“หมอวรงค์” แฉ “ปิยบุตร” สมคบคิดกับคนฝรั่งเศสก่อการในไทย ย้ำ “ชักศึกเข้าบ้าน” ด้าน “แก้วสรร” แนะรัฐบาลคลายล็อกเดินทางข้ามจังหวัด เรื่องใหญ่กว่าเปิดห้าง เร่งฟื้นเศรษฐกิจ ก่อนเข้าทางม็อบจัดตั้งลุกฮือ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์หัวข้อ “ทฤษฎีสมคบคิด (conspiracy theory)”
โดยระบุว่า “แทนที่จะช่วยกันผลักดันประเทศ เพื่อฟันฝ่าวิกฤตโควิด ให้ประชาชนปรับตัวได้กับวิถีปกติใหม่ (new normal) นายปิยบุตร กลับทำตรงกันข้าม อย่าคิดว่าคนไทยรู้ไม่ทันกับสิ่งที่คุณทำนะ
อย่างน้อยสองเหตุการณ์ล่าสุด คือ การกระทบไปที่ท่านนุรักษ์ หลังจากที่ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นองคมนตรี และล่าสุด รายการ Interregnum เรื่อง “ชาติตกอยู่ในอันตราย!” ระงับตำแหน่งกษัตริย์ฝรั่งเศสชั่วคราวในปี 1792
คนไทยส่วนใหญ่รู้นะว่า มีทฤษฎีสมคบคิดกับพวกฝรั่ง ในช่วงเวลาที่ขานรับกัน มีฝรั่งคนหนึ่งจัดฉากทำบางอย่าง และฝรั่งอีกคนปั่นข่าวบิดเบือนร่วมกับคนไทยชังชาติ ส่วนในประเทศก็สร้างกระแสทำนองเดียวกัน
นายปิยบุตร อาจจะมีภรรยาเป็นฝรั่ง และมีแนวโน้มจาบจ้วงสถาบันด้วย คุณจึงไม่เข้าใจอารมณ์คนไทย สิ่งที่คนไทยไม่ชอบมากคือการชักศึกเข้าบ้าน ยิ่งดึงฝรั่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ภายใต้ทฤษฎีสมคบคิด เพื่อให้ประเทศเป็นแบบฝรั่ง คุณน่าจะรู้นะว่าสุดท้าย ทั้งรอแบ็สปีแยร์ และ หลุยส์ อ็องตวน เดอ แซ็ง-ฌุสต์ 2 คนนี้มีจุดจบอย่างไร”
ขณะเดียวกัน อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ ก็เขียนบทความถาม-ตอบเกี่ยวกับ Covid-19 ได้อย่างน่าคิดวิเคราะห์ยิ่ง
เริ่มจาก ถาม เห็นด้วยหรือไม่ ที่ฝ่ายค้านจะให้เลิกภาวะฉุกเฉิน เพื่อปลดปล่อยการทำมาหากิน
ตอบ ไม่เห็นด้วยครับ เฟส 2 นี้ เราต้องมุ่งปลดปล่อยการทำมาหากินก็จริง แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีอำนาจควบคุมกิจการ-กิจกรรมต่างๆ เพื่อควบคุมโรคอยู่ด้วย
ถาม ควบคุมแค่ไหน
ตอบ คุมหลักๆ เท่านั้น คือ การเข้าประเทศและห้ามกิจกรรมหรือกิจการที่มีการชุมนุม แล้วถ้าพบผู้ติดเชื้อเมื่อใดต้องมีอำนาจเต็มพร้อมทรัพยากรในมือ ตรวจ-ติดตาม-กักตัว กลุ่มเสี่ยงได้เต็มที่
ห้ามแค่นี้นะครับ ที่เหลือเป็นแดนเสรีภาพที่ห้ามไม่ได้ ได้แต่กำกับคือวางข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น ทั้งร้านค้า ห้าง ตลาด เรากำกับไว้ก็พอ
ถาม ทำไมนายกฯต้องกั๊กไว้ แล้วสั่งให้เปิดเป็นขยักๆ ไป
ตอบ อันที่จริง พอกำหนดมาตรการควบคุมโรคในกิจการใดได้แล้วก็เปิดได้เลย เร็วช้าต่างกันได้ตามเวลาที่ต้องใช้เพื่อเตรียมการและทำความเข้าใจ ไม่ควรขยักหรือกั๊กไว้เฉยๆ เพื่อรอดูทางมวยโควิดก่อน คิดแบบการ์ดอย่าตกอย่างนี้ผมไม่เห็นด้วย
2 เดือนที่ผ่านมาถูกต้องแล้ว ดีแล้ว ที่เราอยู่บ้านหยุดเชื้อ จนหยุดการระบาดใหญ่ไว้ได้ เฟส 2 นี้ เป็นไฟต์ฟื้นฟูทำมาหากิน ผู้ติดเชื้อโผล่มาบ้าง ก็ไม่ต้องหวาดกลัว เพราะโรงพยาบาลเราหลวมแล้ว อัตราตายจากโรคนี้ก็น้อยนิดเดียวไม่ใช่หรือครับ
ถาม วันนี้นายกฯ เขาจะให้เปิดห้างได้แล้ว
ตอบ เรื่องให้คนกรุงเดินห้างได้นั้นเรื่องเล็ก เราต้องมุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวม อย่างเศรษฐกิจท่องเที่ยวที่ให้จีดีพีเศรษฐกิจไทยถึง ๓๐% นี่ทรุดโทรมมากเลย วันนี้เราต้องใช้กำลังซื้อในประเทศมาต่อชีวิตให้ได้ ต้องเปิดให้ “ไทยเที่ยวทั่วไทย” อย่างเต็มที่เลย
ถาม ถ้าเช่นนั้น..ก็ต้องเลิกข้อห้ามเดินทางข้ามจังหวัด และให้เปิดโรงแรม รีสอร์ตต่างๆ ได้แล้ว
ตอบ ครับ...นี่คือเรื่องด่วน เมื่อวางมาตรการควบคุมโรคในกิจการกิจกรรมต่างๆ ได้แล้ว ก็เร่งเปิดได้เลย เรื่องยกเลิกข้อห้ามเดินทางข้ามจังหวัดนี้ สำคัญกว่าเปิดห้างให้คนรวยเดินเล่นเย็นใจเสียอีก
ถาม ทั้งเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ นี่ รัฐบาลเขามีแผนฟื้นฟูแล้วหรือไม่
ตอบ ก็รอดูกันอยู่ทุกฝ่ายว่าจะเริ่มกระบวนการอย่างไร ต้องมีข้อมูลจริง มีวิสัยทัศน์ มีกลยุทธ์ มีการมีส่วนร่วม และการจัดการการสื่อสารขนาดใหญ่ และกว้างขวางมาก ซึ่งปัจจุบันผมยังมองไม่เห็นเค้ามูลของงานนี้
ถาม ถ้ามัวแต่คอยเปิดร้าน เปิดห้าง แล้วหันไปมองทางมวยโควิดเป็นระยะๆ ไปอย่างนี้ อะไรจะเกิดขึ้น
ตอบ ขณะนี้ความเสียหายกำลังทยอยปรากฏตัวเป็นวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนตกงาน หางานกันไปทั่วแล้ว ถ้าเราสร้างความหวังใหม่ขึ้นมาไม่ได้ ความร้อนทางการเมืองจะพลุ่งพล่านขึ้นมาร่วมวง เกิดเป็นวิกฤตการเมืองทันที เจอวิกฤตสองเด้งอย่างนี้เมืองไทยก็ไปไม่รอด ร่วงลงมาเป็นบ้านเมืองที่สิ้นหวังไร้อนาคตเหมือนฟิลิปปินส์ หลังมาร์คอสเลยทีเดียว
มีคนเข้าคิวรอจังหวะกันมากทีเดียว คุณไม่เห็นหรือ
ถาม จังหวะอะไรครับ
ตอบ ชนวนลุกฮือของมวลชนอยู่ที่ในความโกรธ ความสิ้นหวัง ผู้ก่อการที่เล็งเห็นว่าวิกฤตเศรษฐกิจกำลังเคลื่อนเข้ามา เขาก็จะต้องสร้างจำเลยที่มีฤทธานุภาพและเลวร้าย ให้มวลชนเห็น
เป็นจำเลยเสียก่อน เอาให้เป็นจำเลยที่ชั่วและแสบมากๆ พอที่จะรับเหมาในเคราะห์กรรมทั้งปวงในบ้านเมือง เหมือนยิวของนาซี หรือชนชั้นนายทุนของคอมมิวนิสต์ เลยทีเดียว
ถาม บ้านเราเขาจะให้ใครเป็นจำเลย
ตอบ ก็ใช้สูตรเดิมคือขุนศึกและศักดินา ทุกวันนี้เห็นได้ชัดเลยว่า เขาลงมือกระพือแล้ว เปรยถึงขนาดจะให้พักบัลลังก์เลยทีเดียว
พอได้ความคิดแล้ว ก็ต้องไปที่การจัดตั้ง และความเคลื่อนไหวต่อไป ซึ่งวันนี้ก็เห็นชัดว่า เริ่มเป็นโครงข่ายแล้วเช่นกัน
ถาม แล้วคิดหรือว่า จะไปได้ไกลแบบปฏิวัติฝรั่งเศส
ตอบ ถ้าเศรษฐกิจมันฟุบ ภาพผู้นำทั้งในและนอกระบบชัดเจนว่าเฮงซวยยิ่งนัก เท่านี้เงื่อนไขมันก็สุกงอมเอื้ออำนวยให้โบกธงปฏิวัติได้แล้ว ผู้นำมวลชนพวกนี้เขารอแค่โอกาสเท่านั้น จะสำเร็จหรือไม่ ไม่สำคัญ เขายึดมั่นว่า ความพยายามเป็นของคน ความสำเร็จเป็นของกงล้อประวัติศาสตร์ คำถามเหมือนผู้ชมเกาะรั้วอยู่นอกสนามของคุณนั้น มันงี่เง่าไร้สาระไม่มีความหมายใดๆ สำหรับเขาเลย เชิญปิดไฟใส่กลอน นอนหยุดเชื้อ บ่นอยู่กับบ้าน ฟังเพลงลุงตู่ต่อไปเถิด” (จากสยามรัฐออนไลน์)
จากโพสต์ของ หมอวรงค์ และประเด็นสำคัญของ อ.แก้วสรร ปัญหาใหญ่ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้า ไม่แต่เฉพาะโควิด-19 เท่านั้น ที่เวลานี้ทำท่าว่าจะมีฤทธิ์เดชน้อยลงแล้ว และรัฐบาลก็กำลังพิจารณาผ่อนคลายล็อก ที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปทีละกลุ่มธุรกิจ ทีละขั้นตอน
หากแต่ยังมีเกมการเมืองของเครือข่ายขบวนการ ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะถ้าฟังจาก “หมอวรงค์” ถือว่า ลึกลับซับซ้อนเหนือคำบรรยาย แต่นั่นจะเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ อ.แก้วสรร มองเห็น
นั่นคือ การเคลื่อนไหวของ “ปิยบุตร” ที่นับว่าจะเล็งเป้าเอาไว้สูง กับ ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของไทยที่เริ่มส่งผลออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าเรื่องคนตกงาน เรื่องคนไม่มีอันจะกิน ที่จะนำไปสู่ความโกรธแค้นทางการเมืองต่อรัฐบาล อันจะเข้าทางกลุ่มที่จ้องหาจังหวะอยู่แล้ว และเตรียมพร้อมอยู่แล้ว นั่นคือ การวางเครือข่ายเคลื่อนไหว
ที่สุด เรื่องทำนองปฏิวัติฝรั่งเศส จะเป็นไปได้หรือไม่ ในความเห็นของ อ.แก้วสรร ความสุกงอมไม่ได้ยากอะไรเลย ที่สำคัญ คนกลุ่มนี้คิดแค่ว่า “ความพยายามเป็นของคน ความสำเร็จเป็นของกงล้อประวัติศาสตร์” ด้วยแล้ว ยิ่งมีแต่ความฮึกเหิมที่จะสู้อย่างไม่ท้อถอย คงได้เห็นกันแล้ว จากพลังของนักเรียน นิสิต นักศึกษา กรณี “แฟลชม็อบ” ก่อนสถานการณ์โควิด-19 และดูเหมือนส่งกลิ่นออกมาแล้ว ว่าจะกลับมาใหม่
กระนั้น สิ่งที่ อ.แก้วสรร เห็นว่า ยังมีทางที่จะหยุดเหตุการณ์ลุกลามบานปลายได้ ก็นับว่าน่าสนใจ นั่นคือ การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ไม่เพียงให้ความสำคัญกับโควิด-19 เรื่อง “การ์ดตก” หรือไม่เท่านั้น หากแต่ที่สำคัญ เมื่อคุมสถานการณ์และวางมาตรการเอาไว้อย่างรัดกุมแล้ว การเปิดให้ประชาชนมีช่องทางทำมาหากิน โดยไม่ประมาทโควิด-19 ยิ่งเร่งด่วนเท่าไหร่ยิ่งดี อย่างที่ อ.แก้วสรร ว่า ก็อาจทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และดับฝันเกมของคนบางกลุ่มไปโดยปริยาย ก็เป็นได้ ทั้งหมดอยู่ที่รัฐบาลจะตัดสินใจได้ดีแค่ไหนนั่นเอง