เมืองไทย 360 องศา
ถึงอย่างไรก็ต้องชื่นชม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ที่ขมีขมันร่วมแรงร่วมใจกันกับสมัครพรรคพวก ช่วยกันประกอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ บางอย่างที่บอกว่า เป็นห้องตรวจโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจชนิดเฉียบพลัน ที่ประกอบด้วย ห้องปฏิบัติการแรงดันบวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และห้องความดันลบสำหรับผู้เสี่ยงติดโรค อุปกรณ์ติดเสริมเตียงเคลื่อนย้ายด้วยระบบแรงดันลบ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสในระหว่างเคลื่อนย้าย โดยจะมอบให้กับทางโรงพยาบาลที่แสดงเจตจำนงขอมา รวมอุปกรณ์สองรายการจำนวน 29 ชุด
ทั้งนี้ นายธนาธร กล่าวว่า การผลิตชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังกล่าวได้ใช้ข้อมูลจากเครือข่ายสังคมออนไลน์ ในเฟซบุ๊กเพจ open source covid Thailand และ คณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ที่เปิดให้สาธารณะผลิต และออกแบบ โดยมีบริษัทเอกชนร่วมสนับสนุนในการผลิต
แน่นอนว่า การได้เห็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้มีความคิดและร่วมในการผลักดันให้เกิดการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังกล่าว ก็ต้องชื่นชม และถูกกาลเทศะ ดีกว่าไปหมกมุ่นคลุ้มคลั่งกับเรื่อง “เสรีภาพ” เหมือนกับก่อนหน้านี้ จน “แทบตกขบวน” อย่างฉิวเฉียด
ที่บอกว่าเกือบตกขบวนนั้น เพราะหากพิจารณาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดนั้น ถือว่ากำลังจะผ่านพ้นช่วงวิกฤตแบบโกลาหลไปแล้ว เนื่องจากหากเทียบกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่ถือว่าเป็นช่วงแพร่ระบาดหนักหน่วง ที่เป็นบรรยากาศของความตื่นกลัว โกลาหลที่ชาวบ้านแย่งกันซื้อหาหน้ากากอนามัย กักตุนสินค้า ตามห้างสรรพสินค้าแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ซึ่งบรรยากาศแบบนั้นกำลังผ่านพ้นไปสู่ “สถานการณ์ใหม่” แล้ว
เวลานี้หากพิจารณากันด้วยตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นับจากล่าสุด เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา จากการแถลงของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ว่า มีจำนวน 19 ราย ถือว่ามีจำนวนน้อยที่สุดในรอบเดือน รวมผู้ป่วยสะสมจำนวน 2,811 แต่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมสะสม 48 ราย รักษาหายรวม 2,108 ราย ทำให้เหลือรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 655 ราย
ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่เหลืออยู่ที่ 19 ราย จากก่อนหน้านั้น จำนวน 27 ราย ถือว่าลดลงเป็นรายวัน ประกอบมีจังหวัดที่ปลอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นรายวันเช่นเดียวกัน มียอดรวมเป็น 36 จังหวัดแล้ว ทุกอย่างถือว่าโอเค มีแนวโน้มในทางบวก
ที่สำคัญก็คือ ทำให้จำนวนคนป่วยในโรงพยาบาลในเวลานี้ได้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตไปแล้ว แม้ว่าจะยังมีเสียงเรียกร้องให้มีความเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดอยู่ต่อไปก็ตาม เพราะยังมีโอกาสที่จะกลับมาแพร่ระบาดใหม่อีกครั้งก็เป็นได้ ดังที่มีตัวอย่างในบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และ สิงคโปร์ เป็นต้น แต่เอาเป็นว่าเมื่อทุกอย่างมีแนวโน้มในทางบวก และไม่ประมาท “การ์ดไม่ตก” โอกาสที่จะย้อนกลับไปแบบนั้นก็น่าจะมีน้อย
เมื่อวกกลับมาที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่กำลังระดมกำลังกันผลิตอุปกรณ์การแพทย์ เพื่อช่วยเหลือบุคลากรกันอย่างขะมักเขม้น ถือเป็นเรื่องน่าชื่นชม แม้ว่าจะถูกค่อนแคะไปว่า “มาช้าไปบ้าง”หรือ “มัวไปอยู่ไหนมา” เพิ่งมาตอนที่ “ตลาดกำลังจะวาย”แล้ว อะไรประมาณนี้ เพราะเวลานี้หลายคนกำลังมุ่งไปสู่มาตรการเยียวยาฟื้นฟู หลังความเสียหายจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อะไรประมาณนี้ แต่ถึงอย่างไร แม้ว่า “จะมาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา” ไม่ใช่หรือ
ต้องย้ำว่า เป็นเรื่องน่าชื่นชม แม้ว่าในการผลิตอุปกรณ์ดังกล่าว มีเรื่องการเมืองเจือปนให้เห็นอย่างชัดเจนก็ไม่ว่ากัน กับการที่ติดป้ายโลโก้ “คณะก้าวหน้า” ซึ่งไม่ได้ต่างจากการที่บริษัทใหญ่หลายแห่งที่ติดชื่อบริษัท หรือโลโก้สินค้า ก็ทำกันทั่วไป เอาเป็นว่าเขาได้ทำถูกกาลเทศะ หลังจากก่อนหน้าได้เข้ารกเข้าพงไปพักใหญ่ เสียเวลาไปกับเรื่อง “เสรีภาพ” และเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเผด็จการ จนมึนไปพักหนึ่งก็ตาม
ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนับถือน้ำใจในการร่วมด้วยช่วยกัน มันต้องแบบนี้แหละถึงจะได้ใจ ในยามที่บ้านเมืองกำลังวิกฤต ทุกฝ่ายต้องช่วยเหลือกัน ตามกำลัง ดีกว่ามัวแต่ขัดแข้งขัดขาไปทุกเรื่อง ให้ชาวบ้านเขารำคาญ เพราะบางสถานการณ์ควรจะละเรื่องการเมืองไปบ้าง !!