xs
xsm
sm
md
lg

บิดเบือนเกินไป! “หมอวรงค์” กางขั้นตอน-อำนาจหน้าที่ กกต. ตบปาก “ปิยบุตร” ปั้นวาทกรรมหลอกประชาชน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หมอวรงค์” จวกยับ “ปิยบุตร” บิดเบือนความจริง คดีเงินกู้ 191.2 ล้าน พร้อมกางขั้นตอน-อำนาจหน้าที่ กกต.ยืนยัน เรียกร้องหยุดวาทกรรมชี้นำสังคม ให้เห็นว่า มีผู้มีอำนาจและผู้กำกับอยู่เบื้องหลัง ทั้งที่พวกตนทำผิดเอง

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(8 ก.พ.63) เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) โพสต์ หัวข้อสำคัญว่า “ปิยบุตรบิดเบือน หรือไม่รู้???”

โดยระบุว่า “1.เมื่อมีผู้ร้องเข้ามา คณะกรรมการกกต.ชุดใหญ่จะพิจารณา ถ้าเรื่องไม่มีมูลเรื่องจะตกไป แต่ถ้ามีมูลจะตั้ง

1.1คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เสนอความเห็น
1.2เรื่องจะผ่านมาที่เลขาธิการ กกต.(จะมีคณะทำงานชุดหนึ่งพิจารณาก่อนเสนอ เลขาธิการกกต. เหมือนธุรการ)
1.3เสนอเรื่องต่อให้อนุกรรมการวินิจฉัย
1.4เรื่องต้องจบที่คณะกรรมการ กกต.ชุดใหญ่
เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ กกต. ซึ่งจะเอาผิดทางอาญา

2.เมื่อมีข้อเท็จจริงถึงการกระทำผิดของพรรคการเมือง นายทะเบียนพรรคการเมือง (เลขาธิการ กกต.โดยตำแหน่ง) เสนอเรื่องกกต.ใหญ่ และมีมติชงศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคได้ โดยไม่ต้องตั้งข้อหาตามกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งเป็นความผิดทางการเมือง คนละส่วนกับอาญา

3.อ้างมีเอกสารหลุดว่า มีการยกคำร้องโดยคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนถึง 2 คณะ ซึ่งตามกฎหมายเรื่องต้องยุติทันที.........ไม่จริง เพราะคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนที่ยกคำร้องมีเพียงคณะเดียว ส่วนอีกชุดเป็นเพียงคณะทำงานที่พิจารณาเรื่องจากชุดแรก เสนอให้เลขาธิการกกต.พิจารณา มีเพียง 1 คน ให้ยกคำร้อง อีก 2 คน ถือว่าการสืบสวนยังไม่สมบูรณ์

กรณียกคำร้องตามกฎหมาย เรื่องต้องยุติทันที......ก็ไม่จริง เพราะถ้าเรื่องมีมูลแล้ว ต้องผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนและจบที่กกต.ใหญ่ทุกกรณี และกรรมการแต่ละชุดเป็นอิสระต่อกัน ยกเว้นไม่มีมูลแต่แรก เรื่องจึงตกไป

4.กรณีที่มีความเห็นยกคำร้องของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดแรก มีเหตุผล
4.1เงินกู้ไม่ใช่รายได้ เป็นการตีความของนักบัญชี ไม่ใช่ของนักกฎหมายตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
4.2 พรรคการเมืองอื่นก็มีการกู้ เป็นการยกตัวอย่างรายงานปี 2556 ซึ่งกฎหมายคนละฉบับกับปี 2560
4.3 กฎหมายไม่ได้ห้ามถือว่า กู้ได้ ก็ไม่ได้ตีความตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่ไม่ต้องการให้มีนายทุนมาครอบงำพรรคการเมือง

5.ไม่เคยเปิดโอกาสให้พรรค อนค. ต่อสู้คดีในฐานความผิดตามมาตรา 72 แต่อย่างใด.....ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมือง(เลขาธิการ กกต.)สามารถเสนอเรื่องให้กกต.ใหญ่ ตามข้อเท็จจริงที่ได้รับ โดยไม่ต้องแจ้งข้อกล่าวหา ตามกฎหมายพรรคการเมือง คดียุบพรรคในอดีตก็ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา

6.เอกสารหลุดของ กกต. ทางพรรคตั้งใจไว้ว่าจะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ เปิดกระบวนการไต่สวน เพื่อเรียกเอกสารดังกล่าวออกมาจาก กกต. และนำมาพิสูจน์กันในศาล....... เรื่องนี้เป็นการเบี่ยงประเด็นของนายปิยบุตร เพราะกรรมการแต่ละขั้นตอนของกกต.นั้น เป็นอิสระต่อกัน และไม่มีผลใดๆ ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะหาคำตอบเพียงว่า การกู้เงินนั้นทำได้หรือไม่

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom
7.การบริจาคเงินของพรรคประชาธิปัตย์ จากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด พบว่า มีการต่อสู้ และเปิดโอกาสไต่สวนในศาล......... จะมาเทียบกันไม่ได้ เพราะคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ ต้องมีการไต่สวนข้อเท็จจริง แต่เงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่ ข้อเท็จจริงสรุปไปแล้วว่า มีการกู้จริง ศาลเพียงแต่ตีความกฎหมายเท่านั้น แต่ศาลก็เปิดโอกาสให้ทำความเห็นเสนอศาลทั้งสองฝ่าย

8.ทราบว่า พรรคอนาคตใหม่ใช้หนี้นายธนาธร เป็นเงินสดถึงสองครั้ง ครั้งแรก 14 ล้านบาท ครั้งสอง 8 ล้านบาท ช่วยแจงหน่อยซิว่า เงินมากขนาดนี้ ทำไมแบกเป็นเงินสดใช้หนี้กัน ทำไมไม่จ่ายเช็คหรือโอนเข้าบัญชี เพราะดูแล้วแปลกๆ มีหลักฐานชี้แจงหรือไม่

9.อยากเรียกร้องทั้งนายธนาธร นายปิยบุตรหยุดสร้างวาทกรรมผู้มีอำนาจ และวาทกรรมผู้กำกับภาพยนตร์ เหมือนต้องการชี้นำว่า คดีที่เกิดขึ้นถูกชี้นำ ทั้งๆที่เรื่องที่เกิดขึ้น เกิดจากการกระทำผิดกฎหมายของพวกตนเองทั้งสิ้น ควรหันมาดูข้อผิดพลาดของตนเอง ไม่ใช่เอาแต่โทษคนอื่น ที่สำคัญหยุดข่มขู่ได้แล้วครับ บ้านเมืองต้องมีขื่อมีแปรและต้องเดินไปข้างหน้า
#รู้ทันพวกชังชาติ
#ปราบลัทธิชังชาติด้วยความจริง

ทั้งนี้ “หมอวรงค์” โพสต์เรื่องนี้ หลังจาก ก่อนหน้านี้ (6 ก.พ.63) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ในวันที่ 21 ก.พ.63

กรณีพรรคอนาคตใหม่ กู้เงิน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 191.2 ล้านบาท โดยมิชอบตามกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่ง นายศรีสุวรรณ จรรยา เป็นผู้ร้อง กกต. และ กกต.มีความเห็นส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ นั้น

นายปิยบุตร หยิบเอาเรื่อง ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีการไต่สวนพยานเพิ่มเติม ว่า พรรคอนาคตใหม่ ส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นเอกสารแล้ว แต่ไม่เห็นด้วย ที่ศาลไม่เปิดให้มีการไต่สวนพยานบุคคล เพราะพรรคอนาคตใหม่ได้ส่งบัญชีพยานให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา 17 คน

โดยหลายคนเป็นเจ้าหน้าที่ กกต.ที่มีความเห็นว่า พรรคอนาคตใหม่ ไม่มีความผิด และหลายคนเป็นเจ้าหน้าที่ กกต. ที่ลงมติยกคำร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ ในคณะอนุกรรมการสอบสวนของ กกต. แต่ กกต.กลับเดินหน้ายื่นคำร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามที่มีเอกสารหลุดมาก่อนหน้านี้ ซึ่งแตกต่างไปจากกรณีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ในคดีกู้เงินทีพีไอ ที่ศาลรัฐธรรมนูญยังเปิดให้มีการต่อสู้ในชั้นศาล

นายปิยบุตร กล่าวว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้เกิดขึ้นก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียง 3 วัน เพื่อต้องการไม่ให้มีชื่อของพรรคอนาคตใหม่ในการอภิปรายฯ รวมถึงจะทำให้สภาวะเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลหายไป ซึ่งยืนยันว่า หากท้ายที่สุดพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ และกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่จะทำหน้าที่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อไป เพราะจะไม่ให้ผู้กำกับหนังม้วนที่ชื่อว่า ยุบพรรคสำเร็จตามความต้องการ ดังนั้นพรรคอนาคตใหม่จะทำให้ผู้กำกับไม่ประสบความสำเร็จ โดยการเดินสายอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาฯ ร่วมกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และมีประเด็นที่ยังไม่เป็นที่เปิดเผยที่ไหนมาก่อน ซึ่งเชื่อว่าข้อมูลนี้จะสามารถส่งผลต่อรัฐมนตรีอย่างแน่นอน

เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยังย้ำถึงความมั่นใจในความบริสุทธิ์ของพรรค และหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีนี้อย่างถูกต้อง ซึ่งกรรมการบริหารพรรคจะไม่ลาออกจาก ส.ส.ก่อนศาลตัดสิน เพื่อเป็นการเปิดทางให้ผู้สมัครในบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน

เพราะจะถือว่าเป็นการยอมจำนนต่อความอยุติธรรม และมั่นใจว่า จะไม่มีปัญหาในการคุม ส.ส. หากแกนนำพรรคอนาคตใหม่ถูกตัดสิทธิ์ โดยทุกคนจะเดินหน้าต่อสู้เช่นเดิม ส่วนพรรคการเมืองที่จะรองรับ ส.ส.หากเกิดกรณียุบพรรคได้เตรียมไว้แล้ว ซึ่งไม่สามารถทำลายความคิดแบบอนาคตใหม่ได้

แน่นอน, ข้อมูลที่ “หมอวรงค์” นำมาเปิดเผย และแสดงให้เห็นว่า นายปิยบุตร บิดเบือนความจริง และเบี่ยงเบนประเด็น ดูเหมือน กกต. ก็เคยชี้แจงมาแล้ว แต่นายปิยบุตรและพลพรรคอนาคตใหม่ ก็ยังพากันตะแบงตะแคงข้างหัวชนฝาว่า มีหมากเด็ดที่จะทำให้รอดพ้นยุบพรรค นั่นคือ ข้อมูลหลุดของ กกต. ทั้งที่เป็น ข้อมูลจากคณะที่เล็กมาก และไม่มีอำนาจชี้ถูกชี้ผิดแล้วจบตรงนั้นด้วยซ้ำ

แต่การหยิบเอาเรื่องนี้มาแถลงตอกย้ำ ก็เพื่อที่จะทำให้เห็นว่า นี่คือ ความไม่เป็นธรรม นี่คือ อยุติธรรม และมีคนกำกับอยู่เบื้องหลัง และแม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย ใกล้วันอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เช่นกัน ถ้าไม่ผิดจะกลัวอะไร จะมองว่ามีเงื่อนงำทำไม เพราะถึงอย่างไร ก็มั่นใจว่าไม่ผิด ไม่ถูกยุบพรรคอยู่แล้ว หรือว่ารู้อยู่แก่ใจดี ไม่มีอะไรจะแก้ตัวได้ดีกว่านี้แล้ว!?


กำลังโหลดความคิดเห็น