PPS คาดภาครัฐเร่งผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ช่วยสร้างความมั่นใจภาคเอกชน เพิ่มโอกาสการรับงาน พร้อมปรับกลยุทธ์ พัฒนาทักษะบุคลากร ขยายงานบริการ ขยายขอบเขตรับงาน เตรียมรับมือ new normal ไวรัสโควิด-19 ตั้งเป้ารายได้ 450 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิ 10%
ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) กล่าวว่า จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย (GDP) ติดลบ 6.66% จากสถานการณ์วิกฤตไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาครัฐเร่งผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ และมั่นใจว่าจะเดินหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอื่นๆ ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าแผนดังกล่าวจะสามารถดำเนินไปตามนโยบายที่วางไว้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของภาคเอกชน จึงเป็นโอกาสของบริษัทในการเสนองานภาครัฐเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอตัวตั้งแต่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และถูกกระทบหนักขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก ศูนย์การค้า และคอนโดมีเนียม ที่มีการชะลอการก่อสร้างหรือชะลอการเปิดโครงการ แต่ยังคงมองเห็นโอกาสของโครงการเอกชนบริเวณ EEC และจังหวัดภูเก็ตที่คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าพื้นที่อื่นในประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร และการปรับแผนธุรกิจของบริษัทย่อย รวมถึงการขยายขอบเขตการรับงานในภาวะวิกฤต และการแข่งขันในอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ค่อนข้างรุนแรง พร้อมการฝึกและเพิ่มทักษะเพื่อพัฒนาความสามารถของพนักงานให้สามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมใหม่ สถานการณ์นี้จึงถือเป็นโอกาสหนึ่งที่ทำให้บริษัทได้ทบทวนการปฏิรูปธุรกิจและปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อการยกระดับองค์กร
“จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แม้ว่าธุรกิจการก่อสร้างจะดำเนินงานต่อไปได้ แต่ก็ได้รับผลกระทบในหลายๆ เรื่อง ซึ่งหากพ้นจากช่วงนี้ไปอาจส่งผลทำให้สภาพธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง (new normal) บริษัทจึงมุ่งเน้นที่จะพัฒนาการดำเนินงาน ปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจเพื่อสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องและมีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้นรวมถึงเพิ่มช่องทางในการหารายได้ให้แก่กลุ่มบริษัท โดยตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิ 10%” ดร.พงศ์ธร กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีงานในมือ (backlog) ณ 31 ธ.ค.62 จำนวน 63 โครงการ มูลค่างานคงเหลือตามสัญญา 537.21 ล้านบาท ถือเป็น backlog ที่สูงสุดในรอบหลายปีตั้งแต่เข้าจดทะเบียน โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากงานเอกชน 65.72% งานรัฐบาล 34.27%