ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ตัวป่วนดูไว้ “ลุงตู่” ให้ “อุตตม-สนธิรัตน์” ไปต่อ ทั้งในพรรคและรัฐมนตรี สานต่องานฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ความเคลื่อนไหวเกมการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ หลังจากมีกระแสป่วนภายในจากกลุ่มที่อยากเป็นรัฐมนตรี และอยากมีอำนาจคุมพรรค ซึ่งมีข่าวออกมาเป็นระยะถึงขั้นล่ารายชื่อกรรมการบริหารพรรค เซ็นใบลาออกกันเตรียมการกดดันให้ “อุตตม สาวนายน” พ้นจากหัวหน้าพรรค รวมไปถึงเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค จาก “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ไปเป็นพวกพ้องตัวเอง
ที่เปิดไพ่หงายการ์ดกันออกมาอย่างมั่นใจ เช็กกันไปมาก็พบว่า นำร่องโดย “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รองหัวหน้าพรรค และรมว.ศึกษาธิการ แกนนำกลุ่ม กปปส.ในพรรคนั่นเองไม่ใช่ใครที่ไหน ซึ่งพกเอาความมั่นใจมาในฐานะกลุ่มใกล้ชิด “ผู้มีบารมี” ในพรรค และ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ว่ากันวา เป็นคนอยู่เบื้องหลังผลงานโบแดง “จม.ลุงตู่ถึงเจ้าสัว” ซึ่งต่อมากลายเป็นเกมการเมืองที่ย้อนกลับมาทำร้ายลุงตู่ ในภาพที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น “รัฐบาลขอทาน”
เรียกว่า วีรกรรมของคนกลุ่มนี้มาเข้าหู “ลุงตู่” สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้นายกฯ จนมีข่าวเมาต์มอย ตามมาว่าลุงไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่งจากความไม่รู้กาลเทศะ ทั้งๆ ที่รัฐบาลกำลังรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า จนเอ่ยปากว้าก “รมว.วอลเปเปอร์คนดัง” ให้รู้ตัว “ต่อไปนี้ไม่ต้องเดินตามผม” เพราะชอบหาเรื่องมาให้อยู่เรื่อย
ล่าสุด ช็อตต่อเนื่องของ “ลุงตู่” ก็มาจนได้ เมื่อมีข่าวว่า เมื่อวานตอนบ่ายๆ หลังแถลงผลการประชุม ครม.เสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ เดินกลับตึกไทยคู่ฟ้า แล้วเรียก “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เข้าพบ
ฟังว่า การพูดคุยระหว่างลุงตู่ กับ อุตตม และ สนธิรัตน์ ทางหนึ่ง นายกฯ ให้รายงานการทำงานของทั้งสองกระทรวง เพราะ ก.คลัง และ ก.พลังงาน ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลเยียวยาประชาชนและภาคเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และไม่ลืมที่จะสอบถามปัญหาภายในพรรคตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น... ใช้เวลาพูดคุยกันอยู่ราวครึ่งชั่วโมง
จากนั้น “อุตตม” ให้สัมภาษณ์สื่อภายหลังเข้าพบลุงตู่ว่า ในการพูดคุยกับนายกฯ มีทั้งเรื่องการทำงานและเรื่องการเมือง นายกฯได้ให้กำลังใจ และชี้แนะว่า เรื่องของพรรคน่าจะเรียบร้อยได้ด้วยการหารือ ตัวเองและสนธิรัตน์ ก็จะทำตามนั้น
นายกฯ ยังระบุด้วยว่า ในงานที่ทำอยู่ขณะนี้ให้ทำต่อไปเต็มที่ ทำด้านไหนอยู่ก็ทำด้านนั้นต่อไป เวลานี้เป็นเวลาทำงาน ไม่อยากให้มีเรื่องอื่นเข้ามาแทรก
ขณะที่ “สนธิรัตน์” บอกว่า สถานการณ์ในพรรค นายกฯเชื่อว่าทุกอย่างยุติแล้ว ก็ไม่มีอะไร อย่าไปมองว่ามีอะไร ซึ่งมันไม่มี ทุกอย่างยุติ ทุกคนมุ่งหน้าทำงาน ... นายกฯยังย้ำว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งใดๆ ในช่วงนี้ นายกฯอยากให้มีการพูดคุย เพื่อสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นในพรรค เพื่อจะทำงานกันได้
จับใจความสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญวันนี้ของ “ลุงตู่” สรุปได้ว่า ที่ผ่านมา กระแสภายในพรรคไม่สำคัญเท่ากับว่า ลุงตู่อยากให้การแก้ปัญหาผลกระทบโควิด-19 เป็นเรื่องหลักมากกว่า
นั่นคือ ทั้ง “อุตตม และ สนธิรัตน์” ได้ไปต่อ ทั้งในหน้าที่ รมว.คลัง และ รมว.พลังงาน รวมไปถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ของทั้งสองคน ก็จะไม่มีเปลี่ยนแปลง
นี่เป็นสัญญาณจาก “ลุงตู่” ที่ส่งออกต่อทุกฝ่ายอย่างชัดเจน กลุ่มป่วน ตัวป่วน ดูไว้..ทราบแล้วเปลี่ยน !!
** รุมถล่ม “ปิยบุตร” อย่าก้าวล่วงพระราชอัธยาศัย ในการแต่งตั้งองคมนตรี อย่าเอาอคติทางการเมืองมาบ่อนเซาะสถาบันฯ หากคิดว่าประเทศไทยไม่ยุติธรรมกับตัวเอง ก็ให้เก็บสัมภาระย้ายไปอยู่ประเทศในอวกาศ
กรณี “ปิยบุตร แสงกนกกุล” แกนนำคณะก้าวหน้า และ อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กหลัง “นายนุรักษ์ มาประณีต” อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นองคมนตรี ด้วยการยกเอาผลงานของ “นายนุรักษ์” เมื่อครั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาตีแผ่ โดยเจตนาเน้นไปที่การร่วมเป็นองค์คณะในการพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรค และตัดสิทธิทางการเมืองคณะกรรมการบริหารพรรค ของขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลปัจจุบัน ... ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึงพรรคอนาคตใหม่นั้น ได้ก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ชนิด “ทัวร์ลง” ขึ้นมาทันที เพราะเห็นว่าเป็นการแสดงท่าทีแฝงนัยที่ไม่เหมาะสม
อย่างเช่น “พี่ศรี” ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ออกมาเตือนว่า แม้โพสต์ของ “ปิยบุตร” จะไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ มากไปกว่าการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลงานการวินิจฉัยในคดียุบพรรค และคดีทางการเมือง ที่นายนุรักษ์ มีส่วนร่วมในองค์คณะ... แต่สิ่งที่ “ปิยบุตร” ไม่ยอมพูดถึง หรืออธิบายให้สังคมรับรู้ไปในคราวเดียวกัน ก็คือ พฤติการณ์และการกระทำของนักการเมือง และพรรคการเมืองต่างๆ เหล่านั้น รวมทั้งพรรคอนาคตใหม่ด้วยนั้น เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญ หรือไม่ อย่างไรด้วย ทั้งที่ “ปิยบุตร” เคยเป็นอาจารย์สอนกฎหมายรัฐธรรมนูญ ย่อมรู้ดีว่า พฤติการณ์และการกระทำใดที่เข้าข่ายต้องถูกยุบพรรค และหรือตัดสิทธิทางการเมืองตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ...ถือเป็นการโพสต์ที่แฝงนัย มี “อคติ” ทางการเมือง
ที่สำคัญ การโปรดเกล้าฯแต่งตั้งองคมนตรีนั้น เป็นไปตามบทบัญญัติที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.10 ประกอบ ม.11 บัญญัติไว้ทุกประการว่า “ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัยโดยชอบ” จึงไม่ควรที่จะมีบุคคลใดไปก้าวล่วงพระราชอำนาจดังกล่าวของพระองค์ท่าน ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท หรือถึงขั้นหมิ่นเหม่ เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญาเข้าไปอีก...
หรืออย่าง “วัชระ เพชรทอง” อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ออกมาตั้งคำถามถึง “ปิยบุตร” ว่า ที่โพสต์ไปนั้น ต้องการอะไร มีเจตนาพิเศษอะไรหรือไม่ และต้องการให้บุคคลที่ชื่นชอบศรัทธาตามแนวทางการเมืองของตนเอง ให้เข้าใจในกรณีการแต่งตั้งองคมนตรีนี้ไปในทิศทางใด เป็นบวกหรือเป็นลบกับประเทศชาติ เป็นการสร้างสรรค์สังคม หรือกัดเซาะสถาบันใดหรือไม่
“นายปิยบุตร อาจไม่ชอบใจผลงานของ นายนุรักษ์ มาประณีต อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ในบางเรื่อง เช่น ผลงานการยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ก็เป็นเพียงอคติส่วนตัว แต่การมากระแหนะกระแหน เหน็บแนมบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นองคมนตรี นับเป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำในสังคมไทย และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง จึงใคร่ขอให้บิดา มารดา หรือญาติผู้ใหญ่ของนายปิยบุตร หากยังมีชีวิตอยู่ โปรดกรุณาช่วยสั่งสอนนายปิยบุตร ให้สำนึกบุญคุณแผ่นดินเป็นการด่วนด้วย”
“แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ก็เป็นอีกคนที่ออกมาแสดงความเห็นอย่างดุเดือดว่า นอกจากจะเป็นเรื่องที่มิบังควรอย่างยิ่งแล้ว ยังเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ ทำให้คนไทยเห็นชัดเจนว่า “ปิยบุตร” มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูง หรือไม่ ... พฤติกรรมเช่นนี้สังคมไทยมิควรให้อภัยกับคนที่ไม่รู้จักคำว่า “ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ” ไม่สมควรที่ลูกศิษย์ลูกหาจะนับถือเป็นครูบาอาจารย์ ไม่มีวุฒิภาวะผู้นำที่ดีต่อเยาวชนเลยสักนิด ... และถ้าคิดว่า ประเทศไทยไม่ยุติธรรมกับตัวเอง ก็คงต้องย้ายทะเบียนบ้าน เก็บสัมภาระไปอยู่ประเทศในอวกาศ ที่มีความสุข มีความยุติธรรมกับชีวิตตัวเองดีกว่ามั้ย !!
... ต้องไม่ลืมว่า ก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ “ปิยบุตร” ยังเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เขาได้อภิปรายในสภาฯ คัดค้านการออกพระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ ด้วยเหตุผลว่า “มิใช่เป็นเรื่องจำเป็น ฉุกเฉิน เร่งด่วน” และพรรคอนาคตใหม่ก็มีมติโหวตไม่รับพระราชกำหนดดังกล่าว
ภาพจำของ “ปิยบุตร” ต่อสังคม ทั้งในช่วงที่ผ่านมากระทั่งปัจจุบัน ล้วนบ่งบอกถึงทัศนคติ ที่ฉายออกมาอย่างเด่นชัดว่ามีจุดยืนในทางการเมือง และต่อสถาบันฯ อย่างไร ... จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายฝ่ายต่างออกมารุมถล่มต่อกรณีที่เขาออกมาโพสต์เฟซบุ๊กในครั้งนี้