“#รัฐบาลขอทาน” ใบสั่งใคร??? หลัง “เพื่อแม้ว” ดาหน้าติดแฮชแท็ก ขณะ ดร.เสรี ชี้เปรี้ยง “20 เศรษฐี” ไม่ใช่ตาม Forbes ไม่เกี่ยวกับ “ทักษิณ” ด้าน ดร.สุวินัย ขานรับ “ลุงตู่” มองข้ามช็อตสู่การฟื้นฟูประเทศ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (18 เม.ย. 63) นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ระบุว่า
“ถ้าจะพูดเรื่องเงิน รัฐบาลควรรับฟังทุกฝ่ายแล้วใช้เวลาทบทวนแผนการงบประมาณเป็นกว่า 1 ล้านล้าน ให้เป็นประโยชน์กว่าที่เป็นอยู่ และควรวางแผนสร้างรายได้ของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่มาออกอาการหมดท่าหวังเงินบริจาคจากมหาเศรษฐี เหมือนไม่รู้หน้าที่ของตัวเองแบบนี้ #รัฐบาลขอทาน”
เช่นเดียวกับ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า
“วันก่อนบริจาคชุดตรวจโควิด ให้ทุกชาติอาเซียน โชว์ป๋า วันนี้ ถือกะลา เขียนจดหมายหาเศรษฐี ให้ช่วย #รัฐบาลขอทาน”
และโพสต์ด้วยว่า “เศรษฐีคนใดจะให้คำแนะนำหรือบริจาคควรเป็นไปตามความสมัครใจ ไม่ควรบังคับหรือกดดันผ่านสื่อจากรัฐบาล ที่มีผลต่อธุรกิจของเขา เพราะผลประโยชน์ต่างตอบแทนและการทุจริตคอร์รัปชันจะตามมา #โควิด19 #ทําไมไม่ได้ 5 พัน #รัฐบาลขอทาน”
ไม่เพียงเท่านั้น เฟซบุ๊ก Watana Muangsook ของ นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความระบุว่า
“วิกฤตสร้างได้ทั้งฮีโร่คือวีรบุรุษและซีโร่หรือผู้นำกลวง วิกฤตโควิด-19 คงทำให้คนไทยตาสว่างแล้วว่า หัวหน้ารัฐบาลเป็นวีรบุรุษหรือผู้นำกลวง
ด้านความรับผิดชอบต่อประชาชนดูจากการจ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งตามหลักต้องจ่ายให้กับทุกคน เพราะประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ และเป็นผู้จ่ายภาษีให้รัฐ เมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากทั้งคำสั่งของรัฐเองและจากโรคภัย รัฐจึงมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลประชาชนให้รอดพ้นจากการอดตาย ประชาชนจะได้กลับมาทำงานและเสียภาษีเพื่อให้รัฐได้เอาเงินนั้นมาใช้จ่ายและชำระหนี้ การจ่ายเงินเยียวยาจึงไม่ได้เป็นบุญคุณแต่เป็นหน้าที่
ด้านการบริหารดูได้จากภาพของเศรษฐกิจไทยก่อนการยึดอำนาจที่มีคนเข้าคิวบริจาคเงินให้ม็อบ กับภาพของเศรษฐกิจหลังจากการยึดอำนาจที่คนไทยต้องไปเข้าคิวรอรับแจกทานอาหาร คงบอกถึงฝีมือการบริหารประเทศของท่านนายกฯที่หาญกล้าวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้คนไทยเดินตาม แต่ไม่มีปัญญาจัดการให้ประชาชนมีเครื่องมือป้องกันสุขภาพตัวเองในราคาที่เป็นธรรม ไม่มีปัญญาจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็นให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องเสี่ยงภัยจนต้องขอรับบริจาค และไม่มีปัญญาดูแลคนไทยจนต้องไปเข้าแถวเสี่ยงการติดเชื้อรอรับแจกอาหารเหมือนขอทาน
ต้นเหตุของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งใหญ่ จนนำไปสู่การล็อกดาวน์ประเทศ สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทยทุกคน คือสนามมวยลุมพินี ซึ่งเป็นของกองทัพบกที่ฝ่าฝืนคำสั่งของรัฐบาลจัดชกมวย ในขณะที่ประชาชนที่ฝ่าฝืนคำสั่งถูกดำเนินคดีและถูกศาลพิพากษาจำคุก ประชาชนจึงฝากถามพลเอก ประยุทธ์ ว่า ได้ดำเนินคดีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ผบ.ทบ. ไปถึงไหนแล้ว สิ่งนี้คือความเท่าเทียมของบุคคลที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันที่ประชาชนรอคำตอบจากรัฐบาล
ทำประชาชนเป็นขอทานแล้ว ยังจะทำหนังสือไปขอให้เศรษฐีช่วยเหลือประเทศ ทั้งที่เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ก็คือ การทำรัฐบาลเป็นขอทาน จะเลอะไปถึงไหนครับท่านผู้นำ #รัฐบาลขอทาน”...
แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“20 เศรษฐีที่นายกฯ จะคุยด้วยเพื่อหารือด้านเศรษฐกิจ คือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในมิติต่างๆ ไม่ใช่ 20 เศรษฐีตามการจัดอันดับของ Forbes แล้วสื่อที่นำเสนอชื่อ top 20 เศรษฐีนั้น เอามาจากไหน รายงานข่าวเร็วไปไหม ไม่ตรวจสอบกันเลยเนาะ
สิ่งที่นายกฯท่านจะปรึกษา 3 ประเด็นใหญ่ชัดเจน และน่าจะแสดงวิสัยทัศน์ที่ดี 3 ประเด็น นั้นคือ 1. อยากให้พยุงการจ้างงานเพื่อไม่ให้คนตกงาน 2. ช่วยลดราคาสินค้าเพื่อลดภาระของประชาชน และ 3. มาช่วยกันคิดว่าจะฟื้นเศรษฐกิจอย่างไร
เรื่องนี้แล้วแต่คนจะมอง คนมองบวกก็จะบอกว่า นี่คือ การระดมความคิดทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจมาช่วยให้ประเทศไทยฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจให้ได้ หลังจากท่านได้คุณหมอมาช่วยท่านสู้กับ COVIT ได้ดีมากๆ
เมื่อเอาชนะโรคระบาดได้ เราก็ต้องฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่า ครม. จะเก่งหรือไม่เก่งอย่างไร การฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจจะอาศัยความคิดนักการเมืองฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องบูรณาการความคิดของนักธุรกิจทุก sector ที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจเข้ามาเป็น recovery plan เราจึงจะฟื้นได้
สู้โรคด้วยคำแนะนำของหมอผู้เชี่ยวชาญจนเอาชนะได้แล้ว จะฟื้นเศรษฐกิจด้วยคำแนะนำของนักธุรกิจที่มีความสำคัญกับการพัฒนาและการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ น่าจะเป็นการขับเคลื่อนที่ถูกต้องนะคะ
อย่าจ้องแซะ แขวะ ด่า มันทุกเรื่อง เพราะเกลียดลุงตู่เลยคิด วางการเมืองแบบกีฬาสีลงก่อนเถอะนะคะ คิดถึงประเทศชาติ มาเป็นครอบครัวเดียวกัน สู้ปัญหาไปด้วยกัน ให้เราชนะไปด้วยกันเถอะนะคะ ขอร้องค่ะ”
กรณีของ ดร.เสรี เท่ากับว่า ไม่เกี่ยวกับที่ นิตยสารฟอร์บส์ ไทยแลนด์ จัดอันดับเศรษฐีเมืองไทยเอาไว้ ซึ่งถ้านับ 1 ถึง 20 อันดับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังหลบหนีคดีและโทษจำคุก อยู่ในอันดับ 16 จึงเท่ากับตอบข้อสงสัยชาวเน็ตไปด้วยแล้ว
สอดรับ กับ ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “เศรษฐกิจน้ำใจ : อีกรูปแบบหนึ่งของเศรษฐกิจพอเพียงที่ผู้ให้รู้จักพอ”
เนื้อหาระบุว่า “โดยส่วนตัวผมเข้าใจว่าลุงตู่มองข้ามวิกฤตโควิดไปแล้ว ตัวผมเองก็มองข้ามวิกฤตโควิดไปแล้ว โดยแลไปข้างหน้า
หลังโควิดคงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง หรือภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดทั่วโลกอย่างแน่นอนและหลายปีด้วย
...อันนี้ผมฟันธงล่วงหน้าตั้งแต่ตอนนี้ได้เลย ทุกคนจะได้เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมกันทั้งประเทศ รับมือได้ถูก เพราะไม่มีความหวังลมๆ แล้งๆ เกี่ยวกับอนาคตอันใกล้
ผมเข้าใจว่า พอถึงตรงนี้ลุงตู่คงมองออกแล้วว่า ... ลำพังแค่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลคงเอาไม่อยู่แน่นอน ดูวิธีคิดวิธีการที่ผ่านมาของกระทรวงการคลังในการรับมือก็เห็นได้ชัดแจ้งแล้ว
ดังนั้น ลุงตู่จึงคิดที่จะระดมกำลังทั้งประเทศเข้าสู้
เรื่องส่งจดหมายเปิดผนึกถึง 20 มหาเศรษฐีที่อยู่ในเมืองไทย จึงเป็นเพียงห่วงโซ่ข้อต่อหนึ่งที่สำคัญยิ่งในแผนสู้รบแบบบูรณาการของลุงตู่เท่านั้น
หลังจากนี้ คงมีการคุยตกลง ยอมรับ ร่วมมือกัน เพื่อเป็นการแสดงถึงความจริงใจในการให้มาช่วยประเทศ
แน่นอนว่า ในอนาคตกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ ย่อมมีอิทธิพลในการบริหารประเทศในวันข้างหน้ายิ่งกว่าตอนนี้
วิกฤตจะที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่ลุงตู่คิดคือต้องการระดมสมองในภาคธุรกิจจริงๆ
ให้สามารถนำพาขับเคลื่อนฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้”
จากโพสต์ทั้งหมดที่หยิบยกมานี้ สิ่งหนึ่งที่ต้องการสะท้อนให้เห็น ก็คือ การตีความคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ที่ต่างมุมมอง
แน่นอน, คนที่มองอย่างให้ความเป็นธรรม ก็จะอธิบายออกมาในแง่บวก และใช้สามัญสำนึก ความรับผิดชอบชั่วดี เข้าไปจับ อย่างตรงไปตรงมาไม่บิดเบือน
แต่ใครที่มีอคติทางการเมือง มีจุดยืนอยู่ฝ่ายตรงข้าม มองอย่างคนที่ต้องการเล่นเกมการเมือง ก็คงคิดได้อย่างเดียวว่า ติดต่อกับมหาเศรษฐี ก็คือ “ขอทาน” ซึ่งตัวเองสมัยเป็นรัฐบาล ก็ติดต่อกับมหาเศรษฐีเช่นเดียวกัน และอาจคนเดียวกันด้วย เป็น “ขอทาน” หรือไม่ แค่นี้ผู้อ่านก็น่าจะเข้าใจได้แล้ว ว่าใครสร้างสรรค์ หรือ ทำลาย!?
ส่วนว่ามี “ใบสั่งใครหรือไม่???” ที่ #รัฐบาลขอทาน เป็นขบวน เป็นอีกเรื่อง ที่ห้ามใครคิดไม่ได้เช่นกัน