ควันหลง “ธนาธร” แจก 3 พัน อดีตส้มหวาน ถามจงใจใช้รหัส “24-75-โฆษณาว่าตัวเองแจกเงิน” แอบแฝงการเมืองหรือไม่? “พี่ศรี” จี้อธิบดีกรมการปกครองเอาผิด หากไม่ขออนุญาตเรี่ยไร และอาจเข้าข่ายทำผิดหลาย พ.ร.บ.
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วานนี้เฟซบุ๊ก Dr-Nibhon Jamjumrus ของนายนิพนธ์ แจ่มจำรัส อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ชลบุรี อดีตพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความระบุว่า
“ปี 2475 ประวัติศาสตร์ทางการเมืองได้ถูกจารึกไว้ว่า ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ความขัดแย้งทางการเมืองของกลุ่มคนในสังคมก็เกิดจากพื้นฐานความเชื่อในปรัชญาทางการเมืองของแต่ละฝ่าย เช่น ประชาธิปไตย vs สังคมนิยม
แต่ในความเชื่อที่อ้างอิงของแต่ละฝ่ายก็มักจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์แต่ละฝ่ายเช่นกัน
ผมได้เห็นโพสต์ของกลุ่มการเมืองที่มีคุณธนาธร คุณพรรณิการ์ เป็นแกนนำ ร่วมกันจัดกิจกรรมการแจกเงินเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่คนในสังคม เนื่องจากในขณะนี้รัฐบาลเองก็ย่ำแย่ ตกหลุมดำในการแก้ไขปัญหาให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อพี่น้องประชาชน ใช้มาตรการแจกเงิน 5,000 บาท แต่เกิดความผิดพลาดนานับปการเฉกเช่นที่เราได้รับรู้
การออกมาจัดแคมเปญ Live ผ่ายเพจทางการเมืองของพวกคุณ “รับบริจาค” ให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแจกเงินให้กับประชาชน 3,000 บาท หากเป็นไปโดยเจตนาบริสุทธิ์ไม่หวังผลใดๆ ทางการเมืองก็เป็นที่น่ายกย่องสรรเสริญ
การจัดกิจกรรมนี้ คือการรับบริจาคเงินจากประชาชนทั่วไปที่พอมีแบ่งปันเอื้อเฟื้อต่อพี่น้องผู้ได้รับความร้อนและด้อยโอกาสกว่าตนเอง แล้วผู้จัดก็นำเงินเหล่านี้มาแจกต่อ
การนำเสนอแคมเปญต่อสาธารณชนของคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ หรือสื่อโซเซียลต่างๆ ที่แจ้ง FC ว่า “ผมจะแจกเงิน 3,000 บาท โดยไม่ต้องพิสูจน์สิทธิ์ ให้กับทุกคนที่ inbox เข้ามา”
โดยให้ผู้ต้องการรับเงิน แจ้งชื่อสกุล เลขบัญชี ประเด็นความเดือดร้อน พร้อมรหัส 24 และรหัส 75 (ในแต่ละรอบของการแจก)
ข้อสังเกต :
1. ตัวเลขดังกล่าวมีนัยอะไรแอบแฝงหรือไม่? อย่างไร?
2. เงินนี้รับบริจาคจากประชาชนทั่วไป ไม่ใช่เงินของคุณธนาธร แต่คุณเป็นเพียงตัวกลางรับบริจาคเท่านั้น แต่เหตุใดคุณจึงแจ้งว่า “ผมจะแจกเงิน 3,000 โดยไม่ต้องพิสูจน์สิทธิ์ ให้ inbox เข้ามา” นั่นแสดงว่าคุณมีฐานความคิด เชื่อว่าเงินบริจาคเหล่านั้นเป็นของคุณใช่หรือไม่?
ขณะเดียวกัน วันนี้ (4 พ.ค. 63) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีกลุ่มการเมืองนาม “คณะก้าวหน้า” นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้จัดกิจกรรมไลฟ์สด “คอนเสิร์ตระดมทุน #MAYDAYMAYDAY เราช่วยกัน” เมื่อวันที่ 1-2 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา
โดยอ้างว่าจะระดมทุนดังกล่าวไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื่อโรคไวรัสโควิด-19 นั้น กิจกรรมดังกล่าวแม้จะมีวัตถุประสงค์เป็นไปเพื่อสาธารณประโยชน์ แต่มิได้เป็นการดำเนินการโดยภาครัฐหรือทางราชการ กฎหมายจึงกำหนดให้ต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อนตามความใน ม.6 ประกอบ ม.8 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487
ซึ่งตามกฎกระทรวงแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ และกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการขออนุญาตจัดให้มีการเรี่ยไรและทำการเรี่ยไร พ.ศ. 2548 กำหนดให้อธิบดีกรมการปกครอง เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ม.8 ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และต้องตรวจสอบต่อไปว่า ผู้ขออนุญาตเคยต้องโทษเกี่ยวกับลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ โจรสลัด กรรโชก ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ รับของโจร หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายลักษณะอาญาหรือไม่ หากใครฝ่าฝืนย่อมมีความผิดตาม ม.17 ประกอบ ม.19 ได้ หรือหากผู้จัดกิจกรรมปิดบังอำพรางข้อเท็จจริงก็อาจเข้าข่ายความผิดฐานแจ้งความเท็จตาม ปอ.ม.172 ได้
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังอธิบดีกรมการปกครองเพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบต่อไปว่า 1) กิจกรรมการเรี่ยไรดังกล่าวมีการดำเนินการขออนุญาตจากกรมการปกครองตามกฎกระทรวง แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร 2487 แล้วหรือไม่ อย่างไร
2) กิจกรรมการเรี่ยไรดังกล่าวมีการออกใบรับเงินให้กับผู้บริจาคทุกคนตามที่กำหนดไว้ใน ม.13 หรือไม่ 3) กิจกรรมการเรี่ยไรดังกล่าว มียอดรับเงินบริจาคตรงกับยอดการบริจาค โดยการนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ทั้งหมดแล้ว หรือไม่ อย่างไร
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า เมื่อมีการตรวจสอบตามข้อร้องเรียนดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นลงไปแล้ว หากพบว่าเป็นการดำเนินการที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487 ก็ย่อมที่จะฝ่าฝืน พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องตามไปด้วย ย่อมถือได้ว่า “เป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว” ขอให้ดำเนินการทางกฎหมายเพื่อลงโทษตามครรลองของกฎหมายสูงสุดต่อไป
ทั้งนี้กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ไม่อาจมีข้อยกเว้นให้บุคคลใดหรือคณะใดได้ แม้จะอ้างว่าเพื่อประโยชน์สาธารณะก็ตาม (ข่าวจากสยามรัฐออนไลน์)
แน่นอน, ทั้งสองโพสต์ มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ไม่น้อย นับจากโพสต์แรกของ “นิพนธ์ แจ่มจำรัส” นัยสำคัญก็คือ ต้องการทำความกระจ่างให้เกิดขึ้นกับข้อสงสัย ที่โซเชียลนำเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแอบอิงทางการเมือง กรณีปฏิวัติ 2475 ซึ่งหมายถึงกรณีประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่
รวมทั้งมีคนสงสัยเช่นกันว่า ทำไมบอกว่า “ผมจะแจกเงิน 3,000 โดยไม่ต้องพิสูจน์สิทธิ์ ให้ inbox เข้ามา” เป็นความจงใจให้คนเชื่อว่า “ธนาธร” ออกเงินด้วยหรือไม่? ซึ่งความจริง ทางคณะก้าวหน้าโดย “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ก็ชี้แจงชัดเจนว่า ไม่ใช่เงินธนาธรและคณะก้าวหน้า แต่เป็นของผู้ให้บริจาคทั้งหมด
ส่วนกรณี “พี่ศรี” ทำหนังสือร้องเรียนอธิบดีกรมการปกครอง ก็เพื่อตรวจสอบการดำเนินการภายใต้ความเสมอภาคตามกฎหมาย ว่ามีการดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ ก็ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
ประเด็นอยู่ที่ว่า งานนี้นายธนาธร และคณะก้าวหน้า ทำกิจกรรมอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ฉวยโอกาสจากวิกฤต เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ ถ้าทำทุกอย่างถูกต้อง ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองได้ทุกกรณี แต่หากหาไม่แล้ว ก็ต้องรับผิดชอบกับการกระทำเท่านั้นเอง