xs
xsm
sm
md
lg

“โควิด” พลิกชีวิต “ลุงตู่” แต่ด่านหน้าสุดเสี่ยง !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เมืองไทย 360 องศา


ผลสำรวจล่าสุดจาก “ซูเปอร์โพล” ที่สำรวจประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ความสุขประชาชนกับเสียงหนุน” ที่น่าสนใจก็คือ แนวโน้มฐานสนับสนุนของประชาชนจากจุดยืนทางการเมืองต่อรัฐบาลล่าสุด หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง ซึ่งจากผลสำรวจพบว่า คนสนับสนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 36.2 มาอยู่ที่ร้อยละ 46.9 ในขณะที่กลุ่มคนไม่สนับสนุนรัฐบาล ลดลงจากร้อยละ 26.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 22.0 และกลุ่มพลังเงียบ ร้อยละ 31.1 ซึ่งกลุ่มพลังเงียบยังคงเป็นตัวแปรสำคัญในสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน


นั่นคือ ผลสำรวจล่าสุดจากบางสำนัก ที่สะท้อนให้เห็นว่าความนิยมในรัฐบาลโดยเฉพาะความนิยมในตัว “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากก่อนหน้านี้ที่เริ่มย่ำแย่ มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และซ้ำเติมด้วยปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ในช่วงแรกๆ เรียกว่า หากพิจารณาจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ย้อนกลับไปเมื่อสองสามเดือนก่อนเทียบกับปัจจุบันถือว่า “หนังคนละม้วน” เลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน หลังจากมีการประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงบุคลิกใหม่ พูดน้อย ไม่ต่อปากต่อคำกับใคร ไม่ทำตัวเป็นผู้รู้ในสิ่งที่ตัวเองไม่มีความเชี่ยวชาญ อย่างเช่น ปัญหาโรคระบาด กรณี “โรคอุบัติใหม่” อย่างเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ใช้บริการของ “ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ” ทุกระดับ ตั้งแต่ระดับปรมาจารย์มาจนถึงระดับรุ่นใหม่ๆ หรือแม้แต่เล็กๆ น้อยๆ อย่างการเลือกเอา นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน มาเป็นโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ก็ถือว่าถูกที่ ถูกคน

เอาเป็นว่าหลังจากการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการประกาศเคอร์ฟิว มีการออกข้อบังคับต่างๆ มากมาย เพื่อควบคุมโรคมานานนับเดือน ซึ่งจะว่าไปแล้วได้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอย่างแสนสาหัสดังที่ทราบกันดี แต่เมื่อผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ สามารถควบคุมโรคระบาดอยู่ในวงจำกัด มีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ลดลงเหลือเลขหลักหน่วย คนเสียชีวิตก็ลดลงจนบางวันไม่มีคนเสียชีวิต จนประเทศไทยได้รับเสียงชื่นชมจากต่างประเทศว่าสามารถรับมือกับโรคได้ดี

แต่ที่สำคัญก็คือ ความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทั่วประเทศ ไม่เช่นนั้นในเวลานี้ประเทศไทยอาจจะมีตัวเลขผู้ป่วยเป็นหลักหลายหมื่นหรือหลักหมื่นหลักแสนคน และมีผู้เสียชีวิตนับพันคน นับหมื่นคน ตามที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ก็เป็นได้

ขณะเดียวกัน ด้วยบรรยากาศก่อนหน้านั้น เชื่อว่า หลายคนก็คงมองเห็นภาพดังกล่าวได้เหมือนกัน เพราะเป็นบรรยากาศของความตื่นตระหนก ประกอบกับในโลกของการสื่อสารมีการเผยแพร่ภาพข่าวการระบาด การเสียชีวิตจากในประเทศจีน ที่กลายเป็น “เมืองร้าง” มันช่างน่ากลัวและหดหู่ใจ ส่วนประเทศไทยในช่วงแรกๆ ก็กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนเป็นประเทศแรก และมีผู้ติดเชื้อเป็น “อันดับสองของโลก” หากยังจำกันได้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทำให้ประชาชนตื่นกลัว มีการกักตุนอาหารของใช้จำเป็น

ที่สำคัญ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า สถานะของ “ลุงตู่” ในเวลานั้นก็ง่อนแง่นเต็มที เพราะไหนจะเชื้อโควิด-19 ไหนจะพวก “ฝ่ายแค้น” รุมถล่มจากสาเหตุจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ ดับฝัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับพวกต้องจอดแค่ป้ายแรกเท่านั้น จนสามารถสร้างกระแสผ่านพวกเด็กๆ สร้าง “แฟลชม็อบ” กระจายไปทั่ว สถานการณ์ในเวลานั้นเหมือนกับ “กระแสชี้นำ” เริ่มจุดติดแล้วเหมือนกัน แม้ว่ายังไม่อาจสรุปได้ว่า บทสรุปจะเป็นแบบไหน

แต่เมื่อสถานการณ์โรคระบาดจากเชื้อโควิด-19 ก็ทำให้ แฟลชม็อบ ต้องหยุดชะงักลงไป เพราะพวกที่อ้างเรื่อง “ประชาธิปไตย” ก็กลัวตายเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณากันในเวลานี้ที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหักมุมในทางตรงกันข้าม กลายเป็นว่าผลจากเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับสร้างความนิยมให้กับ “ลุงตู่” เพิ่มขึ้นอย่างผิดคาด จากร่อแร่กลายเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ มีภาวะผู้นำกลับมาอีกครั้ง

ขณะที่เมื่อหันไปมองฝ่ายค้านที่กำลังกลายสภาพไปเป็น “ฝ่ายแค้น” หรือ “ตัวอิจฉา” เหมือนในละครน้ำเน่าไม่มีผิด ความเสียหายไม่เว้นแม้กระทั่ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับพวก ที่กลายมาเป็น “คณะก้าวหน้า” ที่มักทำอะไร “ช้าไปก้าวหนึ่ง” เสมอ ทั้งประเภทกลืนน้ำลายที่เคยด่าคนอื่นเรื่องรัฐบาลขอทาน แต่พอตัวเองทำบ้าง ก็ยังไม่ควักเงินตัวเอง แต่ไปขอมาจากคนอื่นมาแจกได้แค่สองพันกว่าราย ไม่ต่างจาก “เศรษฐีขี้เหนียว” จนหลายคนถึงกับอุทาน เอามือทาบอกบอกว่า โชคดี ที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับพวกถูกตัดสิทธิ์เว้นวรรคไปถึง 10 ปี

เพราะหากปล่อยให้โลดแล่นในวงการเมือง จับพลัดจับผลู ไปไกลถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่รู้ว่าบ้านเมืองจะเป็นแบบไหน เพราะเมื่อพิจารณาแต่ละความคิด และวิธีปฏิบัติจริงถือว่า “ระดับท้องถิ่น” ห่างไกลระดับชาติหรือแบบสากลอย่างที่คุยโม้เอาไว้

วกกลับมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะว่าไปแล้วเจ้าไวรัสโควิด-19 ได้ช่วยชีวิตเอาไว้อย่างหวุดหวิดก็ตาม แต่หนทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นช่วงที่ต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจปากท้องในแบบยืดเยื้อ ซึ่งศึกนี้แหละจะแสนสาหัส เพราะทุกอย่างมีจำกัด ทั้งงบประมาณที่ปล่อยออกมาจนเกือบหมดแล้ว จะหวังพึ่งการส่งออกก็เลิกคิดไปเลย เพราะข้างนอกยังแย่กว่าเรา

ดังนั้น เมื่อมองหนทางข้างหน้าก็ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ด่านหินสำหรับ ลุงตู่ อีกครั้งว่าจะผ่านไปได้หรือเปล่า !!


กำลังโหลดความคิดเห็น