กำลังใจมาแล้ว ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 “โจ นูโว” นอนยัน หนุน “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ ยาวๆ สยบ “ข่าวปลอม” เลิกสนับสนุน ด้าน “จาตุรนต์” #saveแหม่มโพธิ์ดำ แฉคนใกล้ชิด รมต.กักตุนหน้ากาก
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (11 มี.ค. 63) เฟซบุ๊กการเมืองไทยในกะลา โพสต์ข้อหัว “โจ นูโว” นอนยัน หนุน “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ ยาวๆ ไป ท่ามกลางวิกฤต โควิด-19 เจอคอมเมนต์สวน
โดยระบุว่า “11 มี.ค. นายจิรายุส วรรธนะสิน หรือโจ หนึ่งในสมาชิกวงนูโว โพสต์เฟซบุ๊กถึงกระแสข่าวที่ลือออกมาก่อนหน้านี้ ว่า ตนเลิกสนับสนุนรัฐบาลแล้ว จากการแก้ปัญหาโควิด-19 และปัญหาการกักตุนหน้ากาก โดยหนุ่มโจ ได้โพสต์ภาพผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ที่เปิดให้เป็นสาธารณะ พร้อมข้อความแคปชัน ระบุว่า
ท้อได้แต่ไม่ถอย “ไป ปอท บ่อยแล้ว ขอพักบ้างเถอะ” ข่าวปลอม ออกมาว่า “ลานะลุงตู่พอกันที” ไม่มีนะสมาชิก #saveลุงตู่
โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย ทั้งเห็นด้วย และเห็นต่าง เช่น รักลุงตู่ แต่ต้องการให้ตัดเนื้อร้ายออกจากรัฐบาล หรือ ลุงควรพอได้แล้ว เป็นต้น
ที่มา : https://www.khaosod.co.th/politics/news_3731469
ขณะที่ วันนี้เช่นกัน เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam โพสต์หัวข้อ “เอาบ้านเมืองให้ได้ก่อน”
เนื้อความระบุว่า “บิ๊กตู่" พักรบการเมือง !!
...ขอ สื่อ อย่าถามการเมือง
เอาบ้านเมืองให้รอด จาก “CoViD-19” ก่อน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 CoViD-19 ที่ตึกไทยคู่ฟ้า
พลเอก ประยุทธ์ กล่าวก่อนการแถลงข่าวว่า ที่มาวันนี้ก็เป็นนักข่าวการเมือง ทั้งสิ้น
“เอาเป็นว่า วันนี้อย่ามาถามเรื่องการเมืองอะไรกับผม เอาบ้านเมืองให้ได้ก่อน”
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ไวรัสโควิด-19 กรณี แหม่มโพธิ์ดำ ถูกดำเนินคดีแล้ว นายจาตุรนต์ ฉายแสง คนใกล้ชิดพรรคเพื่อไทย ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
“แทนที่จะจับขบวนการลักลอบส่งหน้ากากออกนอก กลับไปแจ้งความคุกคามแหม่มโพธิ์ดำ ประยุทธ์และรัฐมนตรีทั้งหลายระวังจะเก็บกระเป๋ากันไม่ทัน #saveแหม่มโพธิ์ดำ #โควิด19 #โควิด-19”
ทั้งนี้ เนื่องจาก นายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้าร้องกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นการส่วนตัว ในฐานะสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่ได้เป็นตัวแทนของพรรค
โดยมาร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อหาตัวแหม่มโพธิ์ดำมาให้การกับเจ้าหน้าที่เรื่องหน้ากากอนามัย และแจ้งความแหม่มโพธิ์ดำ ข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพราะตนเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล
ต่อมาแฟนเพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ได้โพสต์ข้อความระบุว่า จากประเด็นล่าสุด ควีนฝากมาดังนี้ สวัสดีค่ะ เป็นงงมากนะ ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ มาหาว่าเพจลงข้อมูลอันเป็นเท็จ ต้องเปิดเผยตัวตน เออ แทนที่จะไปจับ ไปตามสืบว่า มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไง ก็มันโพสต์ของมันเองทุกอย่าง คลิปก็มี หน้ากากก็เพียบ ก็ตรวจเช็กบัญชีมัน และคนรอบข้างเอาสิ แต่มาตามหาตัวคนแฉที่เสี่ยงลงรายละเอียดทุกเรื่องเพื่อช่วยชาติตามหาหน้ากาก
“ขอบอกว่า ไม่ไปค่ะ ไม่สะดวก อยู่ต่างประเทศ เชิญทำให้เต็มที่ แล้วเดี๋ยวรู้กันค่ะ ว่าคนทิ้งชีวิตแล้ว เค้าจะสู้ตายแค่ไหน ชีวิตก็มีชีวิตเดียว ถ้าต้องแลกกับการเปิดโปงความอยุติธรรมที่เกิดตอนนี้ก็คุ้ม”
ล่าสุด เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่คาดว่าเป็นควีน ได้โพสต์ข้อความใต้โพสต์ดังกล่าวว่า “จะมาตามหาตูทำไม ก็ไอ้บอยมันโพสต์ของมันเอง เขาก็แคปทันกันทั้งประเทศ จะให้ตูเปิดเผยตัวตน ทั้งโลก เค้ามีแต่ช่วยดูแลความปลอดภัย ไม่ให้ได้รับความอันตรายจากการเปิดโปง อำนาจมืด ส่วนบ้านตูให้คนแฉ เปิดเผยตัวตนว่ะค่ะ นุ้งงงไปหมดแล้ว 5555”
สำหรับ “แหม่มโพธิ์ดำ” เคยสร้างวีรกรรมแฉมาแล้ว ถึง 5 เรื่อง
ไม่เพียง ออกมาแฉคนใกล้ชิด รมต. กักตุน “หน้ากากอนามัย” กว่าล้านชิ้น กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเซียลจนชาวเน็ตกลัวว่าเจ้าของเพจจะได้รับอันตราย ถึงขั้นมีแฮชแท็ก #saveแหม่มโพธิ์ดํา นอกจากเรื่องนี้ยังมีวีรกรรมอื่นๆ ที่เพจเคยแฉแหลกมาแล้วหลายเคส
เช่น 1. แฉ “ตำรวจภาคเหนือ” บังคับเด็กขายบริการ เมื่อเดือนเมษายน 2560
2. แฉ “เปรมชัย กรรณสูตร” ไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์ครั้งแรก
3. แฉพี่เลี้ยงเด็กทำร้ายร่างกายเด็ก เมื่อเดือนเมษายน 2561
4. แฉกลุ่มทำอาหารแมวเกรดต่ำ แอบสวมทะเบียนสินค้าอื่น เมื่อเดือนธันวาคม 2560 (ข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ / 10 มีนาคม 2563 /โดย เบญจวรรณ บั้งจันอัด)
ประเด็นของ “โจ นูโว” คือ ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลลุงตู่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งแน่นอน คือ กำลังใจแด่คนทำงาน ขณะเดียวกัน ประเด็นของ “จาตุรนต์” เป็นการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ที่สังคมไทยจำเป็นต้องมีคนเช่นนี้เช่นกัน รวมถึง แหม่มโพธิ์ดำ
เหนืออื่นใด ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง และพิสูจน์ได้ ไม่เช่นนั้น ก็จะกลายเป็นการปลุกกระแสสร้างเรื่องโจมตีรัฐบาล ซ้ำเติมสถานการณ์ความรุนแรงของ ไวรัสโควิด-19 เข้าไปใหญ่ นั่นไม่เพียงบั่นทอนกำลังใจคนทำงาน หากแต่ถือเป็นความผิดอย่างมหันต์ ในทางสังคมด้วย เพราะก็ไม่ต่างจากไวรัสตัวอันตรายสักเท่าไรเลย