“เคอร์ฟิว” ทำไม???..หลายคนยังสงสัย “ดร.กิตติธัช-ดร.เสรี” มีคำตอบอย่างชัดแจ้ง เพราะยังมีคนออกมาเที่ยวกลางคืนมากมาย..เพราะเขาหยุดพวกแรดที่ออกมาร่านจนติดเชื้อไปทำร้ายคนอื่นค่ะ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (3 เม.ย. 63) เฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith ของ ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง โพสต์หัวข้อ “สาเหตุของการประกาศเคอร์ฟิว 4 ทุ่มถึงตี 4”
โดยระบุว่า “มันอยู่ในสิ่งที่ปรากฏออกมาแพร่เชื้อ แต่ก็ยังมีคนที่ออกมาเที่ยวกลางคืนมากมาย โดยไม่สนใจสังคม
และพวกเขาก็ไม่สนด้วยว่า ผับจะปิดหรือไม่ เพราะพวกเขาสามารถมารวมตัวกันปาร์ตี้ได้ในทุกสถานที่ และไม่มีการป้องกันตัวที่ดีด้วย อันนี้แหละครับที่น่ากลัว
ที่สำคัญคือ มันเกิดขึ้นทั่วประเทศครับ ไม่ว่าจะภาคกลาง เหนือ ใต้ ตะวันออก มีครบหมด และมีผู้ป่วยที่เพิ่มจำนวนจากกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ตลอดเวลา
นี่คือสาเหตุว่า ทำไมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจำนวนกว่า 7 ราย ซึ่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ถึงแนะนำให้รัฐบาลออกมาตรการเคอร์ฟิวดังกล่าว!
นอกจากนี้ ดร.กิตติธัช ยังยกตัวอย่างที่เป็นข่าวมานำเสนอด้วย
- 18 มีนาคม 2563 : นศ.ม.ดัง ไม่แคร์ โควิด ระบาด วิจารณ์สนั่นเรียนออนไลน์ แต่ผับแน่นเอี๊ยด https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_3773423
- 22 มีนาคม 2563 : สุดอึ้ง วัยรุ่นไม่หวั่นโควิด-19 ผับ-ห้าง ถูกสั่งปิด ย้ายมานั่งชิลริมหาดวอน บางแสน https://www.sanook.com/news/8059966/
- 28 มีนาคม 2563 : หนุ่มสายปาร์ตี้ป่วยโควิด-19 เปิดไทม์ไลน์ไปเที่ยวผับ-ตลาดนัด สูบบุหรี่ร่วมกับเพื่อน https://www.sanook.com/news/8065402/
- 31 มีนาคม 2563 : 25 วัยรุ่นไม่สน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-โควิด เช่าแพริมแม่น้ำเจ้าพระยาปาร์ตี้ยาเสพติด https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2107228
ขณะเดียวกัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์ข้อความระบุว่า
“ปวดตับจริงๆ กับคนที่มองเชิงระบบไม่เป็น แซะกันอยู่ได้เรื่อง COVID เป็นกระสืออาละวาดยามดึกจนต้องเคอร์ฟิว เขาหยุดพวกแรดที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน ออกมาร่านจนติดเชื้อไปทำร้ายคนอื่นค่ะ เลิกแซะเถอะนะคะ
เขาห้ามคนส่วนน้อยที่ดื้อด้านเพื่อปกป้องคนส่วนใหญ่นะคะ อย่าเข้าใจผิดว่าเขาปกป้องคนส่วนน้อย
เขาไม่ได้เคอร์ฟิวเพราะเชื้อมันแรงตอนดึก แต่คนชั่วคนแรดมักจะออกมาร่านมาแรดยามดึก
บอกว่าห้ามไม่ให้ไปผับ ไปร้าน ไปหาด เขาก็ไปคอนโดใครก็ได้ ก็จริงมันคงหยุดแรดที่พ่อแม่ไม่สั่งสอนทั้งหมดไม่ได้ แต่มันคงลดได้บ้าง เมื่อมันลดได้ มันก็ควรทำไม่ใช่เหรอคะ จะมาคิดว่าหยุดพวกพ่อแม่ไม่สั่งสอนไม่ได้หรอก ก็เลยจะไม่ทำอะไรเลยหรือคะ
ไม่ชอบนายกฯ และขอแซะ ขอแขวะ คิดใหม่สิคะว่านี่ไม่ใช่มาตรการที่นายกฯท่านคิดคนเดียว ท่านทำตามข้อตกลงของที่ประชุมที่ประกอบไปด้วยคุณหมอผู้มีความเชี่ยวชาญทางระบาดวิทยานะคะ
นายกฯอาจจะประกาศมาตรการที่ไม่ตรงใจเรา แต่ก็ควรคิดได้ว่า เราก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยานะคะ”
นอกจากนี้ เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ยังโพสต์หัวข้อ “สงครามต้องจบภายในเมษายน”
โดยระบุว่า “ถ้าเราดูตัวเลขการแพร่ระบาดของประเทศไทยเรา ถือว่าไม่เลวครับ ตัวเลขหลังประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 26 มีนาคม ซึ่งสะท้อนการติดเชื้อก่อนประกาศ
วันนี้ 27 มีนาคม มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 91 ราย
วันที่ 28 มีนาคม มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 109 ราย
วันที่ 29 มีนาคม มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 143 ราย
วันที่ 30 มีนาคม มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 136 ราย
วันที่ 31 มีนาคม มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 127 ราย
วันที่ 1 เมษายน มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 120 ราย
วันนี้ 2 เมษายน มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 104 ราย
ยอดป่วยสะสม วันที่ 2 เมษายน 1,875 ราย หายกลับบ้าน 505 ราย รักษาตัวที่ รพ. 1,355 ราย เสียชีวิต 15 ราย
ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ตัวเลขการติดเชื้อจะเริ่มสะท้อนผลของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ประกาศ 26 มีนาคม (โดยทั่วไประยะฟักตัว 5 ถึง 6 วัน แต่อาจจะอยู่ในช่วง 2 ถึง 14 วันก็ได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ การยืนยันว่า ติดเชื้อจึงถูกขอให้แยกตัวอยู่ตามลำพังเป็นเวลา 14 วัน)
ประเมินว่า รัฐบาลคงค่อยๆ ให้ประชาชนปรับตัว มาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยวัดตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่วันที่ 3 เมษายน เป็นต้นไป และตัวชี้วัดที่สำคัญ คือ ผู้ติดเชื้อรายใหม่หลังวันที่ 10 เมษายน (เปรียบเทียบระยะฟักตัวกับการประกาศ พ.ร.ก.และประกาศเคอร์ฟิว) น่าจะไปในทิศทางค่อยๆ ลดลง แต่ถ้าหลัง 10 เมษายน ตัวเลขไม่ลดลงหรือกลับเพิ่มขึ้น เราอาจเจอมาตรการที่หนักกว่านี้ ???
คิดว่ารัฐบาลคงตั้งใจเผด็จศึกสงครามโควิดภายในเดือนเมษายนนี้ เพราะสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการควบคุมคืออากาศร้อน ถ้าผ่านไปสู่พฤษภาคม คือ เข้าฤดูฝน การควบคุมจะลำบากขึ้น ดังนั้น เราคนไทยช่วยกันอีกอึดใจครับ ให้ความร่วมมือต่อมาตรการที่รัฐบาลประกาศ เราจะผ่านศึกครั้งนี้ไปด้วยกัน”
แน่นอน, เสียงสะท้อนเหล่านี้ ก็คือ สิ่งที่คนไทยต่างก็รับรู้ปัญหาดี และเข้าใจว่ายากที่จะร้องขอ..ขอร้อง จากคนบางส่วนได้ นอกจากมีมาตรการที่เหมาะสม และไม่กระทบกับคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยมากนัก
และที่สำคัญ นับว่าเป็นการเน้น “เกาถูกที่คัน” ให้มากที่สุด หรือ แก้ให้ตรงจุด นอกจากนี้ จะต้องรวดเร็วทันการณ์เท่านั้น จึงจะสำเร็จได้
ส่วนคนที่ยังสงสัยมาตรการ “เคอร์ฟิว” อยู่อีก อธิบายชัดขนาดนี้แล้ว ก็คงต้องทบทวนตัวเอง ว่า บริสุทธิ์ใจหรือไม่ หรือไม่สนใจ ขอให้ได้ด่า “ลงตู่” อย่างที่ ดร.เสรี ว่าไว้!