ศบค.ลั่นไม่ปล่อยไทยระบาดระลอกใหม่ ผ่อนปรนมาตรการต้องระมัดระวัง ท่องคาถาการ์ดต้องไม่ตก เผยตัวเลขแหกเคอร์ฟิวลด มั่วสุมลดลงต่ำสุด หลังปรับแผนลดด่านตรวจ เพิ่มสายตรวจตามชุมชน พบกลุ่มวัยรุ่น-วัยทำงาน ฝ่าฝืนรวมกลุ่ม ชุมนุมมั่วสุม
วันนี้ (24 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ถานการณ์ในประเทศไทยมีผู้ป่วยรายใหม่ 15 ราย ในจำนวนนี้มาจากการตรวจเชิงรุกในพื้นที่ จ.ยะลา 4 ราย หลังจากนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะทำแบบนี้ในอีกหลายจังหวัดเพื่อหาเคสให้ได้มากขึ้น ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,854 ราย หายป่วยและกลับบ้านเพิ่มเติม 60 ราย หายป่วยสะสม 2,490 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 314 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ทำให้ยอดสะสมผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 50 ราย และหากดูตัวเลขผู้ติดเชื้อของประเทศไทยจะเห็นว่าเป็นระลอกคลื่น มีช่วงติดเชื้อมาก 2-3 ครั้งแล้วจะให้เกิดการระบาดลูกใหม่ตามมาไม่ได้อีกแล้ว เพราะจะเสียชีวิตและงบประมาณ ตัวเลขเบื้องต้นที่เคยคำนวณ ป่วย 1 รายต้องใช้จ่าย 1 ล้านบาท ขณะนี้เรามีผู้ป่วยไปแล้ว 2 พันกว่าราย ใช้งบไปแล้วเกือบ 3 พันล้านบาท ถ้าตัวเลขผู้ป่วยเป็นหมื่นเป็นแสนเราต้องใช้เงินเท่าไหร่ ซึ่งจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ต้องชั่งกันสองด้าน เงินเสียบ้างแต่ดีกว่าเสียชีวิต เราไม่มีสิทธิ์ให้ใครอยู่หรือไปเหมือนในต่างประเทศ เราอยากจะให้ทุกคนอยู่กับเรา ไม่ว่าจะช่วงอายุไหน เราไม่อยากเป็นแบบต่างประเทศ หลายคนบอกว่าเบาใจได้ ออกมาขายของกัน แต่อยากให้ดูเพื่อนบ้านเรา
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ป่วย 2,715,614 ราย เสียชีวิต 190,422 ราย หรือ 7 เปอร์เซ็นต์ จะเห็นว่าอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงอยากย้ำว่าโรคนี้ไม่ได้เป็นโรคตามฤดูกาล และลดความสำคัญไม่ได้ เพราะมีอัตราการเสียชีวิตที่สูง หลายประเทศยังตึงและขยายมาตรการเอาไว้ ดังนั้น เราไม่ใช่ประเทศเดียวที่ใช้มาตรการเข้มข้นแบบนี้ หลายที่ทำแล้วต้องทำต่อ ต้องพยายามไม่ให้การ์ดตก ทั้งนี้ ขณะนี้เรามีศักยภาพตรวจเชื้อในประเทศได้วันละประมาณ 2 หมื่นตัวอย่าง แบ่งเป็น กทม.10,000 ราย และต่างจังหวัด 10,000 ราย เราจะเพิ่มจำนวนห้องตรวจจากตอนนี้ 123 แห่งทั่วประเทศ ให้ได้ 176 แห่ง ซึ่งต่อไปจะทำให้ได้ในทุกจังหวัดในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้จะมีคนไทยกลับจากญี่ปุ่น และตกค้างจากประเทศแคนนาดา 31 คน เวลา 15.30 น. อินเดีย 171 คน แบ่งเป็นพระภิกษุ 104 รูป แม่ชีและผู้ปฏิบัติธรรม เวลา 15.10 น. ส่วนวันที่ 25 เม.ย. อิหร่าน 21 คน เป็นนักศึกษาและคนไทยตกค้าง เวลา 07.25 น. และอินเดีย 171 คน แบ่งเป็นพระภิกษุ 122 รูป แม่ชีและผู้ปฏิบัติธรรม เวลา 15.10 น.
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า สำหรับผลการปฏิบัติการด้านความมั่นคงช่วงเคอร์ฟิว คืนวันที่ 23 เม.ย.ต่อเนื่องเช้าวันที่ 24 เม.ย. หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจปรับเปลี่ยนมาตรการจากการตั้งด่านตรวจมาเป็นสายตรวจ ทำให้ตัวเลขของการดำเนินคดีลดลง โดยมีผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถาน 482 ราย ลดลงจากคืนก่อน 135 ราย ชุมนุม มั่วสุม 39 ราย ลดลงจากคืนก่อน 67 ราย ถือเป็นการตัวเลขต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ ส่วนจังหวัดที่มีผู้ฝ่าฝืนมากที่สุด คือ ปทุมธานี รองลงมา ได้แก่ กทม. ภูเก็ต สงขลา ปัตตานี นนทบุรี กระบี่ ลพบุรี สระบุรี และสุรินทร์ ทั้งนี้ พบว่า กลุ่มก้อนใหญ่ที่กระทำผิดรวมกลุ่ม ชุมนุม มั่วสุม ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. มีทั้งสิ้น 1,972 ราย
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าแต่ละจังหวัดเริ่มให้สถานประกอบการบางประเภทกลับมาเปิดได้ ตรงนี้แต่ละจังหวัดประเทศประกาศเอง หรือต้องประสานกับ ศบค.ก่อน นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการผ่อนปรน ผอ.ศบค.จะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นลักษณะของการออกกฎใหญ่ของประเทศ ส่วนการผ่อนคลายเป็นเรื่องของจังหวัดที่จะตามมา ซึ่ง ศบค.รับทุกเรื่องไม่ได้ จึงตั้งคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนใน ศบค.ที่มีเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธาน เข้ามามีส่วนร่วมและปรึกษากันถ้าจะมีการผ่อนปรน โดยกำลังทำงานกันอยู่และจะนำเสนอชุดข้อมูลให้ ผอ.ศบค.ตัดสินใจนำเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติ จากนั้นต้องมาดูว่าเป็นกิจการและกิจกรรมอะไร ที่จะค่อยๆ ออกมาๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถูกคิดและปรึกษากันอย่างรอบด้าน ออกมาคนส่วนใหญ่ต้องเห็นด้วย และมาตรการทั้งหลายจะต้องไม่กระทบต่อการแพร่ระบาด เพราะเราจะปล่อยให้มีการระบาดระลอกที่ 2 ไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อถามต่อว่าประชาชนสงสัยติดเชื้อโควิดสามารถไปตรวจฟรีได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า คนตรวจฟรีมีอาการ 2 ข้อ คือ มีไข้ หรือมีประวัติมีไข้ และเรื่องของมีอาการ คือ มีอาการไอ เจ็บคอ น้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ หรือปอดอักเสบ อย่างใดอย่างหนึ่งใน 5 อย่าง และร่วมกับมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย ทั้งมีประวัติเดินทางในพื้นที่ติดโรค หรือสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน สิ่งที่เราพยายามปรับให้ง่ายเข้าถึงการตรวจ สถานที่ตรวจตามสิทธิ หากเป็นข้าราชการไปโรงพยาบาลสามารถเบิกได้ คนมีสิทธิประกันสังคมไปตามโรงพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนไว้ซึ่งภาระอยู่ที่ภาครัฐที่ช่วยแบ่งเบาคนไทย ไม่ต้องล้มละลาย