เอาเข้าจริง ความผิด “ส้มหวาน” ไม่ใช่แค่ยุบพรรคเสียแล้ว “หมอวรงค์” แฉกู้ซ่อนเงื่อน-ให้การเท็จ “อัษฎางค์” โยน “ถูก-ผิด” อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ “ไม่ยุบ” ก็สู้ต่อ “ยุบ” ก็ต้องสู้รูปแบบใหม่ เหน็บแรง “มันเป็นลูกกลมๆ สีส้มที่กลิ้งได้”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(19 ก.พ.63) เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) โพสต์หัวข้อ “กู้ซ่อนเงื่อนกับคำให้การเท็จ”
โดยระบุว่า “นักการเมืองที่ใกล้จะสูญเสีย มักจะทำได้ทุกอย่าง แม้แต่คำให้การเท็จ ที่สำคัญคือ หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงปมปัญหา แต่จะพูดอยู่มุมเดียวที่ตนเองอยากพูด เพราะชี้แจงปัญหาไม่ได้
1.วันที่ 19 มีนาคม 2562 คุณช่อไปพูดในรายการทีวีว่า พรรคกู้เงินนายธนาธร(จึงรุ่งเรืองกิจ) 250 ล้านบาท
2. วันที่ 5 เมษายน 2562 นายธนาธรพูดระหว่างการแถลงข่าวหลังการเลือกตั้ง ในงานอนาคตใหม่ไฟแรงเฟร่อ! พรรคอนาคตใหม่กู้เงินตนเอง 90 ล้านบาท
3.วันที่ 15 พฤษภาคม 2562 นายธนาธร ไปพูดที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ให้พรรคกู้เงิน 110 ล้านบาท
4.ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม 2562 นายธนาธรให้ปากคำกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของกกต.ว่าให้พรรคกู้ 161.2 ล้านบาท นายปิยบุตร(แสงกนกกุล) และเหรัญญิกพรรคให้การตรงกันคือ 161.2 ล้านบาท
5.วันที่ 25 สิงหาคม 2562 นายธนาธรยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ให้พรรคกู้เงิน 191.2 ล้านบาท โดยให้กู้ 2 ครั้ง ครั้งแรก 2 มกราคม 2562 เงิน161.2 ล้านบาท และ 11 เมษายน 2562 เงิน 30 ล้านบาท เท่ากับนายธนาธร นายปิยบุตร และเหรัญญิกพรรค จงใจให้การเท็จกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของกกต.
6. วันที่ 17 ตุลาคม 2562 ประชุมอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งของกกต. มีอนุกรรมการหนึ่งท่าน ตรวจสอบรายงานบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นป.ป.ช.ของนายธนาธร พบพิรุธเงินกู้ 30 ล้านบาท ที่นายธนาธรไม่เคยกล่าวถึง จึงเป็นที่มาที่พรรคกู้เงิน 191.2 ล้าน
ขนาดแค่ตัวเลขเงินกู้ ยังกล้าให้การเท็จกับประชาชน ยังไม่นับรวมให้การเท็จต่อกกต. ถามจริงๆว่า ตอนตื่นเช้ามาส่องกระจกเห็นหน้าตนเอง ไม่รู้สึกอายตัวเองบ้างเลยหรือว่า พวกเราช่างกล้าพูด กล้าทำ กล้าโกหกกับประชาชนได้ขนาดนี้เชียวหรือ
บทสรุปที่ต้องติดตามคำตัดสินของศาลฯ ไม่ใช่เพียงพรรคการเมืองกู้เงิน 191.2 ล้านบาทผิดหรือไม่ แต่ที่น่าติดตามคือ การกู้ซ่อนเงื่อนผิดหรือไม่??
#กู้ซ่อนเงื่อน??
วันเดียวกัน (19 ก.พ.2563) เฟซบุ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค ของนายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์หัวข้อ “ยุบหนอ พองหนอ”
ระบุว่า “การตัดสินคดียุบพรรคอนาคตใหม่ กำลังขมวดปมมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ในสังคมมีทั้งที่ใช้เหตุผลเป็นใหญ่ และเห็นว่าทำผิดจริงและอยากให้ยุบ กับ เห็นว่าไม่ผิดและไม่อยากให้ยุบ รวมทั้งที่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ ซึ่งมีทั้งอยากให้ยุบ และไม่อยากให้ยุบ
สำหรับผมนะครับ ขอพูดตรงๆ และถือว่าเป็นกลางที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ คือ ไม่ว่าผลออกมายังไง สำหรับผมก็คือ “ถูก” ครับ เพราะผลที่ออกมา จะมีทั้ง ถูกใจ กับ ถูกกฎหมาย หรือ ทั้งถูกกฎหมายและถูกใจ ไปพร้อมกัน
พูดแบบนี้ บางคนอาจคิดว่า ค่อนข้างกำกวม แต่ถ้าคนรู้อย่างที่ผมรู้ ก็คงเข้าใจ โดยไม่ต้องอธิบายอะไรครับ เพราะบางเรื่องก็พูดออกอากาศไม่ได้นะครับ สำหรับผมรับได้ ทั้ง 2 ถูกครับ
พูดตรงๆ นะครับ ผมอยากให้ยุบ เพราะนอกจากเรื่องคดีกู้เงินแล้ว ความผิดที่เราจับได้ มีเยอะมาก แถมพวกเขาเป็นคนปากรั่วมาก กร่างมาก อยากให้โดนหนักๆ สะใจอย่างว่า แต่....บังเอิญ ผมเป็นคนที่มีความเป็นสุภาพบุรุษ เป็นสุภาพชนพอสมควร เพราะฉะนั้น ถ้าบังเอิญว่าเขาทำผิดจริง แต่ไม่ผิดถึงขั้นยุบพรรค แล้วโดนยุบพรรค เราในฐานะสุภาพบุรุษ ก็รู้สึกอายเหมือนกัน ถ้าเล่นงานเขา เกินกว่าความเป็นจริงตามกฎหมาย เกลียดยังไง แต่เรายังมีความสุภาพบุรุษ เป็นสุภาพชน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เป็นสุภาพบุรุษ สุภาพชน ก็ตาม
มีเรื่องหนึ่งที่ผมสอนลูกอยู่ประจำคือ ให้เราคิดและทำตัวเหมือนเป็นนักมวยรุ่นเฮฟวี่เวทชิงแชมป์เปี้ยนโลก นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวทคืออะไร ปกตินักมวยที่ชกกัน จะชกกันโดยใช้น้ำหนักเป็นตัวแบ่งรุ่นที่จะชก แต่นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวท ไม่จำกัดน้ำหนัก จะหนัก จะสูง จะใหญ่ กว่าเราแค่ไหน ถือว่าเป็นรุ่นเฮฟวี่เวท ถ้าเราอยากชนะ เราต้องเจ๋งจริง
เพราะฉะนั้น เมื่ออยู่ในสนามการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นสนามใดก็ตาม ให้ทำตัวเหมือนนักมวยรุ่นเฮฟวี่เวท คือใครจะมารูปแบบใด ใหญ่กว่าเราแค่ไหน สู้กับเราแบบสุภาพบุรุษหรือไม่ เคารพกติกาหรือเปล่า เราไม่แคร์ แต่เราจะเป็นสุภาพบุรุษ ที่ยึดมั่นในกติกา และคว่ำมันให้ลงจงได้ แบบนี้สะใจและภูมิใจที่สุด
สรุป แล้วแต่ดุลยพินิจของศาล หรือ แล้วแต่บุญกรรม หรือแล้วแต่....อะไรก็ตามนะครับ ถ้ามันรอด เราก็สู้กันต่อไป ถ้ามันไม่รอด ก็เตรียมตัว สู้กันในรูปแบบต่อไป มันไม่เลิกแน่ๆ เพราะมันเป็นลูกกลมๆ สีส้มที่กลิ้งได้
นอกจากนี้(19 ก.พ.63) เฟซบุ๊ก ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด ก็ได้โพสต์ข้อความถึงการแถลงปิดคดีนอกศาลของพรรคอนาคตใหม่ว่า
“ทำไมเราไม่อดใจรอการตัดสินของศาล เราจะเป็นเทพธิดาพยากรณ์กันไปทำไม อย่าสร้างกระแสอะไรเลยค่ะ ให้ศาลเขาตัดสินแบบ free and fair เถอะนะคะ อย่าเดากันเลยค่ะ
สู้คดีใดๆ ควรสู้ด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่สู้ว่าศาลไม่มีอำนาจตัดสิน และบิดเบือนการตีความกฎหมายเอาเอง โดยไม่เคารพบทบาทหน้าที่ของศาล ดิ้นผิดทิศผิดทางมันก็ต้องเจอปัญหาแบบนี้แหละ
รายการข่าวช่องต่างๆช่างให้เวลาพวกตรรกะวิบัตินำเสนอความคิดบิดเบือนกันยาวๆจังเลยนะ บางช่องก็อธิบายแย้งหลังนำเสนอ แต่บางช่องไม่แย้ง น่าเป็นห่วงนะคะว่าบางคนอาจเชื่อการบิดเบือน
ทำไมไม่ส่งเอกสารตามที่ศาลขอ ทำไมจึงต้องแถลงปิดคดีนอกศาล การอธิบายกฎหมายมีตรรกะชัดเจนหรือจงใจบิดเบือนเพื่อประโยชน์ของตน ผู้คนที่ติดตามข่าว เขาก็มีตรรกะนะคะ
ดูเหมือน ยิ่งใกล้วันตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ(21 ก.พ.63) คดียุบพรรคอนาคตใหม่ อันเนื่องมาจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา ร้องต่อ กกต. ว่า พรรคอนาคตใหม่ กู้เงินจำนวน 191.2 ล้านบาท จากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไม่ชอบด้วยกฎหมายพรรคการเมือง และอาศัยข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “ยุบพรรค”
ก็ยิ่งมีการแฉรายวันเกิดขึ้น รวมถึงการตอบโต้ การดิ้นรน เพื่อเอาชีวิตรอดของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะการที่ยังคงพุ่งเป้าโจมตีและดิสเครดิตไปยัง กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ จนทำให้หลายฝ่ายสุดที่จะทน กับความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นจากข้อเท็จจริง ไปสู่การใช้กลเกมสร้างกระแสกดดันกับสาธารณชน และกลุ่มคนที่เป็น “ติ่ง-สาวก” แทน
แน่นอน, ข้อมูล “หมอวรงค์” ข้อมูล นายอัษฎางค์ และ ดร.เสรี ล้วนสะท้อนอย่างเห็นได้ชัดว่า ไม่เห็นด้วย พร้อมตอบโต้และอธิบาย สิ่งที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่เล่นเกม เพื่อให้สาธารณชนตาสว่าง หรือไม่หลงเชื่อในกลเกมดังกล่าว
กระนั้น ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครตอบได้ หรือ เดาถูกว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร จะมีก็แต่การปลุกกระแส “ตีตนไปก่อนไข้” เท่านั้น ที่อึกทึกครึกโครม จนทำให้หลายคนเชื่อไปแล้วว่า ศาลฯจะยุบพรรคอนาคตใหม่ เพื่อตอบสนองคนที่อยู่เบื้องหลัง... คิดได้แค่นี้ก็จบกันประเทศไทย!!!