่างไร? คุณเคยเป็นรัฐมนตรีก็จริง แต่คุณไม่เคยรู้บริบทของโรงเรียนอย่างแท้จริงเลย คุณจึงแสดงตรรกะเน่าๆ ออกมา

3. ในช่วงโรคระบาดนี้ อยากถามคุณจากใจและอยากได้คำตอบจากใจของคุณ ว่า “คุณจะเสี่ยงให้ลูกหลานของคุณไปโรงเรียนหรือไม่? ระหว่างลูกหลานของคุณนั่งแออัดในห้องเรียน หรือทำกิจกรรมกลุ่มภาคสนาม คุณมองเห็นภาพนั้น คุณสบายใจหรือไม่?” ถ้าคุณสบายใจคุณก็อำมหิตเต็มที

4. พูดถึงเรื่องโรคระบาดก็อยากพูดต่อไปอีกสักหน่อย “สถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้นเรื่อยๆ ผู้ติดเชื้อลดลงจนเหลือเลขตัวเดียว, ผู้ป่วยรักษาตัวหายกลับบ้านเกือบหมด สถิติคนตายยืนอยู่กับที่” ช่างน่าดีใจ น่ามีความหวังว่า เราจะปลอดโรค แต่ด้วยพวกคุณเกลียดชัง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล คุณปิดตาแล้วพากันพูดว่า

“เพราะว่าประเทศไทยอยู่ในโซนอากาศร้อน คนจึงติดเชื้อกันน้อย” โดยมองข้ามมาตรการของรัฐบาล มองข้ามการทำงานหนักของแพทย์ พยาบาล อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อพปร.และคนไทยที่ร่วมมือกันสู้โรค

ถ้าผมถามย้อนกลับว่า “ประเทศสิงคโปร์ ประเทศเล็กๆ เท่าฝ่ามือ ไม่อยู่ในเขตโซนร้อนหรืออย่างไร? ทำไมผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยและผู้ตาย จึงเพิ่มมากกว่าประเทศไทยหลายเท่า? ไหนว่า ผู้นำสิงคโปร์ คนสิงคโปร์ ชาญฉลาด ก้าวหน้าไปทุกเรื่อง?”

คุณหม่อมปลื้ม, คุณจาตุรนต์ ลองตอบคำถามผมหน่อย? ตรรกะเน่าๆ จิตใจและสมองเน่าๆ ของคุณยังมีอยู่อีกไหม? (จากไทยโพสต์)

พูดถึง “ปลื้ม” ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล พิธีกรรายการโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ผู้ที่ค้านสุดโต่งกับมาตรการ “ล็อกดาวน์” ปราบโควิด-19 ของรัฐบาลลุงตู่มาตั้งแต่การระบาดของโรคยังรุนแรง และเสนอเปิดโรงเรียน รวมถึงมหาวิทยาลัย โดยเร็ว โดยไม่สนว่าจะมีการแพร่เชื้อเกิดขึ้น

ยิ่งกว่านั้น ล่าสุด (13 พ.ค.) ยังเกิดดรามาขึ้นในรายการ “Wake Up Thailand” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ที่ดำเนินรายการโดย ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ชูวัส ฤกษ์ศรีสุข และ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ในรายการทั้ง 3 คน พูดวิพากษ์วิจารณ์มาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามสไตล์ และไม่พลาดที่จะโฟกัสขยี้ประเด็นกรณีที่มีการปิดการเรียนการสอนตามสถาบันต่างๆ และมีการปิดศูนย์เด็กเล็ก

ระหว่างโยนลูกกันไปมาถึงจุดนี้ ซึ่งการ “ล็อกดาวน์” ปิดโรงเรียนนี้เป็นกรณีที่ “ปลื้ม” ไม่ปลื้มมาตลอด ก็ได้แสดงท่าทีมีอารมณ์โกรธเกรี้ยวขั้นสุด ขยับขยำกระดาษสคริปต์ ที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วเขวี้ยงใส่กล้อง พร้อมคำพูดประกอบลีลา...“ปิดศูนย์เด็กเล็กไปหาอะไร มัน มัน จะบ้า! บ้า!! บ้า!!!”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “หม่อมปลื้ม” หัวร้อน... ตั้งแต่รัฐประกาศล็อกดาวน์ “ปลื้ม” ก็แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หรือสื่อผ่านรายการมาต่อเนื่อง

สำหรับ “หม่อมปลื้ม” คิดว่าการปิดเทอม คือ การ “ขังเด็กไว้ในบ้าน” พร้อมกับบ่อยครั้งที่ตั้งคำถามว่า ทำไมเด็กไทยถูกรังแกอย่างนี้ ใครสั่งมา? การบังคับ e-learning ทั้งที่ไม่จำเป็นคือสิ่งที่แย่ และ “เลวมาก”

“ปลื้ม” ย้ำมาตลอดว่า ล็อกดาวน์เด็กเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล ไร้ตรรกะ ไร้สติ และไร้วุฒิภาวะในการตัดสินใจและสั่งการ... (ข้อมูลจาก ข่าวปนคน คนปนข่าว /ผู้จัดการออนไลน์)

ภาพ นายจาตุรนต์ ฉายแสง จากแฟ้ม
ส่วน นายจาตุรนต์ ฉายแสง หรือ ชื่อเล่น “อ๋อย” อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) และอดีต รมว.ศึกษาธิการ วันนี้ ก็ยังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang เรื่อง การศึกษากับโควิด-19 ตอนที่ 3

โดยระบุว่า “รัฐบาลเคยคิดบ้างหรือไม่ ว่าการปิดเทอมนานๆ มีผลเสียอย่างไร

บทความนี้กำลังจะบอกว่า จากสถิติในประเทศต่างๆ ทั่วโลก พบว่าเด็กและเยาวชนติดเชื้อ และเสียชีวิตจากโควิด-19 น้อยมาก และนักวิชาการหลายสถาบัน ก็พบว่า เด็กไม่ได้แพร่เชื้อมากอย่างที่เคยกลัวกัน แต่การที่เด็กไม่ได้ไปโรงเรียนเป็นความสูญเสียใหญ่หลวงมาก ทั้งจากการเสียโอกาสเรียนรู้ในระบบโรงเรียน และการต้องประสบกับปัญหาอื่น เช่น ความไม่ปลอดภัยจากความรุนแรง การขาดการดูแล อุบัติเหตุ ความเครียด และการขาดอาหาร เป็นต้น

บทความนี้จะให้ข้อมูลท่าน ว่า การเลื่อนการเปิดเทอมออกไปเดือนครึ่ง อาจหมายถึงการทำให้เด็กเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ มากกว่าให้เด็กได้ไปโรงเรียนนับร้อยๆ คน

ขณะที่เด็กเป็นล้านๆ คน จะไม่ได้กินอาหารอย่างเพียงพอ และในจำนวนนั้น 4-6 แสนคน อยู่ในสภาพวิกฤต คือ จะอยู่ในสภาพอดอยากไม่มีอะไรจะกิน ทั้งๆ ที่การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำมาก

สำหรับท่านที่ต้องการทราบข้อมูลในรายละเอียด เชิญอ่านครับ ผมได้พูดไว้ในบทความตอนแรกๆ แล้ว ว่า ประเทศต่างๆ เขาพยายามหาทางให้เด็กได้กลับเข้าเรียนอย่างถูกสุขลักษณะให้เร็วที่สุด ด้วยเหตุผลข้อหนึ่งคือ ความปลอดภัยระหว่างที่ไม่ได้ไปโรงเรียน

ผมพอทราบอยู่บ้างแล้ว ว่าเด็กไทยประสบอุบัติเหตุ และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก พอมีประเด็นต้องเปรียบเทียบระหว่างปิดเทอมกับเปิดเทอม ผมจึงได้หาข้อมูลเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของเด็กไทย ในช่วงปิดเทอมใหญ่ โดยหาข้อมูลจากหลายแหล่ง เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเด็กจากอุบัติเหตุ...

หลังจากนั้น ก็อ้างสถิติต่างๆ นานา พูดง่ายๆ นายจาตุรนต์ พยายามหาสถิติเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเด็กขณะไม่ได้ไปโรงเรียนมาอ้างอิง เพื่อความหนักแน่นของข้อเสนอนั่นเอง
ก่อนจะสรุปว่า “การเลื่อนการเปิดเทอมให้เร็วขึ้น และการสร้างความพร้อมเพื่อเปิดศูนย์เด็กเล็กทั่วประเทศโดยเร็ว จึงเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาดำเนินการโดยเร็วที่สุด”

ฟังดูแล้ว ความคิดความอ่านของคนที่คัดค้าน “ล็อกดาวน์” มีที่ใหญ่โตกว่านี้อีก โดย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย เมื่อไม่นานมานี้ว่า เขาคิดว่าผู้นำหลายประเทศทั่วโลก ไม่เข้าใจการระบาดของโควิด-19 ถ้าตอนนี้เขายังมีอำนาจ เขาจะไม่แก้ปัญหาด้วยวิธี “ล็อกดาวน์” ประเทศ เพราะได้ไม่คุ้มเสีย กับเรื่องเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน นี่คือ ประเด็นที่น่าคิดวิเคราะห์อยู่ไม่น้อย

โดยเฉพาะ แปลกแต่จริง ที่ดูเหมือน หลายคนในซีกฝ่ายค้าน โดยเฉพาะที่มีความสามารถด้านสื่อ หรือ มีสื่อในมือ จะเสนอความเห็นคล้ายกัน คือ ต่อต้านและคัดค้าน “ล็อกดาวน์” รวมถึง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่เป็นกฎหมายหลักด้วย พวกเขาโจมตีว่า การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และล็อกดาวน์ประเทศ ทำให้เศรษฐกิจทรุดหนัก ประชาชนเดือดร้อน อดอยากยากจน และผูกคอตาย สรุปว่า รัฐบาลแก้ปัญหาผิดพลาด ทั้งที่การแก้ปัญหาโควิด-19 ประสบความสำเร็จอย่างสูง และได้รับการยกย่องทั่วโลก

แน่นอน, สิ่งที่ “ครูวีระ” โพสต์ อาจเป็นสิ่งที่หลายคนเห็นด้วย อยากจะพูดทำนองนี้มานานแล้ว แต่ไม่อยากจะสร้างความขัดแย้ง ตอแยกับคนที่ดูเหมือนไม่ฟังเหตุผลของคนอื่นแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องถึงมือ “ครูวีระ” หรอก จริงมั้ย!?


กำลังโหลดความคิดเห็น