“หมอวรงค์” จวกยับ “คนดัง-ขาประจำ” ค้านยุบ “ส้มหวาน” เหน็บ “ปิยบุตร” แถมาเรื่อย ยกเอกสารหลุดสู้, ดิสเครดิต กกต. ศาล รธน. เข้าตาจนค้านยุบพรรค ด้าน ดร.เสรี ไม่น้อยหน้า เปรียบ Pinocchio ทั้งพรรค
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(15 ก.พ.63) เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) โพสต์หัวข้อ “#เคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ”
โดยระบุว่า “ก่อนหน้านี้นายปิยบุตร(แสงกนกกุล)เคยออกมาพูดเรื่องเอกสารหลุดของกกต. แต่เมื่อผมมีโอกาสได้อ่านและชี้แจงข้อเท็จจริง ว่านายปิยบุตรไม่พูดในหลายเรื่อง ที่เป็นปัญหาของตนเอง และบางเรื่องไม่จริง กลับกลายเป็นว่าเกิด #คัดค้านยุบพรรคอนาคตใหม่!
การสร้างกระแสดังกล่าว แสดงว่ายอมจำนนต่อหลักฐานใช่หรือไม่ ผมไม่ทราบว่า ผลคำตัดสินจะออกมาเช่นไร แต่ต้องเคารพคำตัดสินของศาลครับ
#เคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
แน่นอน, โพสต์ของ “หมอวรงค์” เกิดขึ้น หลังจากมีกรณี นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ได้สร้างแคมเปญรณรงค์บนเว็บไซต์ change.org ในหัวข้อ "เปิดพื้นที่ทางการเมืองให้ทุกฝ่าย ลงชื่อคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่"
โดยมีบุคคลที่มีชื่อทางสังคม ร่วมลงชื่อเปิดแคมเปญ #คัดค้านยุบพรรคอนาคตใหม่ อาทิ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม ชาญวิทย์ นายเกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายโคทม อารียา อดีตกรรมการการเลือกตั้ง นายบรรยง พงษ์พานิช ผู้บริหารบริษัทเอกชน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แคมเปญรณรงค์บนเว็บไซต์ change.org อธิบายว่า “ฟังก่อน! เราไม่ได้บอกว่า พรรคอนาคตใหม่ดีงามสมบูรณ์แบบจนทุกคนต้องลุกขึ้นมาเป็นปากเป็นเสียงต่อสู้ให้
สิ่งที่กำลังจะบอกก็คือ ไม่ว่าเราจะมีความเชื่อแบบไหนก็ตาม จะมีคนที่เชื่อไม่เหมือนเราอยู่ร่วมสังคมเดียวกันเสมอ ไม่มีวันหายไป
การลงชื่อครั้งนี้ เป้าหมายคือ การปกป้องวันนี้และอนาคตของประเทศไทย
การเมืองที่ดีควรเป็นระบบที่เปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามาต่อสู้แข่งขันกันได้อย่างเสรีเป็นธรรม โดยมีประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ส่วนการมุ่งกำจัดกลุ่มการเมืองใดๆ ให้สิ้นซากนั้น มีแต่จะทำให้สังคมตึงเครียดรอวันระเบิด
ช่วยกันหยุดการทำลายล้างทางการเมืองครั้งใหม่ที่จะไม่เหลืออะไรนอกจากความพัง..
ความสงบจบที่อยู่ร่วมกัน
ทางออกที่ดีที่สุดคือการเปิดพื้นที่ทางการเมืองให้กว้างที่สุด สนับสนุนให้พรรคการเมืองของประชาชนเข้มแข็ง
เลิกคิดเสียทีว่า การยุบพรรคการเมืองหรือตัดสิทธิ์ทางการเมืองของคนที่คิดไม่เหมือนเรา จะนำไปสู่ความสงบในสังคม
ที่ผ่านมามีความพยายามในการหยุดยั้งหรือทำลายพรรคอนาคตใหม่อยู่จริง โดยผู้มีอำนาจไม่สนใจถึงราคาที่สังคมไทยจะต้องร่วมกันจ่าย
ประชาชนและประเทศไทยบอบช้ำมามากพอแล้ว พอกันทีกับการกดทับเสียงของความเปลี่ยนแปลง อำนาจการตัดสินปัจจุบันและอนาคตต้องอยู่ในมือประชาชนอย่างเรา ไม่ใช่อยู่ที่คนเพียงหยิบมือ
นี่เป็นโอกาสที่เราจะได้ยืนยันสิทธิอันชอบธรรมนั้น
ร่วมกันลงชื่อ เพื่อพาการเมืองไทยไปข้างหน้า
หยุดความพัง ยับยั้งความขัดแย้ง
(อ่านรายชื่อทั้งหมด https://www.thaipost.net/main/detail/57242)
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น (15 ก.พ.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มไลน์สื่อมวลชนพรรคอนาคตใหม่ มีการเผยแพร่ข้อความจากศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ ปทุมธานี เรื่อง “สมาชิกพรรคอนาคตใหม่เตรียมฟ้อง กกต. ในฐานะบุคคล”
ระบุว่า สืบเนื่องจากการที่ กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ และศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 นั้น บรรดาสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีส่วนร่วมในการก่อสร้างพรรคนี้ขึ้นมา มีความวิตกกังวลต่อคำพิพากษาว่าจะมีการยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่
ทั้งนี้ จากการที่ กกต. เร่งรัดส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทั้งการเพิ่มข้อกล่าวหาใหม่ ว่ามีความผิดตาม มาตรา 72 (รับประโยชน์ที่รู้หรือควรรู้ว่าเป็นเงินที่มิชอบด้วยกฎหมาย) ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค ทั้งที่การกู้ยืมเงินของพรรคการเมือง เป็นเรื่องปกติที่ทุกพรรคกระทำกัน โดย กกต.ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใหม่ดังกล่าวต่อพรรคฯ และไม่ได้เปิดโอกาสให้พรรคฯ แก้ข้อกล่าวหาใหม่ดังกล่าวก่อนเลย ดังนั้น การสืบสวนและการสอบสวนของ กกต.เสียงข้างมากดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
บรรดาสมาชิกอนาคตใหม่ มีความเห็นว่า แม้พรรคอนาคตใหม่ในฐานะนิติบุคคลจะได้ยื่นฟ้อง กกต.เป็นรายบุคคลไปแล้ว แต่สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ในฐานะบุคคลก็ได้รับความเสียหายจากการกระทำของ กกต. เช่นเดียวกัน ดังนั้น สมาชิกพรรคที่มีกว่า 6 หมื่นคน จึงสมควรฟ้องร้อง กกต. ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157
(ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต) และหากในวันข้างหน้ามีการยุบพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้น ก็จะเกิดความเสียหายกับมวลสมาชิกที่ได้ชำระค่าสมาชิก และเงินบริจาคให้กับพรรคไปแล้ว
ดังนั้น จึงใคร่ขอเชิญท่านสื่อมวลชน รับฟังการแถลงข่าวของสมาชิกพรรคอนาคตใหม่เกี่ยวการรณรงค์เพื่อให้สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ทั่วประเทศฟ้องร้องต่อ กกต. ในวันที่ 16 ก.พ. เวลา 11 นาฬิกา ณ ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ ปทุมธานี
ทั้งนี้เป็นไปตามที่นายธนาธร ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าจะฟ้อง กกต. ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157
ขณะเดียวกัน วันนี้(15 ก.พ.63) ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด ก็โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเช่นกัน ว่า
"พูดอย่าง ทำอย่าง โกหกอย่างไม่ละอาย สร้างข่าวลวง ตัดตอนข้อความ บิดเบือนข้อความ เลือกพูดเพียงบางตอนของข้อความ นั่นแหละ Pinocchio เขาคือใครกันคะ จมูกยาวกันทั้งพรรค"
สำหรบ Pinocchio เป็นหนึ่งในตัวละครจากวรรณกรรมเยาวชน ที่โด่งดังในระดับโลก และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมาเกือบ 140 ปี โดยเมื่อเอ่ยถึงตัวละครนี้ สิ่งที่เราจะนึกถึงก็คือ เจ้าหุ่นไม้ที่จมูกจะยื่นยาวออกมา เมื่อโกหก(ข้อมูลจาก
https://workpointnews.com/)
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ อุดมการณ์ประชาธิปไตย ที่พรรคอนาคตใหม่ประกาศต่อสู้มาตลอด ระบบนิติธรรม นิติรัฐ ที่อ้างมาตลอด การประกาศเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปลี่ยนแปลงประเทศ และประกาศเป็นอนาคตของประเทศ แต่เหตุไฉน มีพฤติกรรมแบบกิจกรรมนักศึกษา แบบนักกิจกรรมซ้ายอกหัก ที่อยากรณรงค์อะไร ก็รณรงค์ ไม่สนใจขื่อแปของประเทศ ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์กรยุติธรรม
การต่อสู้ที่จะทำให้ประชาชนยอมรับ และเชื่อถือว่า เป็นนักประชาธิปไตยที่แท้จริง คือ การต่อสู้บนกติกาที่สังคมประเทศยอมรับร่วมกัน ไม่มีใครอยู่เหนือ ไม่มีใครอยากทำอะไรก็ได้ แบบ “อนาธิปไตย” หรือ ประชาธิปไตยไร้ขอบเขต ต่อให้สงสัยว่า กระบวนการยุติธรรม ไม่ให้ความเป็นธรรม ก็แค่สงสัย และต้องพิสูจน์ด้วยข้อเท็จจริง และยอมรับคำวินิจฉัยของศาล ถ้าศาลไม่ยุติธรรมจริง สังคมก็ไม่ยอมรับ และอยู่ไม่ได้เหมือนกัน
น่าเศร้าที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ก็ไม่เป็นผู้ใหญ่ให้พึ่งพิงได้ แล้วจะหวังอะไรกับ “จุดขาย” ประชาธิปไตย ที่เอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว อะไรที่ไม่ถูกใจ ไม่ใช่แบบที่ตนคิดผิดหมด ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร!?