xs
xsm
sm
md
lg

ฝุ่นเป็นพิษ! “ดร.เสรี” จวก วิกฤต PM2.5 “ฝ่ายค้าน” ยังมุ่งล้มรัฐบาล ไม่คิดถึงประเทศชาติ แนะเสนอทางออกที่ดี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ดร.เสรี” เซ็งการเมืองไทย ฝ่ายค้าน ค้านตะพึด แม้ยามวิกฤตก็ไม่เว้น ยกฝุ่น PM 2.5 ฝ่ายค้านมีข้อเสนอดีๆ อะไร ก็ต้องช่วยกัน อย่ากลัวแต่รัฐบาลจะได้คะแนน แล้วล้มยาก

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (25 ม.ค.63) เฟซบุ๊ก ดร.เสรี วงษ์มณฑา ของ ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย และคณาจารย์สถาบันทิศทางไทยนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์ ข้อความระบุว่า

“เวลาเกิดวิกฤตในประเทศที่นักการเมืองรักชาติ ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะร่วมมือกันแก้วิกฤต เป็น bipartisan movement คือการขับเคลื่อนที่ทั้งสองฝ่ายช่วยกันแก้ปัญหาของประเทศ

แต่ประเทศไทย เป็นฝ่ายค้านต้องค้านเพื่อด่ารัฐบาลทุกเรื่อง เพื่อด้อยค่าการทำงานของรัฐบาล ไม่ช่วยคิดช่วยทำ แล้วยังตำหนิมาตรการของรัฐบาลทุกเรื่อง รวมทั้งสร้าง fake news กล่าวหาการทำงานของรัฐบาลอีกต่างหาก แล้วจะฝ่าวิกฤตได้อย่างไร

เรื่องฝุ่น PM 2.5 เป็นวิกฤต ฝ่ายค้านมีแนวคิดดีๆที่อยากแนะนำรัฐบาล ก็บอกมาเถอะค่ะ อย่าเอาแต่ด่าว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร หรือตำหนิทุกมาตรการที่รัฐบาลประกาศออกมา คิดถึงสวัสดิการของประชาชนให้มากกว่าการดำเนินการล้มรัฐบาลก่อนดีกว่าไหมคะ

เรื่องไข้หวัดโคโรนา ก็เป็นวิกฤตนะคะ สอนสื่อฝ่ายรัฐอย่าสร้าง fake news มากล่าวหาว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร ไม่ป้องกันไม่แก้ไข จะปล่อยข่าวให้ประชาชนตกใจไปทำไมคะ ทำไมไม่ช่วยกันเผยแพร่วิธีการดูแลตัวเองให้ประชาชน และบอกประชาชนว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ให้ประชาชนคลายวิตกดีไหมคะ

หรือมีคำแนะนำอะไร ก็อย่าอุบไว้เลยคะ บอกมาเถอะคะ คิดถึงชีวิตของประชาชนให้มากกว่ากลัวรัฐบาลจะได้คะแนนเพิ่มจนล้มยาก จนไม่เคยคิดที่ช่วยให้ประเทศชาติและประชาชนพ้นวิกฤตนะคะ

ประเด็นของ ดร.เสรี ดูเหมือนสอดคล้องกับความเป็นจริงอยู่มิใช่น้อย แต่ดูเหมือนคนไทยก็รู้ดีเรื่องนี้

อย่างวันเดียวกัน (25 ม.ค.63) บอล วิ่งไล่ลุง หรือ นายธนวัฒน์ วงค์ไชย หรือ บอล แกนนำกลุ่มวิ่งไล่ลุง ได้โพสต์ข้อความลงในทวีตเตอร์ระบุว่า

"ไม่มีปัญญาแจกหน้ากากกัน #ฝุ่นPM25 ให้ประชาชน แต่เสนอหน้าจะไปแจกเงินให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ

นี่คือ #รัฐบาลเฮงซวย ที่สุดเท่าที่ประเทศนี้เคยมีมา"

ความจริงประเด็นของ “บอล” ก็คือการขยายผลเพื่อที่จะ “ด่า” เบิ้ลรัฐบาล สองกรณี ในทวิตเดียว คือ ฝุ่นพิษ และกรณี โครงการ ชิม ช้อป ใช้ อินเตอร์ ที่รัฐบาลจะพิจารณามอบให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย

กลับมาที่ การแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ของรัฐบาล นัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เล็งเห็นมาตลอดว่า ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นเรื่องใหญ่ และไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามเฝ้าระวัง เตรียมหาแนวทางรับมือ ตลอดจนมาตรการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อจัดการปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาเพิ่มเติมจากกรณีศึกษาและการแก้ไขปัญหาของต่างประเทศ ที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเป็นยาแรง

ภาพจากแฟ้ม
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า หากมีการใช้มาตรการยาแรงบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นที่เสนอกันมา อาทิ การจับรถควันดำทุกประเภท ห้ามวิ่ง, จับรถบรรทุกไม่มีผ้าคลุมฝุ่น หรือโคลนติดล้อ, จัดการรถทะเบียนเลขคู่-คี่ ให้วิ่งเฉพาะพื้นที่ หรือวันคู่วันคี่ รวมทั้งห้ามใช้รถอายุเกิน 10-15 ปี, ปิดโรงเรียนแล้วเปิดสอนทดแทนช่วงปิดเทอม ที่สถานการณ์ฝุ่นบรรเทาลง, สั่งปิดโรงงานที่ทำให้เกิดฝุ่นเกินมาตรฐานทันที, ห้ามรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซลวิ่ง โดยบังคับให้ใช้เฉพาะน้ำมัน B5 วิ่ง, สั่งหยุดราชการ ปิดโรงเรียน ปิดศูนย์การค้า หรือจำกัดวันเพื่อลดการใช้รถ, หยุดการก่อสร้างขนาดใหญ่ทุกชนิดเป็นการชั่วคราว และการเปลี่ยนรถขนส่งสาธารณะ ทั้ง ขสมก. หรือ แท็กเป็นรถไฟฟ้า เป็นต้น

ย่อมส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน และจะกระทบต่อเป็นลูกโซ่อีกหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งหลายเรื่องก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เมื่อเป็นเช่นนี้นายกฯก็เข้าใจเหตุผลความจำเป็น และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปวางมาตรการที่ค่อยเป็นค่อยไปจากเบาไปให้หนัก เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนมากเกินไป

"พรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ยาแรง มองว่าเป็นแค่ลูกไม้ตีกินทางการเมืองเท่านั้น เพราะรู้ดีว่า ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ไม่สามารถผลักดันมาตรการยาแรงให้เกิดขึ้นได้จริง

และหากว่า พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจใช้ยาแรงจริง ก็จะส่งผลกระทบต่อภาคส่วนอื่น โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจ ก็คงถูกหยิบเป็นประเด็นโจมตีรัฐบาลอย่างแน่นอน ตรงนี้ต้องถามกลับว่าพรรคเพื่อไทย หรือพรรคอนาคตใหม่ จะร่วมกันรับผิดชอบหรือไม่ และประชาชนรับยาแรงขนานใดได้บ้าง ซึ่งแต่ละภาคส่วน แต่ละสาขาอาชีพ ก็ย่อมเห็นไม่ตรงกันอีก และจะมีผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชนที่ตามมา ซึ่งคนเป็นรัฐบาลต้องแก้ปัญหาอย่างรอบคอบระมัดระวัง ไม่แก้ปัญหาหนึ่งไปสู่อีกหลายปัญหา" แหล่งข่าวจากรัฐบาลระบุ (ไทยรัฐออนไลน์ 22 ม.ค.63)

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับประชาชนหลายอาชีพ และแหล่งมลพิษก็มีความซับซ้อน ไม่ง่ายที่จะแก้ปัญหา อย่างที่มีการหยิบยกมาดังกล่าว

ดังนั้น เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับ ดร.เสรี ที่โพสต์เตือนนักการเมือง โดยเฉพาะฝ่ายค้าน ว่าอย่าเห็นแก่เกมล้มรัฐบาลเท่านั้น ควรจะเร่งเข้ามาร่วมมือกับรัฐบาลเสนอมาตรการที่คิดว่า ได้ผลต่อการแก้ปัญหา มากกว่าได้ผลทางการเมือง

เพราะถ้าเราร่วมมือช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชการ ฝ่ายนักลงทุน อุตสาหกรรม ฝ่ายพ่อค้า ประชาชน ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงกับแก้ได้โดยเด็ดขาด อย่างน้อยก็น่าจะทำให้ปัญหาบรรเทาเบาบางลงได้ นี่ต่างหากที่ประชาชนอยากเห็น ไม่ใช่ชัยชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วก็สะใจอยู่บนกองปัญหาเหมือนเดิม หรือไม่จริง


กำลังโหลดความคิดเห็น