ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “ปิยบุตร” ห้าวใส่ “นุรักษ์” ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นองคมนตรี ร่ายยาวผลงานการยุบพรรคการเมืองในช่วงเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยไม่มองว่าการกระทำของพรรคการเมืองเหล่านั้นเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งองคมนตรี วานนี้ (4 พ.ค.) ว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งองคมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 1 ต.ค. 2561 แล้วนั้น บัดนี้ มีพระราชดำริเห็นเป็นการสมควรแต่งตั้งองคมนตรีเพิ่มเติมขึ้น อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 10 และมาตรา 11 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายนุรักษ์ มาประณีต เป็นองคมนตรี ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ผู้รับสนองรับพระราชโองการ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ประกาศ ณ วันที่ 4 พ.ค. 63 เป็นปีที่ 5 ในรัชกาลปัจจุบัน
พลันที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้ง “นายนุรักษ์ มาประณีต” เป็นองคมนตรี นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก็ออกอาการทันที รีบโพสต์เฟซบุ๊กร่ายยาวถึงผลงานของนายนุรักษ์เมื่อครั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยเจตนาเน้นไปที่กรณีการ “ยุบพรรค” ของขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลปัจจุบัน ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยต่อเนื่องมาจนถึงยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยยกตัวอย่างว่า...
ในช่วงที่นายนุรักษ์เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ร่วมเป็นองค์คณะวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 111 คน เป็นเวลา 5 ปี... วินิจฉัยให้ “นายสมัคร สุนทรเวช” พ้นจากนายกรัฐมนตรี...วินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย พร้อมตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค รวม 109 คน เป็นเวลา 5 ปี... ยกคำร้องคดียุบพรรคประชาธิปัตย์... วินิจฉัยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 50 เรื่องที่มา ส.ว.ตกไป...วินิจฉัยให้ ร่าง พ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้าน ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตกไป...วินิจฉัย สั่งให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 ไม่ชอบ...วินิจฉัยให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” พ้นจากนายกรัฐมนตรี...
ต่อมาในช่วงที่เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญก็พิจารณาวินิจฉัยให้ ยุบพรรคไทยรักษาชาติ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี... วินิจฉัยให้ “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และล่าสุดผลงานสุดท้ายก่อนพ้นจากตำแหน่ง ประธานศาลรัฐธรรมนูญ คือ “ยุบพรรคอนาคตใหม่” และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี
... แม้โพสต์ของ “ปิยบุตร” จะไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ มากไปกว่าความพยายามจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลงานการวินิจฉัยในคดี ยุบพรรค และคดีทางการเมืองที่ นายนุรักษ์ มีส่วนร่วมในองค์คณะ ซึ่งมีผลกระทบในทางการเมืองสูง และสร้างความไม่พอใจให้กับบุคคลในพรรคการเมืองบางฝ่ายมาตลอด
แต่แค่นั้น ก็สื่อให้เห็นแล้วว่า “ปิยบุตร” ต้องการจะบอกอะไร... โดยเฉพาะภาพสะท้อนการเลือกข้างทางการเมืองที่เขาเคยวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด โดยไม่มองว่า การกระทำของพรรคการเมือง และนักการเมืองเหล่านั้น เป็นการกระทำที่ “ขัดรัฐธรรมนูญ”
สำหรับ นายนุรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2492 ปัจจุบันอายุ 71 ปี ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เคยรับราชการเป็นอัยการผู้ช่วย, ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดไชยา, ศาลจังหวัดภูเก็ต, รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 6, ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 8, ประธานแผนกคดีเยาวชน และครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค 7
หลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 นายนุรักษ์ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ
ต่อมาวันที่ 21 พ.ค. 57 ได้รับเลือกในที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญ ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ต่อจากนายจรูญ อินทจาร ที่ได้ลาออกไป และล่าสุดได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นองคมนตรี
** ไม่ใช่คณะก้าวหน้า นี่คงคิดไม่ได้ “ช่อ” กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ โยนรหัส 2475 ทีมงานสุ่มมาไม่มีความหมาย งานจะเข้าหรือไม่ เมื่อ “พี่ศรี” ร้อง ทำความผิดสำเร็จแล้ว
กรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และคณะก้าวหน้า จัดแจกเงิน 3,000 บาท โดยตั้งกติกาให้ผู้ที่มาขอรับความช่วยเหลือ ใส่รหัสขอรับสิทธิ์เป็นตัวเลข 24 และ 75 ซึ่งเมื่อแพร่ออกไป ปรากฏกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นว่า งานนี้ “ธนาธรและพวก” จงใจใช้ตัวเลขเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง เพื่อสื่อให้คิดถึง ปี 2475 ปีที่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครอง...
เห็นวา พอถูกโซเชียลฯ กระหน่ำหนัก เจตนาชัดว่า เอาวิกฤตโควิด-19 มาเล่นการเมือง “คณะก้าวหน้า” ก็ส่ง “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช แกนนำกลุ่ม ออกมาชี้แจงเหตุใดจึงใช้เลขรหัสขอรับสิทธิ์แลกเงินเป็นเลข 24 และ 75 ว่า ทุกคนทราบอยู่แล้ว ปี 2475 เป็นปีอะไร แต่รหัสที่เราใช้ไม่ได้มีความหมายอะไร กติกาของกิจกรรมเราต้องการให้คนเข้ามาเป็นรอบ ตอนแรกเราตั้งไว้ 6-7 รอบ เนื่องจากเกรงว่าหากมีรอบเดียว คนที่เข้าช่วงกลางหรือช่วงหลังจะไม่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นธรรมกับเขา จึงใช้ระบบรหัส เลยกำหนดหลายๆ ตัวเลขเอาไว้ ทั้งเลข 21 ที่เป็นวันยุบพรรคอนาคตใหม่ 2540 ปีวิกฤตเศรษฐกิจ และอีกหลายชุดตัวเลข ซึ่งเลข 24 และ 75 นั้น เราก็สุ่มขึ้นมา และคัดเลือกกันในทีมงาน
คำพูดของ “ช่อ” ดังกล่าวนี้ ได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก จับมาเป็นตัวอย่างบางตอนนอกจากจะบอกว่า แก้ตัวน้ำขุ่นๆ... กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ ...ยังประเมินสติปัญญาของสังคมน้อยไปหน่อย... นี่ถ้าไม่ใช่คณะก้าวหน้าคงทำไม่ได้ ... นานาทัศนะในแง่ไม่เชื่อถืออีกนับไม่ถ้วนที่อยากจะสะท้อนให้ “ธนาธรและพวก” ในนามคณะก้าวหน้าได้รับรู้
งานที่ควรเป็นงานช่วยเหลือเยียวยาสังคมด้วยความบริสุทธิ์ใจ กลับกลายเป็นทำคุณเพื่อหวังผลทางการเมือง มิหนำซ้ำไม่ใช่เงินที่ ธนาธรและพวก ควักร่วมด้วยช่วยกัน เข้าทำนอง “กระแสได้จัง ตังค์อยู่ครบ”
แต่ว่าเรื่องนี้ ดูๆ ไปไม่น่าจะจบลงอย่างสวยงามตามที่คณะก้าวหน้าคิดไว้ซะแล้ว เมื่อ “พี่ศรี” ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เคลื่อนไหวแล้วโดยเห็นว่าตามที่ “คณะก้าวหน้า” นำโดยธนาธรได้จัดกิจกรรมเฟซบุ๊กไลฟ์ “คอนเสิร์ตระดมทุน #MAYDAYMAYDAY เราช่วยกัน” เมื่อวันที่ 1-2 พ.ค. ที่ผ่านมา ระดมทุนดังกล่าวไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวแม้จะมีวัตถุประสงค์เป็นไปเพื่อสาธารณประโยชน์ แต่มิได้เป็นการดำเนินการโดยภาครัฐ หรือทางราชการ กฎหมายจึงกำหนดให้ต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เสียก่อน ตามความใน มาตรา 6 ประกอบ มาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487
“พี่ศรี” ซึ่งร้องมาแล้วหลายร้อยคดี รวมทั้ง “คดียุบพรรคอนาคตใหม่” บอกว่า ตามกฎกระทรวงแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ และกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการขออนุญาตจัดให้มีการเรี่ยไรและทำการเรี่ยไร พ.ศ. 2548 กำหนดให้อธิบดีกรมการปกครอง เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม มาตรา 8 ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และต้องตรวจสอบต่อไปว่า ผู้ขออนุญาตเคยต้องโทษเกี่ยวกับ ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ โจรสลัด กรรโชก ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ รับของโจร หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายลักษณะอาญาหรือไม่ หากใครฝ่าฝืนย่อมมีความผิดตาม มาตรา17 ประกอบ มาตรา19 ได้ หรือหากผู้จัดกิจกรรมปิดบังอำพรางข้อเท็จจริง ก็อาจเข้าข่ายความผิดฐานแจ้งความเท็จตาม ปอ.มาตรา172 ได้
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง “อธิบดีกรมการปกครอง” เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบต่อไปว่า
1. กิจกรรมการเรี่ยไรดังกล่าวมีการดำเนินการขออนุญาตจากกรมการปกครอง ตามกฎกระทรวง แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร 2487 แล้วหรือไม่ อย่างไร
2. กิจกรรมการเรี่ยไรดังกล่าว มีการออกใบรับเงินให้แก่ผู้บริจาคทุกคนตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 13 หรือไม่
3. กิจกรรมการเรี่ยไรดังกล่าว มียอดรับเงินบริจาคตรงกับยอดการบริจาค โดยการนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ทั้งหมดแล้ว หรือไม่ อย่างไร
เมื่อมีการตรวจสอบตามข้อร้องเรียนดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นลงไปแล้ว หากพบว่าเป็นการดำเนินการที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487 ก็ย่อมที่จะฝ่าฝืน พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องตามไปด้วย ย่อมถือได้ว่า“เป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว”ขอให้ดำเนินการทางกฎหมายเพื่อลงโทษตามครรลองของกฎหมายสูงสุดต่อไป
ทั้งนี้ กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ไม่อาจมีข้อยกเว้นให้บุคคลใด หรือคณะใดได้ แม้จะอ้างว่าเพื่อประโยชน์สาธารณะก็ตาม
งานนี้ “ช่อ” ปากกล้าบอกไม่แคร์ ร้องได้ร้องไป แต่จะแอบขาสั่นหรือเปล่าไม่รู้ เพราะรู้ๆ กันอยู่ คนร้องที่ชื่อ “พี่ศรี” คนนี้ไม่ธรรมดา