Youtube :Travel MGR
“ผีน้อย”
ชื่อนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงเพียงชั่วข้ามคืน ต่อกรณีกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าผีน้อย จากเกาหลีใต้จำนวนมากขอให้รัฐบาลช่วยกลับเมืองไทย เพื่อหนีภัยพิษไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดหนักในเกาหลีใต้
ผีน้อย เป็นคำที่ใช้เรียกขานคนไทยที่ลักลอบเดินทางไปทำงานในต่างประเทศแบบผิดกฎหมาย ซึ่งมีทั้งการไปเป็นแรงงาน หรือผู้หญิงบางคนก็เป็นผีน้อยขายบริการ โดยผีน้อยที่ขึ้นชื่อที่สุดก็เห็นจะเป็นผีน้อยในเกาหลีใต้ ที่มีคนไทยลักลอบไปเป็นผีน้อยในประเทศนี้กันเป็นจำนวนมาก
สำหรับวิธีการลักลอบเข้าไปแบบผิดกฎหมายนั้นก็ทั้งผ่านทางสายทางนายหน้า และโดยเฉพาะผีน้อยจำพวกที่ทำทีซื้อทัวร์ไปเที่ยวเกาหลีใต้ แล้วหนีทัวร์ไปทำงานแบบผิดกฎหมาย
กรณีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของวงการท่องเที่ยวบ้านเรา เพราะบรรดาผีน้อยที่เห็นแก่ตัว ได้ทำให้ไกด์ไทยหลายคนที่นำทัวร์ไปเกาหลีใต้ต้องเดือดร้อนกันหลายคน บางคนถึงขนาดต้องตกงานจากการพาทัวร์เกาหลีใต้
นอกจากนี้ก็ยังทำให้คนไทยไปเกาหลีใต้ยากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวผู้หญิงหลายคนที่ตั้งใจไปเที่ยวเกาหลีใต้ถูกมองด้วยภาพไม่ดี กระทบไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทบไปถึงแม้กระทั่งน้องลิซ่า แบล็กพิงก์ที่ต้องโดนบูลลี่จากกรณีผีน้อยไทยแลนด์
สำหรับสาเหตุที่คนไทยส่วนหนึ่งยอมทำผิดกฎหมายไปเป็นผีน้อยก็มาจากเรื่องเงินเป็นหลัก เพราะค่าแรงค่าจ้างในเกาหลีใต้นั้น สูงกว่าที่เมื่อไทยถึง 3-5 เท่า ด้วยเหตุนี้บรรดาผีน้อยจึงยอมเสี่ยง เพราะถ้าไม่ถูกจับก็สามารถทำงานทำเงินรายได้ดีกันต่อไป โดยบรรดาผีน้อยที่ลักลอบไปทำงานในต่างประเทศนั้น ส่วนใหญ่นั้นก็เป็นผู้ที่อยู่ในสภาวะที่ต้องใช้เงินหรือผู้มีฐานะไม่ดี
ส่วนที่น่าตกใจก็คือ จากการสำรวจของกระทรวงแรงงานในปี 2561-2562 เกาหลีใต้มีแรงงานไทยประมาณ 200,000 คน ในจำนวนนี้เป็นแรงงานที่ลักลอบทำงานหรือผีน้อยถึง 120,000 คนเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่ผีน้อยในเกาหลีใต้จะเป็นผู้หญิง และประมาณ 5 หมื่นคนในนี้ไปทำงานในร้านนวดและสถานบันเทิง ซึ่งมีรายได้สูงเดือนละร่วมแสนบาทเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี หลังเกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 ระบาดหนักในเกาหลีใต้ ผีน้อยจำนวนมากได้ขอให้รัฐบาลช่วยนำกลับเมืองไทย เพื่อหนีภัยพิษไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดหนักในเกาหลีใต้
ส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านผีน้อยกลับเมืองไทยขึ้น จนถึงขนาดชาวเน็ตติดแฮชแทคต้าน #ผีน้อย ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์กันเลยทีเดียว เนื่องจากกลัวว่าพวกเขาจะนำเชื้อไวรัสโควิด-19 มาระบาดในเมืองไทย โดยแฟนเพจเฟซบุ๊กดัง Drama-addict ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า ข้อเสนอถึง เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมรับมือผีน้อย 5000 คนที่กำลังขอกลับไทย ซึ่งมีจำนวนนึงมาจากพื้นที่เสี่ยงมากอย่างแทกู อยากให้เราทำตามแนวทางที่ออสเตรเลียเคยทำ
ตอนนั้นเขาอพยพคนกลับจากจีนหลายร้อยคน แล้วใช้พื้นที่บนเกาะคริสต์มาสของประเทศเขาในการกักกันเพื่อสังเกตอาการคนที่อพยพกลับ จนมั่นใจว่าปลอดภัย ไม่ติดโรค จึงให้กลับเข้าประเทศ ของเราน่าจะทำคล้ายๆ กัน
เช่น อาจหาเกาะ หรือพื้นที่ที่แยกจากแหล่งชุมชนได้ เพื่อกักกันโรคคนกลุ่มนี้ จนพ้นสิบสี่วัน ถ้าไม่ติดเชื้อใดๆ ก็ให้เข้าประเทศได้ตามปกติ แบบนี้น่าจะปลอดภัยกับทุกฝ่าย เพราะส่วนตัวไม่เชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะยอมทำตามมาตรการกักกันโรคที่บ้านอย่างเคร่งครัด 14 วัน
ขณะที่บนโลกออนไลน์นั้นก็มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผีน้อยอย่างมากมาย โดยส่วนใหญ่จะมีความคิดเห็น “ด้านลบ” ต่อบรรดาผีน้อยทั้งหลาย
และยิ่งมีการแชร์ข่าวถึงขอเรียกร้องของผีน้อยส่วนหนึ่งต่อรัฐบาลหลังนำพวกเขากลับมาเมืองไทย รวมไปถึงการที่มี ผีน้อยบางคนนำเรื่องเงินรายได้ที่สูงกว่าเมืองไทยมาโพสต์โต้ตอบ ก็ยิ่งสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับคนเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งจัดหนักมากับข้อความก่นด่าสารพัดสารพัน
แต่กระนั้นก็มีบ้างที่เข้ามาโพสต์แสดงความเห็นอกเห็นใจผีน้อย เพราะเห็นว่าถ้าไม่จำเป็น ไม่ต้องการใช้เงินคงไม่ต้องลงทุนยอมเสี่ยงทำผิดกฎหมายเช่นนี้
ขณะเดียวกันทาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาใหญ่ของผีน้อยที่มีผลกระทบต่อมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ในเมืองไทย (ผ่านทางรายการคมชัดลึก) ว่า ไทยต้องรับพวกผีน้อยกลับมา เพราะพวกนี้เป็นคนไทย เพียงแต่ต้องรับคนพวกนี้กลับมาในสภาพที่แพร่เชื้อไม่ได้ หรือถ้าจะแพร่เชื้อก็ต้องเป็นกลุ่มน้อยที่สุด
สำหรับผีน้อยกับการแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 ถือเป็นอีกหนึ่งเผือกร้อนปัญหาใหญ่เร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและตรงจุดที่สุด
ส่วนระยะยาวรัฐก็ต้องแก้ไขในเรื่องการลักลอบไปทำงานอย่างผิดกฎหมายของบรรดาผีน้อยทั้งหลายให้ชัดเจนด้วยเช่นกัน เพราะนี่ถือเป็นหนึ่งในปัญหาเรื้อรังของไทยทั้งด้านแรงงานและด้านท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาดูเหมือนว่าทางภาครัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องยังคงแก้กันแบบไม่ตรงจุดสักเท่าไหร่
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
“ผีน้อย”
ชื่อนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงเพียงชั่วข้ามคืน ต่อกรณีกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าผีน้อย จากเกาหลีใต้จำนวนมากขอให้รัฐบาลช่วยกลับเมืองไทย เพื่อหนีภัยพิษไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดหนักในเกาหลีใต้
ผีน้อย เป็นคำที่ใช้เรียกขานคนไทยที่ลักลอบเดินทางไปทำงานในต่างประเทศแบบผิดกฎหมาย ซึ่งมีทั้งการไปเป็นแรงงาน หรือผู้หญิงบางคนก็เป็นผีน้อยขายบริการ โดยผีน้อยที่ขึ้นชื่อที่สุดก็เห็นจะเป็นผีน้อยในเกาหลีใต้ ที่มีคนไทยลักลอบไปเป็นผีน้อยในประเทศนี้กันเป็นจำนวนมาก
สำหรับวิธีการลักลอบเข้าไปแบบผิดกฎหมายนั้นก็ทั้งผ่านทางสายทางนายหน้า และโดยเฉพาะผีน้อยจำพวกที่ทำทีซื้อทัวร์ไปเที่ยวเกาหลีใต้ แล้วหนีทัวร์ไปทำงานแบบผิดกฎหมาย
กรณีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของวงการท่องเที่ยวบ้านเรา เพราะบรรดาผีน้อยที่เห็นแก่ตัว ได้ทำให้ไกด์ไทยหลายคนที่นำทัวร์ไปเกาหลีใต้ต้องเดือดร้อนกันหลายคน บางคนถึงขนาดต้องตกงานจากการพาทัวร์เกาหลีใต้
นอกจากนี้ก็ยังทำให้คนไทยไปเกาหลีใต้ยากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวผู้หญิงหลายคนที่ตั้งใจไปเที่ยวเกาหลีใต้ถูกมองด้วยภาพไม่ดี กระทบไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทบไปถึงแม้กระทั่งน้องลิซ่า แบล็กพิงก์ที่ต้องโดนบูลลี่จากกรณีผีน้อยไทยแลนด์
สำหรับสาเหตุที่คนไทยส่วนหนึ่งยอมทำผิดกฎหมายไปเป็นผีน้อยก็มาจากเรื่องเงินเป็นหลัก เพราะค่าแรงค่าจ้างในเกาหลีใต้นั้น สูงกว่าที่เมื่อไทยถึง 3-5 เท่า ด้วยเหตุนี้บรรดาผีน้อยจึงยอมเสี่ยง เพราะถ้าไม่ถูกจับก็สามารถทำงานทำเงินรายได้ดีกันต่อไป โดยบรรดาผีน้อยที่ลักลอบไปทำงานในต่างประเทศนั้น ส่วนใหญ่นั้นก็เป็นผู้ที่อยู่ในสภาวะที่ต้องใช้เงินหรือผู้มีฐานะไม่ดี
ส่วนที่น่าตกใจก็คือ จากการสำรวจของกระทรวงแรงงานในปี 2561-2562 เกาหลีใต้มีแรงงานไทยประมาณ 200,000 คน ในจำนวนนี้เป็นแรงงานที่ลักลอบทำงานหรือผีน้อยถึง 120,000 คนเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่ผีน้อยในเกาหลีใต้จะเป็นผู้หญิง และประมาณ 5 หมื่นคนในนี้ไปทำงานในร้านนวดและสถานบันเทิง ซึ่งมีรายได้สูงเดือนละร่วมแสนบาทเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี หลังเกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 ระบาดหนักในเกาหลีใต้ ผีน้อยจำนวนมากได้ขอให้รัฐบาลช่วยนำกลับเมืองไทย เพื่อหนีภัยพิษไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดหนักในเกาหลีใต้
ส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านผีน้อยกลับเมืองไทยขึ้น จนถึงขนาดชาวเน็ตติดแฮชแทคต้าน #ผีน้อย ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์กันเลยทีเดียว เนื่องจากกลัวว่าพวกเขาจะนำเชื้อไวรัสโควิด-19 มาระบาดในเมืองไทย โดยแฟนเพจเฟซบุ๊กดัง Drama-addict ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า ข้อเสนอถึง เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมรับมือผีน้อย 5000 คนที่กำลังขอกลับไทย ซึ่งมีจำนวนนึงมาจากพื้นที่เสี่ยงมากอย่างแทกู อยากให้เราทำตามแนวทางที่ออสเตรเลียเคยทำ
ตอนนั้นเขาอพยพคนกลับจากจีนหลายร้อยคน แล้วใช้พื้นที่บนเกาะคริสต์มาสของประเทศเขาในการกักกันเพื่อสังเกตอาการคนที่อพยพกลับ จนมั่นใจว่าปลอดภัย ไม่ติดโรค จึงให้กลับเข้าประเทศ ของเราน่าจะทำคล้ายๆ กัน
เช่น อาจหาเกาะ หรือพื้นที่ที่แยกจากแหล่งชุมชนได้ เพื่อกักกันโรคคนกลุ่มนี้ จนพ้นสิบสี่วัน ถ้าไม่ติดเชื้อใดๆ ก็ให้เข้าประเทศได้ตามปกติ แบบนี้น่าจะปลอดภัยกับทุกฝ่าย เพราะส่วนตัวไม่เชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะยอมทำตามมาตรการกักกันโรคที่บ้านอย่างเคร่งครัด 14 วัน
ขณะที่บนโลกออนไลน์นั้นก็มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผีน้อยอย่างมากมาย โดยส่วนใหญ่จะมีความคิดเห็น “ด้านลบ” ต่อบรรดาผีน้อยทั้งหลาย
และยิ่งมีการแชร์ข่าวถึงขอเรียกร้องของผีน้อยส่วนหนึ่งต่อรัฐบาลหลังนำพวกเขากลับมาเมืองไทย รวมไปถึงการที่มี ผีน้อยบางคนนำเรื่องเงินรายได้ที่สูงกว่าเมืองไทยมาโพสต์โต้ตอบ ก็ยิ่งสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับคนเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งจัดหนักมากับข้อความก่นด่าสารพัดสารพัน
แต่กระนั้นก็มีบ้างที่เข้ามาโพสต์แสดงความเห็นอกเห็นใจผีน้อย เพราะเห็นว่าถ้าไม่จำเป็น ไม่ต้องการใช้เงินคงไม่ต้องลงทุนยอมเสี่ยงทำผิดกฎหมายเช่นนี้
ขณะเดียวกันทาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาใหญ่ของผีน้อยที่มีผลกระทบต่อมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ในเมืองไทย (ผ่านทางรายการคมชัดลึก) ว่า ไทยต้องรับพวกผีน้อยกลับมา เพราะพวกนี้เป็นคนไทย เพียงแต่ต้องรับคนพวกนี้กลับมาในสภาพที่แพร่เชื้อไม่ได้ หรือถ้าจะแพร่เชื้อก็ต้องเป็นกลุ่มน้อยที่สุด
สำหรับผีน้อยกับการแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 ถือเป็นอีกหนึ่งเผือกร้อนปัญหาใหญ่เร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและตรงจุดที่สุด
ส่วนระยะยาวรัฐก็ต้องแก้ไขในเรื่องการลักลอบไปทำงานอย่างผิดกฎหมายของบรรดาผีน้อยทั้งหลายให้ชัดเจนด้วยเช่นกัน เพราะนี่ถือเป็นหนึ่งในปัญหาเรื้อรังของไทยทั้งด้านแรงงานและด้านท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาดูเหมือนว่าทางภาครัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องยังคงแก้กันแบบไม่ตรงจุดสักเท่าไหร่
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR